Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




sกองทัพของกิเดโอน

GIDEON’S ARMY!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอ์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

ที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทอร์เบอนาเคล เมืองลอสแอนเจลิส
วันของพระเป็นเจ้าในตอนเย็น 24 มิถุนายน 2018
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Evening, June 24, 2018

“และพระเยโฮวาห์ตรัสกับกิเดโอนว่า พลโยธาที่อยู่กับเจ้ายังมีมากเกินไปที่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเขาทั้งหลาย เกรงว่าคนอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า ‘มือของข้าพเจ้าเองได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้น” (ผู้วินิจฉัย 7:2)


เป็นเรื่องที่ง่าย ๆ แต่เป็นเรื่องสำคัญมาก กิเดโอนเป็นชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในยุคแห่งการละทิ้งความดี และนั่นดึงดูดความสนใจของเราได้ทันทีเพราะในขณะนี้เราก็อยู่ในช่วงเวลาที่มีการละทิ้งความเชื่อเป็นอย่างมาก

I. ประการแรก ละทิ้งความเชื่อ

คนอิสราเอลทำชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า และพระเจ้าทรงลงโทษพวกเขาโดยปล่อยให้พวกเขากลายเป็นทาสของชาวมีเดียนซึ่งเป็นศัตรูของอิสราเอล คนอิสราเอลหลบหนีออกจากเหล่าคนมีเดียนที่โหดร้ายเหล่านี้ โดยการที่พวกเขาซ่อนตัวจากคนมีเดียนไปอยู่ในถ้ำ คนมีเดียนแข็งแรงมากจนทำลายพืชผลของอิสราเอล พวกเขาขโมยแกะวัวและลาของพวกอิสราเอล อิสราเอลถูกทำลายและสิ้นหวัง แล้วพวกเขาก็ร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า

แล้วพระเจ้าเสด็จมาหากิเดโอน พระเจ้าเสด็จมาหาเขาในขณะที่เขาทรงหลบซ่อนจากคนมีเดียน พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถิตกับเจ้าจงกล้าหาญเถิด" (ผู้วินิจฉัย 6:12)

ผมเองไม่ได้เป็นคนกล้าหาญตอนที่เดินทางไปเรียนที่วิทยาลัยพระคริสตธรรมของพวกเสรีนิยม ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของเมืองซานฟรานซิสโก ผมเป็นเด็กซื่อ ๆและบอบบางอ่อนโยน แต่สิ่งที่ผมเห็นในสถาบันนั้นทำให้ผมโกรธมากถึงการประกาศข่าวประเสริฐแบบสมัยใหม่ พวกเขาไม่เชื่อในพระเจ้าแห่งพระคัมภีร์ พวกเขาถูกควบคุมโดยพวกมีเดียน - ผู้ที่ต้องการจะใส่พระเจ้าไว้ในตะกร้า - ผู้ที่ไม่ต้องการให้พระเจ้าควบคุมความคิดหรือชีวิตของพวกเขา

ดร. เดวิด เอฟ. เวลส์ ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นของการประกาศข่าวประเสริฐในยุคของเรา เรียกว่า ไม่มีสถานที่สำหรับความจริง หรือ No Place for Truth: or Whatever Happened to Evangelical Theology? (Eerdmans, 1993) ดร. เวลส์เป็นคนโมโห ท่านกล่าวว่า "โลกของการประกาศได้สูญเสียอย่างรุนแรง" (หน้า 295) คริสตจักรอีเวนเจลิคอล์ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนหนุ่มสาวเป็นคริสเตียนที่แข้งเข็ง พวกเขาอ่อนแอและเห็นแก่ตัวกลัวที่จะพูดความจริง - เพราะกลัวว่าคนจะคิดอย่างไรกับพวกเขา การก่อตั้งของคริสตจักรอีเวนเจลิคอล์เพื่อต่อสู้กับทุกคนที่ของต้องการเห็นคริสตจักรมีการปฏิรูปและมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ดร. เวลส์กล่าวว่า "ความสอดคล้องเป็นพลังแห่งโลกของพวกอีเวนเจลิคอล์และจะช่วยยับยั้งผู้ประท้วงคนเดียว" (หน้า 295)

