Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ทำไมเราทำอย่างที่เราทำ - ในการประกาศ

WHY WE DO WHAT WE DO – IN EVANGELISM
(Thai)

เขียนบทเทศนาโดย ดร. ซี แอล คาแกน และ
เทศนาโดย ศจ. จอห์น ซามูเอล คาแกน
ที่คริสตจักรบีบติสต์เทโลนาเคลแห่งนครลอสแอเจลิส
วันของพระเป็นเจ้าภาคเช้า 28 ตุลาคม 2018
A sermon written by Dr. C. L. Cagan
and preached by Rev. John Samuel Cagan
at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, October 28, 2018

“จงออกไปตามทางใหญ่และรั้วต้นไม้ทั้งหลาย และเร่งเร้าเขาให้เข้ามาเพื่อเรือนของเราจะเต็ม” (ลูกา 14:23)


เราประกาศข่าวประเสริฐที่ทำให้ผู้คนเข้ามาในโบสถ์ของเราเพื่อฟังพระกิตติคุณ ในโบสถ์อื่น ๆ สมาชิกอธิษฐานตามบทอธิษฐานของคนบาปกับคนที่อยู่บนถนนและเชิญพวกเขาไปที่โบสถ์หลังจากที่พวกเขาตัดสินใจ "นี้" แต่สิ่งแรกที่เราทำคือชักชวนให้คนไปที่คริสตจักรของเรา จากนั้นเราพาพวกเขาไปที่คริสตจักร เมื่อพวกเขามาถึงพวกเขาก็จะเป็นเพื่อนกับสมาชิกในคริสตจักร พวกเขาได้ยินข่าวประเสริฐ บางคนอยู่ที่นี่และวางใจในพระคริสต์ พวกเขากลายเป็นคริสเตียนที่ยอดเยี่ยม วิธีการใหม่นี้มาจากศิษยาภิบาลของเรา ดร. ไอเมอร์ส ท่านเป็นผู้ที่คิดค้นวิธีการนี้ เพราะท่านตระหนักว่าวิธีอื่น ๆ ทั้งหมดไม่สามารถนำคนที่หลงหายเข้ามาในคริสตจักรได้

วิธีการของ ดร. ไฮเมอร์สนั้นเป็นอย่างไร? เราทำอะไรเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ? ในคืนวันพุธ คืนวันพฤหัสบดีและเวลาอื่น ๆ เราออกไปแบบสองต่อสองตามวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้าและสถานที่สาธารณะอื่น ๆ ในเมือง ลอสแอนเจลิส พวกเราหลายคนก็ทำแบบนี้ด้วยตัวเอง สถานที่เหล่านี้เราออกปหาคนและพูดคุยกับพวกเขา เราไม่พยายามทำให้พวกเขาเชื่อวางใจในพระคริสต์ในเวลาเดี่ยวนั้น เราไม่ได้นำพาพวกเขาไปสู่ "บทอธิษฐานของคนบาป" แต่เราบอกพวกเขาถึงคริสตจักรของเรา ว่าที่คริสตจักรนั้นมีอนุชนชายและหญิงสาวจำนวนมากที่สามารถติดต่อเป็นเพื่อนกันได้ พวกเขาจะได้ยินคำเทศนา พวกเขาสามารถรับประทานอาหารกลางวัน (ถ้าพวกเขามาในตอนเช้า) หรือมื้อค่ำ (ในตอนเย็น) พวกเขาสามารถดูภาพยนตร์ พวกเขาจะอยู่ในงานปาร์ตี้ - เราเฉลิมฉลองวันเกิดของทุกคนในคริสตจักรของเรา พวกเขาจะมีช่วงเวลาที่ดี หลายคนอยากจะมา!

จากนั้นเราขอชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเขา ต่อมาเรานำรายชื่อและหมายเลขโทรศัทพ์เหล่านั้นมอบแก่มัคนายกเราและคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์ คนเหล่านี้ก็จะโทรศัพท์ไปหาคนเหล่านั้น และบอกพวกเขาเกี่ยวกับคริสตจักรของเราเชิญพวกเขามา และจัดรถไปรับพวกเขามาในวันอาทิตย์และพาพวกเขากลับบ้าน หลายคนมาโบสถ์ในวันอาทิตย์ในวันแรกหลังจากที่เราโทรศัพท์ไปหา ส่วนคนที่ไม่สามารถเข้ามาในนั้นก็จะมาในภายหลัง เมื่อพวกเขามาถึงคริสตจักรพวกเขาได้ยินคำสอนเกี่ยวกับพระเยซูและมีช่วงเวลาที่ดีในการสร้างเพื่อนใหม่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำและงานปาร์ตี้ ในเวลาต่อมาและหลายคนก็กลับมาอีก!