พวกเขาพยายามอย่างมากที่จะทำให้ผมคล้อยตามความเชื่อองพวกเขาในพระคริสตธรรมนั้น แล้วพวกเขาบอกว่าไม่มีวันที่ผมจะได้รับใช้ในคริสตจักรเคลือแบ๊บติสต์ใต้ได้ ถ้าหากผมยังมัวคิดที่จะปกป้องพระคัมภีร์อย่างนี้ ผมบอกพวกเขาว่า "ถ้าหากนั่นเป็นปัญหา ผมเองก็ไม่อยากเป็นด้วย”

ผมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ยืนหยัดอย่างนั้น ผมสูญเสียอะไร? ผมสูญเสียทุกสิ่งที่สำคัญสำหรับผมไปแล้ว แบ็บติสต์ใต้ไม่มีสิ่งที่ผมต้องการอีกต่อไป ผมเกลียดคณะ ผมเกลียดพระคริสธรรม ผมเกลียดคริสตจักรของผมที่ไม่สนับสนุนผม ผมเกลียดตัวเอง ผมเกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่ใช่พระเยซูคริสต์และพระคัมภีร์ คืนหนึ่งผมเดินอยู่คนเดียว ผมต้องเดินต่อไปหรือมานั่งเสียใจ

คืนหนึ่งในขณะที่ผมเผลอหลับไปในห้องหอพักของผม และแล้วพระเจ้าทรงปลุกผมท่ามกลางหอพักเงียบกรีบ ไม่มีเสียงคนพูด จากนั้นผมเดินออกไปในเวลากลางคืน ขณะที่ผมยืนอยู่บนเนินเขาข้างวิทยาลัยนั้น ผมได้เห็นแสงไฟจากเมืองซานฟรานซิสโกจากอีกฝั่งแม่น้ำ ในขณะนั้นมีลมพัดผ่านผมและผ่านเสื้อผ้าของผม ผมรู้สึกหนาวเข้ากับกระดูก และแล้วพระเจ้าตรัสกับผมว่า "เจ้าจะไม่มีวันลืมในคืนนี้ ตอนนี้เจ้าจะสั่งสอนเพื่อเราเท่านั้น ตอนนี้เจ้าจะเรียนรู้ที่จะไม่กลัว ตอนนี้เจ้าจะพูดถึงเราผู้เดียว เราจะอยู่กับเจ้า"

ตอนนี้ผมรู้สิ่งที่จะต้องสอน ก่อนหน้านั้นผมเป็นแค่อาสาสมัคร ตอนนี้ผมเป็นนักเทศน์ที่พระเจ้าทรงเรียก ผมเชื่อว่าทุกคนที่กล้าหาญนั้น ต้องกล้าที่จะเดินผ่านวิกฤติก่อนที่พระเจ้าจะไว้ใจคน ๆนั้นให้พูดความจริง ไม่ใช้อารมณ์ เพียงแค่นี้ "ถ้าเจ้าไม่ได้พูด ก็จะไม่มีใครกล้าพูด - และคนอื่น ๆ กลัวที่จะพูด ดังนั้นถ้าเจ้าไม่พูดอย่างนั้น ไม่มีใครที่ทำได้หรือหากมีก็พูดได้ไม่ดีพอ" ผมอยู่กับความคิดเหล่านั้นตลอดไป ดร. วอส โทเซอร์ เขียนไว้ในบทความที่เรียกว่า "Gift of Prophetic Insight" กล่าวว่า "เขาจะต่อต้านและประท้วงในนามของพระเจ้าและจะได้รับความเกลียดชังและการต่อต้านจากคริสตจักรส่วนใหญ่ ... แต่เขาจะไม่กลัวอะไรตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ "บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม ดร. บ๊อบโจนส์ที่สาม กล่าวว่าถึงผมว่า "เหมือนผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิมด้วยท่าทางและจิตวิญญาณ" สำหรับคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดอ่านอัตชีวประวัติของผมในหนังสือ "Against All Fears”