วิธีนี้ใช้ได้! ในช่วงห้าสัปดาห์ที่ผ่านมามีคนนับร้อยคนเข้าโบสถ์ของเราเป็นครั้งแรก และที่สองหรือสามตามมา และบางคนก็อยู่ในคริสตจักรและวางใจในพระคริสต์ วิธีนี้ทำให้คนเข้าโบสถ์ของเรา มันได้ผล!

ดร. ไฮเมอร์สสร้างวิธีที่เราประกาศข่าวประเสริฐนี้ด้วยการทำตามสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ในลูกา 14:23 "ออกไปทางหลวงและรั้วและบังคับให้พวกเขาเข้ามา" ก่อนอื่นเรานำคนที่หลงทางไปโบสถ์ ที่นั่นพวกเขาได้ยินพระกิตติคุณและวางใจในพระคริสต์ คริสตจักรอเมริกาสมัยใหม่ทำกลับกัน พวกเขานำคนสู่ "การตัดสินใจ" อย่างรวดเร็วบนท้องถนน แต่แทบไม่มีสักคนที่จะเข้ามาที่คริสตจักร วิธีการของพวกเขาก่อให้เกิดการตัดสินใจไม่ใช่การกลับใจใหม่ วันนี้ผมต้องการอธิบายเหตุผลที่เราประกาศข่าวประเสริฐแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาทำ

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

ตอนนี้บทเทศนาของเรามีไว้สำหรับใช้ในมือถือแล้ว
ไปที่ WWW.SERMONSFORTHEWORLD.COM.
คลิกไปที่ปุ่มสีเขียวที่ค่า “APP” จากนั้น
ให้ทำตามข้อแนะนำในนั้น

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

ทำไมเราถึงออกไปหารายชื่อและชักชวนให้คนอื่นเข้าโบสถ์และไม่พยายามที่จะให้คนเหล่านั้นรับความรอดในเวลานั้น?

ประการแรกเพราะวิธีของเราคือตามหลักพระคัมภีร์ ทุกอย่างผ่านทางพันธสัญญาใหม่ แอนดรูเป็นหนึ่งในสาวกสิบสองสาวก พระคัมภีร์กล่าวว่า "

“คนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูด และได้ติดตามพระองค์ไปนั้น คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร แล้วอันดรูว์ก็ไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อน และบอกเขาว่า เราได้พบพระเมสสิยาห์แล้ว” ซึ่งแปลว่าพระคริสต์ อันดรูว์จึงพาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู และเมื่อพระเยซูทรงทอดพระเนตรเขาแล้วจึงตรัสว่า ท่านคือซีโมนบุตรชายโยนาห์ เขาจะเรียกท่านว่าเคฟาส ซึ่งแปลว่าหิน (ยอห์น 1:40-42)

อันดรูว์ไม่ค่อยรู้อะไร แต่เขารู้ว่าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ อันดรูว์ไม่ได้อธิษฐานตามบทอธิษฐานของคนบาปกับผู้คน แต่เขานำน้องชายของเขาซีโมนเปโตรไปหาพระเยซู ต่อมาเปโตรกลายเป็นศิษย์เสียเอง ภายหลังเปโตรได้รับการกลับใจใหม่และเทศนาในวันเพนเทคอสตอนที่มีสามพันคนวางใจในพระคริสต์ แต่มันเริ่มต้นเมื่อเขาตามพี่ชายของเขาและได้พบกับพระเยซู

ฟิลิปกล่าวในเรื่องเดียวกันกับนาธานาเอล พระองค์ตรัสกับนาธานาเอลว่า "มาและดู" (ยอห์น 1:46) ฟิลิปรู้ไม่มาก แต่เขาได้นำนาธานาเอลไปหาพระเยซูและทำให้ทุกอย่างแตกต่างออกไป

วันหนึ่งพระเยซูเสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้าสู่ความรอด เธอไม่รู้พระคัมภีร์ เธอไม่ใช่ชาวยิว แต่เธอวางใจพระเยซู เธอไม่ได้ไปที่เมืองของเธอและพาคนไปพูดตามบทอธิษฐานของคนบาป แต่เธอเชิญพวกเขาให้มาดูพระเยซู พระคัมภีร์กล่าวว่า

“หญิง [สะมาเรีย] นั้นจึงทิ้งหม้อน้ำไว้และเข้าไปในเมืองและบอกคนทั้งปวงว่า มาดูท่านผู้หนึ่งที่เล่าถึงสิ่งสารพัดซึ่งฉันได้กระทำ ท่านผู้นี้มิใช่พระคริสต์หรือ?” (ยอห์น 4:28, 29)

ทุกคนสามารถทำได้ - แม้ว่าคุณยังไม่ได้รับความรอดก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องไปที่ชั้นเรียนเพื่อเรียนรู้หลักคำสอนของพระคัมภีร์ คุณไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของผู้คน คุณไม่เคยนำพาผู้คนตามท้องถนนมาก่อน คุณแค่เชิญชวนให้พวกเขามาคริสตจักรทำความรู้จักกับเพื่อนและมีช่วงเวลาที่ดี ทุกคนสามารถทำได้ - และเราทำอย่างนั้น

ประการที่สอง วิธีการของเราใช้ได้ผล คริสตจักรหลายแห่งไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐเลย แต่ถ้าทำ เวลาพวกเขาออกไปก็แค่พูดกับคนที่อยู่บนท้องถนนหรือที่ประตูหน้าบ้าน พวกเขารีบมอบ "แผนการแห่งความรอด" ให้แก่ผู้สูญหายและขอให้พวกเขาอธิษฐานตาม "บทอธิษฐานของคนบาป" ตรงที่นั่น นี่คือ "การตัดสินใจนิยม" บุคคลที่ "ตัดสินใจ" จะถูกนับเป็นผู้กลับใจใหม่ พวกเขาถูกนับว่า "รอด" แล้วหลังจากนั้นคริสตจักรก็ "ติดตาม" คนเหล่านี้ - แต่แทบไม่มีใครที่มาคริสตจักรอีกเลย พ่อของผม ดร. คาแกนเคยเข้าเยี่ยมคริสตจักรแบบติสม์เฟนดาเมนทอล์ซึ่งพวกเขาได้อธิษฐานกับผู้คนกว่า 900 คนภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่คนที่มาคริสตจักรแค่ 125 คน แม้ว่า 900 ตัดสินใจ แต่พวกเขาไม่เคยเข้ามาคริสตจักร พวกเขาอธิษฐาน แต่พวกเขาไม่ได้มาหาพระคริสต์

ทำไมเราไม่ทำในสิ่งที่คริสตจักรเหล่านั้นทำ? ใช้ไม่ได้ผล สมาชิกคริสตจักรนำคนหลายร้อยคนมาท่องตามบทอธิษฐานของคนบาป แต่พวกเขาแทบไม่มีใครมาที่คริสตจักร พวกเขาไม่ได้เป็นคริสเตียน พวกเขาตัดสินใจ "แต่ไม่ได้รับการกลับใจใหม่

ทำไมเราไม่พยายามที่จะทำนำคนบาปเข้าสู่การเป็นคริสเตียนในเวลาที่เราคุยกับพวกเขา? เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นคริสเตียน! แต่เราออกไปและเชิญชวนให้คนเข้าโบสถ์ของเรา ตอนแรกเราขอชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเขา แล้วให้พวกมัคนายกและผู้นำของเราโทรศัพท์ติดต่อพวกเขาและจัดรถไปรับพวกเขาให้มาคริสตจักรในวันอาทิตย์ เราเป็นเพื่อนกับพวกเขา เรามักทานอาหารกลางวันหลัง อาหารเช้าในวันอาทิตย์และอาหารมื้อค่ำหลังจากนมัสการในช่วงเย็นเราก็มีอาหารเย็นด้วย เราทำให้พวกเขามีความสุขเวลามาอยู่ที่โบสถ์ จากนั้นเจ้ามัคนายกและคนงานของเราโทรไปหาพวกเขาและเชิญพวกเขากลับมาที่คริสตจักร

ทำไมเราถึงทำในสิ่งที่เราทำ? เพราะวิธีของเรานำผู้คนเข้ามาในโบสถ์ ที่โบสถ์พวกเขาได้ยินคำเทศนาถึงพระกิตติคุณ บางคนวางใจในพระคริสต์ทันที แต่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องได้ยินข่าวประเสริฐเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนก่อนที่จะมีคน ๆ นั้นจะกลับใจใหม่ จากนั้นพวกเขาก็มีชีวิตอยู่ในฐานะคริสเตียนในคริสตจักรตลอดชีวิตที่เหลือ วิธีการอื่น ๆ เป็นวิธีการปลอมและใช้ไม่ได้ผล!