ประสบการณ์ในตอนเที่ยงคืนกับพระเจ้าทำให้z,เข้าใจชายคนหนึ่งเช่นกิเดโอน พระเจ้าตรัสกับเขาว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับเจ้า เจ้าจงเป็นคนที่กล้าหาญ" แม้ว่าเราไม่ได้เป็นกิเบโอน แต่อย่างน้อยมก็เข้าใจเขาในขณะนั้น กิเดโอนพูดว่า "พระเจ้าทรงทอดทิ้งเราและทรงมอบเราไว้ในมือพวกชาวมีเดียน" (ผู้วินิจฉัย 6:13)

กิเดโอนรู้สึกไม่คู่ควรและไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เช่นเดียวกับโมเสส นั่นเป็นข้ออ้างของกิเดโอน เพื่อน ๆ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เรากำลังเผชิญในยุดสุดท้ายนี้ เรารู้สึกไม่คู่ควรและไม่สามารถสู้รบกับศาสนาเทียมของชาวมีเดียน การละทิ้งความเชื่อมั่นนั้นมากเกินไป พลังของชาวอีเวนเจลิคอล์มีเดียนนั้นใหญ่เกินไป เราไม่สามารถทำอะไรก็ได้เพื่อปกป้องพระคัมภีร์และพระผู้เป็นเจ้าในพระคัมภีร์จากบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าเหล่านี้

II. ประการที่สอง พระเจ้าในพระคัมภีร์นั้นทรงพระชนม์อยู่!

พระเจ้าตรัสว่า “เราเป็นพระเจ้าผู้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง” (มาลาคี 3:6) พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับกิเดโอน พระองค์ทรงส่งผู้สื่อสารไปเพื่อรวบรวมชนชาติอิสราเอลต่อสู้กับคนมีเดียน

“ดังนั้น เยรุบบาอัล ซึ่งคือกิเดโอน และพลโยธาทั้งปวงที่อยู่กับท่าน ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่และไปตั้งเต็นท์อยู่ข้างน้ำพุแห่งฮาโรด ดังนั้นค่ายของคนมีเดียนอยู่ทางทิศเหนือของพวกเขา อยู่ในหุบเขาข้างภูเขาแห่งโมเรห์ และพระเยโฮวาห์ตรัสกับกิเดโอนว่า พลโยธาที่อยู่กับเจ้ายังมีมากเกินไปที่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเขาทั้งหลาย เกรงว่าคนอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า มือของข้าพเจ้าเองได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้น’เพราะฉะนั้นบัดนี้ จงประกาศให้เข้าหูของพลโยธาทั้งปวงว่า ผู้ใดก็ตามที่กลัวและสั่นเทิ้มอยู่ ก็ให้ผู้นั้นหันกลับเสีย และไปจากภูเขากิเลอาดโดยเร็ว และมีพลโยธากลับไปสองหมื่นสองพันคน และยังเหลืออยู่หนึ่งหมื่นคน” (ผู้วินิจฉัย 7:1-3)

พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า "ชนชาติที่อยู่กับเจ้านั้นมากเกินไป" จงไปเถิดกล่าวว่า "ผู้ใดกลัวและเกรงกลัวให้ปล่อยเขากลับและออกไป" (ผู้วินิจฉัย 7: 3)

มีสองหมื่นสองพันคนที่กลับไป ส่วนอีกหมื่นคนนั้นอยู่กับกิเดโอน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา คริสตจักรของเรามีถึง 1,100 คนเมื่อเราได้ใช้โรงเรียน Le Conte Junior High School แต่พวกเขาส่วนมากกลัวที่จะเสี่ยงชีวิตต่อสู้เพื่อพระเยซู มีคนออกจากคริสตจักรของเราเพื่อแสวงหา "ความสนุก" - หรือเรื่องเพศ - หรือยาเสพติด คนที่เหลืออยู่ได้รับการอธิบายโดยพระเยซูคริสต์ในคำอุปมาเรื่องผู้หว่านเมล็ดพืข ในลูกา 8: 10-15 คำอุปมาเรื่องนี้ คนแรกคือคนที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าและมารมาขโมยพระคำนั้นออกจากใจของพวกเขา “เพื่อมิให้พวกเขาเชื่อและได้รับความรอด" (ลูกา 8:12) เราเห็นว่าเกือบทุกสัปดาห์ เวลาพวกเขาเข้ามานมัสการชอบดู iPad แทนการฟังเทศน์ หรือไม่ก็หลับตาลงและคิดถึงสิ่งอื่น ๆ พระวจนะของพระเจ้ามี่ค่าแก่พวกเขาเลย เพราะพวกเขาปล่อยให้ซาตานเอาพระคำออกจากใจของพวกเขาไป

ประเภทที่สองคือคนที่ได้ยินคำพูดด้วยความปิติยินดี แต่ไม่มีรากอยู่ในพระคริสต์ ดังนั้น ณ เวลานั้นพวกเขาดูเหมือนจะเชื่อ แต่เมื่อพวกเขาถูกล่อลวงพวกเขาก็ยอมละทิ้งความเชื่อนั้นไปพร้อมกับหลงไปกับสิ่งล่อลวงนั้น

บุคคลที่สามคือคนที่ได้ยินพระคำพูดแต่ไม่สนใจกลับเดินไปตามทางของพวกเขาเอง เพราะพวกเขาลุ่นหลงกับความร่ำรวยและความสุขของชีวิต "ผลของการกระทำเช่นนี้ไม่อาจนั้นมาซึ่งความก้าวหน้าได้" ดร. เจเนอร์ แมคกี้ ถูกต้องเมื่อท่านกล่าวว่าทั้งสามชนิดนี้คือคนไม่เคยยอมที่จะกลับใจใหม่ พวกเขาคือภาพของคนที่ละทิ้งเราในอดิต ชีวิตของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง พวกเขามามาคริสตจักรก็เพื่อหาเพื่อนและความสนุกสนานที่เรามีในคริสตจักร แต่เมื่อถูกทดสอบพวกเขาก็ทิ้งพระเจ้าและคริสตจักร เพราะพวกเขาไม่เคยกลับใจใหม่และไม่เคยบังเกิดใหม่ ภาพเหล่านี้เป็นภาพของคนสองหมื่นสองพันคนที่มาช่วยกิเดโอน แต่กลับกลัวการสูญเสียไม่กล้ากลายเป็นทหารของพระเจ้า! และทหารแห่งกางเขน!

“และพระเยโฮวาห์ตรัสกับกิเดโอนว่า พลโยธาที่อยู่กับเจ้ายังมีมากเกินไปที่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเขาทั้งหลาย เกรงว่าคนอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า ‘มือของข้าพเจ้าเองได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้น” (ผู้วินิจฉัย 7:2)

แต่ยังมีคนอยู่อีกมากมาย พระเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า " “พลโยธายังมากเกินไป จงพาเขาทั้งหลายลงไปริมน้ำและเราจะทดสอบพวกเขาให้เจ้าที่นั่น" (ผู้วินิจฉัย 7: 4) ที่นั่นร้อนมาก "ในหุบเขาข้างภูเขาแห่งโมเรห์" (ผู้วินจฉัย 7: 1) พวกอิสราเอลกระหายนั้นมาก คนของกิเดโอนส่วนใหญ่วิ่งไปหาน้ำ บางคนคุกเช่าลงและใช้มือของตนวักน้ำขึ้นมาดื่ม "และจำนวนคนที่ใช้มือของตนวักน้ำขึ้นเลียที่ปากของตน มีสามร้อยคน แต่พลโยธาทั้งปวงนอกนั้นคุกเข่าลงดื่มน้ำ" (ผู้วินิจฉัย 7: 6) พวกเขาส่วนใหญ่เอามือโจมลงไปในน้ำเพราะกระหายน้ำมาก แต่มีเพียงสามร้อยคนวักน้ำไว้ในมือของพวกเขาและดื่มจากมือของพวกเขาเท่านั้น เพราะพวกเขารู้ว่าต้องศีรษะต้องไม่ก้มเพื่อที่จะสามารถมองเห็นคนมีเดียนเวลาดื่มน้ำ