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมไปแอฟริกากับพ่อของผมคือ ดร. คาแกนและโนอาห์ ซอง เราเทศนาในโบสถ์ในยูกันดา เคนย่าและรวันดา ในเคนยาเราได้อบรมศิษยาภิบาล ช่วงบ่ายก่อนการประชุมสิ้นสุดลง ดร. คาร์แกนกล่าวกับศิษยาภิบาลเหล่านั้นว่า "ไปกันเถอะและหาชื่อกันเถอะ" เราเดินผ่านตามท้องถนนไนโรบีเคนยาโดยมีสิษยาภิบาลเหล่าเป็นล่ามเป็นภาษาสวาฮิลี เราได้พูดคุยกับผู้คนและขอหมายเลขโทรศัพท์ เราเชิญพวกเขาเข้าโบสถ์ ศิษยาภิบาลได้โทรศัพท์ไปหาพวกเขาให่เข้ามาที่คริสตจักร มีห้าคนมาในวันถัดไป! หลังจากที่เราบินไปที่รวันดา ศิษยาภิบาลได้ทำอย่างนั้นอีกครั้งและอีกห้าคนก็มาในวันอาทิตย์อีก!

นักเทศน์เหล่านั้นตื่นเต้นมาก พวกเขาพบว่าวิธีการนี้ใช้ได้ดี! พวกเขาบอกเราว่าพวกเขาได้ใช้ความพยายามอย่างมากและเสียเงินมากเพื่อให้คนเหล่านั้นตัดสินใจ แต่ก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาที่โบสถ์ ศิษยาภิบาลคิดว่าเป็นหนทางเดียวในการประกาศข่าวประเสริฐ พวกเขายินดีที่จะเรียนรู้วิธีการของเราซึ่งสามารถนำคนเข้าไปในโบสถ์

ประการที่สาม วิธีการของเราเหมาะสำหรับคุณ ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ได้รับการเชื้อเชิญเท่านั้น จะทำให้คุณเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็งขึ้นหากคุณประกาศอย่างสม่ำเสมอ และจะเสริมสร้างความเชื่อของคุณ ในเวลาที่เห็นคนที่คุณเชิญมาที่โบสถ์พักในโบสถ์และวางใจในพระคริสต์ มีความสุขอย่างมากที่ได้เห็นคนที่คุณเชิญเข้าโบสถ์ มีความสุขมากที่เห็นพวกเขาได้รับความรอด ผมหวังว่าความสุขนี้จะเป็นของคุณ!

ทำไมเราไม่แจกใบปลิวบ้าง? บางคนทำ บางทีคุณอาจไม่ทราบว่าใบปลิวคืออะไร ใบปลิวเป็นแผ่นกระดาษมักพับเก็บได้ซึ่งพวกเขาแจกเป็นจำนวนมากให้กับใครก็ตามที่สามารถเอาติดตัวไป ใบปลิวกล่าวถึงแผนการแห่งความรอด ในตอนท้ายก็บอกให้คนที่จะไว้วางใจพระเยซูคริสต์ให้อธิษฐานหรือลงนามชื่อของเขาบนใบปลิวนั้น

คริสตจักรหลายแห่งมีผู้คนออกไปทำอย่างนั้น พวกเขาคิดว่าทางนี้สามารถพาคนมาถึงพระคริสต์ได้ แต่ใบปลิวไม่ได้นำคนมาถึงพระคริสต์ได้ ไม่ได้นำพวกเขาเข้าไปในโบสถ์ คนเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ใบปลิวนั้นเป็นการประกาศที่เสียเวลาและเสียเงิน นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่ใช้วิธีนี้

เรารู้ได้อย่างไร? เราพยายามทำอย่างนั้นแล้ว เราแจกใบปลิวเป็นล้าน ๆ ใบ มีคนอ่าน แต่ไม่มีใครมาที่คริสตจักร! พวกเขาไม่ได้รับการกลับใจใหม่เมื่อพวกเขาอ่านใบปลิวฉบับนั้น วิธีการนี้ไม่ใช่ตามพระคัมภีร์ พระคัมภีร์ไม่เคยบอกคริสเตียนให้ไปแจกใบปลิว แต่พระคัมภีร์บอกว่าจงออกไปและบังคับให้คนบาปเข้ามาในคริสตจักรท้องถิ่น! และนั่นคือสิ่งที่เราทำ

ทำไมเราถึงออกไปทีละสองคน? เพราะพระเยซูคริสต์ได้ส่งเหล่าสาวกของพระองค์ไปในทางนั้น พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเยซูคริสต์ทรงเรียกพวกสาวกสิบสองคนและเริ่มทรงใช้ออกไปเป็นคู่ - สองคน" (มาระโก 6: 7) "ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งสาวกอื่นอีกเจ็ดสิบคนไว้และใช้เขาออกไปทีละสองคน ๆ ให้ล่วงหน้าพระองค์ไปก่อน ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น" (ลูกา 10: 1)

แน่นอนคุณสามารถออกไปประกาศด้วยตัวคุณเอง พระคัมภีร์ไม่เคยห้ามไว้ ไม่มีอะไรผิดหรอก แต่การออกไปแบบทีละสองทางคือแบบของพระคัมภีร์และใช้ได้ผล!