“และพระเยโฮวาห์ตรัสกับกิเดโอนว่า “เราจะช่วยเจ้าทั้งหลายให้พ้นด้วยคนสามร้อยคนที่เลียน้ำนั้น และมอบคนมีเดียนไว้ในมือของพวกเจ้า และจงให้บรรดาพลโยธาอื่น ๆ นั้นกลับไปยังที่ของตนทุกคน” (ผู้วินิจฉัย 7:7)

ในคืนนี้เราจะไปกับทหารสามร้อยคนของกิเดโอน ส่วนคนมีเดียนนั้นอยู่ที่หุบเขา "นอนอยู่ตามหุบเขาเหมือนฝูงตั๊กแตน และฝูงอูฐของพวกเขาก็นับไม่ถ้วน มีจำนวนดั่งเม็ดทรายที่ชายทะเล" (ผู้วินิจฉัย 7:12) คืนนี้พระเจ้าทรงมอบกองทัพอันมีอำนาจแห่งคนมีเดียนไว้กับสามร้อยคนของกิเดโอน คนมีเดียนวิ่งหนีเอาตัวรอด และอิสราเอลก็จับหัวหน้าของคนมีเดียนนั่นโอเรบและเศเอบ พร้อมกับตัดมือและตัดศีรษะของพวกเขาและนำมาให้กิเดโอน (ดูผู้วินิจฉัย 7:25) ได้รับชัยชนะด้วยการทรงนำของพระเจ้าโดยกลุ่มคนจำนวนน้อยที่มีเพียงทหารสามร้อยนาย!

นี่เป็นบทเรียนสำหรับพวกเราในคืนนี้ คริสตจักรส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ถูกนำโดยผู้นำที่สนใจเฉพาะตัวเลขเท่านั้น คนเหล่านี้เป็นมีเดียนอีเวนเจลิคอล์ พวกเขาคิดว่าจำเป็นต้องมีคนเข้าร่วมเป็นสมาชิกถึงหลักร้อย แต่พวกเขาไกลับไร้ประสิทธิภาพ มันจะเป็นการดีสำหรับนักเทศน์ดังกล่าวที่จะคิดเทศนาโดนใช้บทเรียนของกิเดโอนและวงเล็กทหารไม่กี่ร้อยนายแต่ซื่อสัตย์

โจนาธาน เอส. ดิคเกอร์สัน เขียนหนังสือดีๆชื่อว่า The Great Evangelical Recession (Baker Books) เขาให้สถิติว่า วันนี้มีเพียง 7% ของเยาวชนของเราอ้างว่าเป็นคริสเตียนอีเวนเจลิคอล์ สี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ของคริสเตียนอีเวนเจลิคอล์จะสูญเสียในอีกยี่สิบปีข้างหน้า นั่นหมายความว่าจำนวนวัยหนุ่มของคริสเตียนอีเวนเจลิคอล์จะลดลงจาก 7% เป็นเพียงแค่ "4 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า - เว้นแต่จะมีการสร้างสาวกใหม่ขึ้นมา" (ibid., หน้า 144)

เหตุใดจำนวนเยาวชนในคริสตจักรจึงลดลง ผมเชื่อว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ท้าทายให้มีชีวิตอยู่แบบคริสเตียนที่แท้จริง เป้าหมายของเราคืออะไร? เป้าหมายของเราในคริสตจักรนี้คือการช่วยให้เยาวชนมีศักยภาพสูงสุดในพระคริสต์ เราอยู่ที่นี่เพื่อระดมกลุ่มคนหนุ่มสาวเป็นอย่างกองทัพของกิเดโอน เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคนหนุ่มสาวเข้ามาคริสตจักรของเราและกลายเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ คนที่เราต้องการเข้าร่วมในกองทัพของพระคริสต์คือคนหนุ่มสาว พวกเขาเป็นคนหนุ่มสาวที่พร้อมจะทำอะไรใหม่ ๆ และชอบการท้าทาย พระเยซูตรัสว่า

“ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา” (มาระโก 8:34)

ผู้ที่ไม่สนใจติดตามพระเยซูคริสต์ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรก็ตามควรถูกกำจัดออกไป ผู้ที่ต้องการได้รับการดูแลเหมือนเด็กทารกอย่างที่ผมเรียกว่า "อาศัยคนอื่น" คนที่ "อาศัยคนอื่น" ไม่ต้องการที่จะปฏิเสธตัวเอง พวกเขาไม่ต้องการมอบอะไรให้กับพระเยซู ถ้าคุณต้องการได้รับการดูแลตลอดไปนี่ไม่ใช่คริสตจักรสำหรับคุณ

ภรรยาของ เอลลีนา มาที่คริสตจักรของเราเมื่อเธออายุเพียงสิบหกปี ภายในสามสัปดาห์เธอก็เดินไปที่คริสตจักรเองโดยที่เธอไม่จำเป็นต้อง "ให้ใครพามาอีก" หลังจากผ่านไปเพียงสามสัปดาห์เท่านั้น เธอก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคนที่รับใช้พระเจ้าร่วมกับพี่น้องในคริสตจักรของเรา เธอกลายเป็นนักร้องตอนอายุ 17 ปี เธอแต่งงานกับมตอนที่เธออายุเพียง 19 ปี ตอนที่ลูกฝาแฝดของเราเกิดมา เธอพาพวกเขาไปคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ ลูกชายของผมเลสลี่ไม่เคยพลาดนมัสการในทุกวันอาทิตย์นับตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เวสลีย์พลาดไปเพียงอาทิตย์เดียวเนื่องจากเจ็บป่วยเท่านั้น ผู้หญิงบางคนบอกว่านั่นมันมากเกินไป พวกเขาเอาลูก ๆ อยู่บ้านเมื่อใดก็ตามที่มีปัญหาเจ็บป่วยเล็กน้อย แต่ภรรยาของผมทำถูกต้องและส่วนคนอื่น ๆ ทำผิด ผลคือลูก ๆ เกือบทั้งหมดของพวกเขาออกจากคริสตจักรไปเพื่อใช้ชีวิตที่เห็นแก่ตัว ส่วนลูกชายสองคนของเรายังอยู่ที่นี่มานมัสการจนถึงทุกวันนี้ พวกเขาอยู่ที่นี่เพราะภรรยาของผมเป็นสาวกของพระคริสต์ ดร. กรีนตัน เอล ชาน ผู้ซึ่งจะกำลังได้รับเกียรติฉลองวันเกิดครบรอบหกสิบปีในเวลาอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ กล่าวถึงนางไฮเมอร์ว่า "ผมรู้ว่าเธอเป็นคนแรกที่เข้ามาในคริสตจักรของเรา แล้วเธอก็ยังมีความรักที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระคริสต์และห่วงใยจิตวิญญาณคนผู้ที่หลงทาง ในฐานะที่ตอนยังเป็น [วัยรุ่น] เธอได้ถวายชีวิตของเธอเข้าร่วมพันธกิจในคริสตจักรของเราและไม่กลัวสูญเสียอะไรเลย ... คนหนุ่มสาวควรมองนางไฮเมอร์ให้ เป็นแบบอย่างให้กับคุณ ถ้าคุณทำตามเธอ คริสตจักรของเราจะมีอนาคตที่สดใสและรุ่งโรจน์"