ออกไปทีละสองคนจะพาคนเข้ามาในโบสถ์มากขึ้น เพราะว่าคนในเมืองลอสแอนเจลิส และเมืองใหญ่อื่น ๆ ต่างก็เป็นที่น่าสงสัย พวกเขาไม่ต้องการพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จัก คนหนุ่มสาวเป็นคนที่น่าสงสัยของผู้สูงอายุ หญิงสาวเป็นที่น่าสงสัยของผู้ชาย การที่มีสองคนออกไปด้วยกันจะทำให้หายความกลัวและนำรายชื่อมาได้มากขึ้น

ทีละสองคนจะดีาสำหรับคุณ เมื่อไปกับคริสเตียนที่มีประสบการณ์มากขึ้นคุณจะได้เรียนรู้วิธีเชิญคนเข้าไปทีคริสตจักร และรู้สึกสบายใจในการทำเช่นนั้น ตอนแรกคุณอาจรู้สึกกลัว คุณไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร แต่ไปกับคนอื่นคุณจะได้เรียนรู้วิธีการนำคนมาที่คริสตจักร ไม่นานคุณจะสามารถนำรายชื่อด้วยตัวเอง!

คุณจะมีการสามัคคีธรรมกับคริสเตียนคนอื่น ๆ ได้ดี การทำงานเพื่อพระเยซูช่วยให้คุณใกล้ชิดกับคริสเตียนที่คุณทำงานด้วย "การงานแห่งสามัคคีธรรม" สามัคคีธรรมเป็นการดี

เรารู้ได้อย่างไรว่าวิธีอื่นไม่ได้ผล? เราพยายามทำมาหลายปี! เราเดินเข้าไปหาผู้คน เคาะประตูและแจกใบปลิวด้วยแผนแห่งความรอดด้วยในระบบของ บิวลี่ แกรเฮ็ม เราอธิษฐานตามแบบอธิษฐานของคนบาปกับพวกเขาที่ประตูหน้าบ้านหรือบนท้องถนน เราแจกใบปลิว แต่คนไม่ได้เข้ามาที่คริสตจักร พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนใจ ด้วยวิธีนี้จึงใช้ไม่ได้ผล

แต่วิธีการของเราใช้ได้ผล! เรามีโบสถ์อยู่ตรงกลางของเมือง ลอสแอนเจลิส ลอสแอนเจลิสเป็นเมืองที่ไม่มีศิลธรรมและชั่วร้าย บาปทุกชนิดเกิดขึ้นที่นี่ คนยุ่งกับการทำงานและโรงเรียนและครอบครัวและเพื่อน มีการรบกวนมากมายรวมถึงโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ตและ iPhones และทุกสิ่งทุกอย่าง มีคนเพียงไม่กี่คนที่ไปโบสถ์ มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นคริสเตียนที่แท้จริง เราพยายามนำผู้คนตามท้องถนนให้อธิษบาน แต่นั่นไม่ใช่การสร้างคริสตจักร ไม่สามารถนำคนมาถึงพระคริสต์ได้

เราเรียนรู้จากประสบการณ์ เราออกไปและเชิญคนมาที่คริสตจักร จากนั้นเราก็พาพวกเขามาที่โบสถ์เพื่อหาเพื่อนและฟังพระกิตติคุณ ในคริสตจักรของเราพาคนที่ไม่เชื่อมาเกือบทุกวันอาทิตย์ พวกเขาไม่ได้มาจากโบสถ์อื่น ๆ พวกเขาไม่ได้มาจากบ้านคริสเตียน พวกเขามาจากพื้นแพที่ยังไม่เป็นคนิสเตียน และต่อมาบางคนกลายเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง นั่นเป็นเหตุผลที่คริสตจักรของเรามีจิตวิญญาณและมีชีวิตชีวา วิธีการของเราก่อให้เกิดคริสเตียนที่แท้จริงและเราขอบคุณพระเจ้าสำหรับพวกเขา! อาเมน

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงพิเศษก่อนเทศนาโดย ฝป. แจ็ค เหงียน:
“Bring Them In” (Alexcenah Thomas, 19th century)