ตั้งแต่เราฉลองวันเกิดครบรอบ 60 ปีของ ดร. ชาน ในคืนนี้ ผมควรจะบอกว่าเขาก็เป็นตัวอย่างที่ถึงการเป็นสาวกที่ดีของพระคริสต์ เขาเป็นศิษยาภิบาลในโบสถ์ของเรา เขาอ่อนแอมากเมื่อเป็นตอนยังเป็นเด็ก เขาป่วยมากจนทำให้เขาอยู่ในกรงแก้วที่โรงพยาบาลตลอดช่วงวัยทารก เขามาที่คริสตจักรเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นและกำลังศึกษาเพื่อเป็นนายแพทย์ หมอคนอื่นบอกว่าเขาจะมีชีวิตไม่ถึงสามสิบ เขาเป็นคนอ่อนแอที่อาจเพียงต้องการให้คริสตจักรดูแลเขา แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย! เขามอบชีวิตรับใช้พระเจ้าร่วมกับพี่น้องในคริสตจักรและกลายเป็นสาวกของพระคริสต์ คนอื่นบอกว่าถ้าเขาไม่ออกกำลังกายก็ตายก่อนอายุสามสิบปี แต่การรับใช้พระคริสต์ทำให้ ดร. ชานมีชีวิตที่ดีและแข็งแรงเป็นเวลานานกว่าสามสิบปีผิดกับที่มีคนพูดเอาไว้ เขาติดตามพระองค์ไป และตอนนี้เขานั่งอยู่บนเวทีนี้ในฐานะผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในวัยหกสิบปี!

ผมสามารถบอกคุณเกี่ยวกับนาย เมนเชีย และนาง ซาลาซาร์ และ นายเบน กรี่ฟฟี่ ผู้ที่ไปพักผ่อนวันหยุดกับภรรยา ผมสามารถบอกคุณเกี่ยวกับนายและนาง เวอเจล นิกเลล์ ผู้ให้ยืมเงินส่วนใหญ่ซื้อตึกนี้ นาย นิเจลล์ตอนนี้อายุ 75 ปี และเป็นโรคเบาหวาน - แต่เขายังขับรถเกินกว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อานมัสการที่คริสคจักรของเราทุกๆคืนวันพุธทุกเช้าวันอาทิตย์และทุกคืนวันอาทิตย์ ผมสามารถบอกคุณเกี่ยวกับชายหนุ่มที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือนายจอห์น ซามูเอล คาร์แกนผู้ซึ่งจะมาเป็นศิษยาภิบาลในคริสตจักรของเราแทนผม ทุกคนเหล่านี้ได้กลายเป็นสาวกของพระเยซูและทหารแห่งการเขน

ดร. ทิโมธี หลิน ของผม กล่าวว่า "น้อยดีกว่ามาก ... ตอนมานั่งเต็มทุกวันอาทิตย์ที่ แต่ความจริงก็ยังคงมีเพียงไม่กี่คนที่เข้าร่วมกลุ่มประชุมอธิษฐาน... เราไม่สามารถพูดได้ว่านี่เข้มแข็งแล้ว” (The Secret of Church Growth, p. 39)

ดูพระคัมภีร์ คุณจะครั้งแล้วครั้ลเล่าถึง "น้อยดีกว่ามาก" พระเยซูทรงพา 11 คนและทำการเปลี่ยนแปลงคนทั้งโลก เพราะคนของพระองค์เต็มใจที่จะสละชีวิตของตนและเพื่อพระองค์ ในประวัติศาสตร์คริสตจักรเราเห็นบทเรียนเดียวกัน มีเพียง 120 คนเท่านั้นที่อยู่ในเทศกาลเพ็นเทคอสต์ เฉพาะคริสเตียนโมราเวียน สมัยนี้มีเพียงไม่กี่คนที่จุดประกายการเคลื่อนไหว มีเมทอดิสต์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จุดประกายให้คนอื่น มีเพียงไม่กี่คนที่ติดตาม เจมส์ ฮัดสัน เทย์เลอร์ ผู้ประกาศในประเทศจีน

ผู้ที่ไม่เต็มใจที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพระคริสต์ก็ควรถูกกำจัดทิ้ง ผู้ที่ต้องการได้รับการปฏิบัติเหมือนเด็กทารกตลอดไปควรจะถูกกำจัดออก ผู้ที่ไม่ต้องการย้ายออกจากเขตสบายของพวกเขาควรจะกำจัดอยู่ก็เป็นเพียงวัชพืชเท่านั้น พวกเขาเป็นผู้รับ "ตลอดกาล" ซึ่งไม่เคยให้สิ่งใดแก่พระคริสต์ ถ้าเราต้องการมีคริสตจักรแต่มีแต่สาวกเราต้องปล่อยให้ "คนที่แต่รับ" ออกไป เพื่อที่เราจะได้มีเยาวชนที่ต้องการความท้าทายพวกมีเดียนแห่งอีเวนเจลิคอล์ใหม่ เราต้องส่งเสริมให้ผู้ที่ต้องการทำให้ชีวิตของพวกเขานอยู่เพื่อพระเยซูคริสต์ และเราต้องไม่สนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการให้เราปฏิบัติกับพวกเขาเช่นทารกที่ไม่ยอมเติบโต! เราต้องสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการจะเป็นสาวกของพระเยซูและเราต้องปล่อยให้ส่วนที่เหลือกลับบ้านเหมือนกิเดโอนทำ!

โปรดยืนและร้องเพลงบทนมัสการบทที่ 1 ในหนังสือเพลงของคุณ "ก้าวไปข้างหน้าทหารคริสเตียน"“Onward, Christian Soldiers.” ร้องด้วยกัน!

ทหารคริสเตียนเดินขบวนทำสงครามต่อไป
   ด้วยมีไม้กางเขนของพระเยซูอยู่ข้างหน้า
พระเยซูคริสต์ทรงนำพาต่อสู้ศัตรู
   ชูป้ายของพระองค์เดินเข้าไปในสนามรบ!
ทหารคริสเตียนเดินขบวนทำสงครามไปข้างหน้า
   ด้วยมีไม้กางเขนของพระเยซูอยู่ข้างหน้า

เหมือนกองทัพอันยิ่งใหญ่เคลื่อนคริสตจักรของพระเจ้า
   พี่น้องเรากำลังเหยียบออกไปข้างหน้า
เราจะไม่แบ่งแยก เราต่างเป็นกายเดียวกัน
   ด้วยความหวังเดียวและหลักคำสอนเดียว
ทหารคริสเตียนเดินขบวนทำสงครามไปข้างหน้า
   ด้วยมีไม้กางเขนของพระเยซูอยู่ข้างหน้า

จากนั้นพวกท่านก็จะเข้าร่วมกับฝูงชนที่มีความสุขของเรา
   ผสมผสานกับเสียงของเราในบทเพลงชัยชนะ
จงถวายเกียรติและถวายเกียรติแด่พระคริสต์จอมกษัตริย์
   ทูตสวรร๕และทุกหมู่เหล่าต่างร้องเพลงเสียงดัง
ทหารคริสเตียนเดินขบวนทำสงครามไปข้างหน้า
   ด้วยมีไม้กางเขนของพระเยซูอยู่ข้างหน้า
(“Onward, Christian Soldiers,” Sabine Baring-Gould, 1834-1924).

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงเดี่ยวก่อนเทศนาโดย ผป. โนอาห์ ซอง:
“Onward, Christian Soldiers” (Sabine Baring-Gould, 1834-1924).


โครงร่างของ

กองทัพของกิเดโอน

GIDEON’S ARMY!

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอ์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“และพระเยโฮวาห์ตรัสกับกิเดโอนว่า พลโยธาที่อยู่กับเจ้ายังมีมากเกินไปที่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเขาทั้งหลาย เกรงว่าคนอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า ‘มือของข้าพเจ้าเองได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้น” (ผู้วินิจฉัย 7:2).

I.    ประการแรก การละทิ้งความเชื่อ ผู้วินิจฉัย 6:12, 13.

II.   ประการที่สอง พระเจ้าในพระคัมภีร์นั้นทรงพระชนม์อยู่!! มาลาคี 3:6; ผู้วินิจฉาย 7:1-3; ลูกา 8:12;
ผู้วินิจฉัย 7:4, 1, 6, 7, 12; มาระโก 8:34.