Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป

THEY FORSOOK HIM AND FLED
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนครลอสแอนเจลิส
ช่วงเย็นวันของพระเป็นเจ้า 4 มีนาคม ค.ศ. 2018
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, March 4, 2018

“แต่เหตุการณ์ทั้งสิ้นที่ได้บังเกิดขึ้นนี้ ก็เพื่อจะสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่พวกผู้พยากรณ์ได้เขียนไว้ แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป” (มัทธิว 26:56)


สุดท้ายแล้วเหลือแต่พระเยซูที่อธิษฐานอยู่คนเดียวในสวนเกทเสมนี พระองค์ทรงปลุกพวกสวากที่นอนหลับอยู่ พระองค์ตรัสว่า "ลุกขึ้นไปกันเถิด ดูเถิด ผู้ที่จะทรยศเรามาใกล้แล้ว" (มัทธิว 26:46) ยูดาสจึงนำ "คนหนึ่งในเหล่าสาวกสิบสองคนนั้น ได้เข้ามา และมีประชาชนเป็นอันมากถือดาบ ถือไม้ตะบอง มาจากพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้อาวุโสแห่งประชาชน" (มัทธิว 26:47)

ดูแล้วสาวกทั้งหมดที่อยู่ในสวนเกทเสมนีของคืนวันนั้นจะเหมือนกันหมด ยูดาสบอกคนเฝ้าวิหารว่า “เราจะจุบผู้ใด ก็เป็นผู้นั้นแหละ จงจับกุมเขาไว้ให้แน่นหนาเถิด" (มัทธิว 26:48) ยูดาสจูบแก้มของพระเยซู "คนเหล่านั้นก็เข้ามาจับพระเยซูและคุมไป" (มัทธิว 26:50) "ซีโมนเปโตรมีดาบ จึงชักออกและฟันผู้รับใช้คนหนึ่งของมหาปุโรหิต ถูกหูข้างขวาขาดไป ชื่อของผู้รับใช้คนนั้นคือมัลคัส" (ยอห์น 18:10) พระเยซู "ทรงถูกต้องใบหูคนนั้นให้เขาหาย" (ลูกา 22:51) แล้วพระเยซูตรัสกับเปโตรให้เก็บดาบ พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เจ้าคิดว่าในคืนนี้เราจะอธิษฐานต่อพระบิดาของเราไม่ได้หรือ เพื่อขอให้พระองค์ประทานทูตสวรรค์แก่เรามากกว่าสิบสองกอง" [72,000 ทูตสวรรค์] แต่ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วสิ่งที่ทำนายในพระคัมภีร์จะสำเร็จได้อย่างไร? "(มัทธิว 26: 53-54) พระเยซูตรัสกับบรรดาผู้ที่มาจับกุมพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือจึงถือดาบ ถือตะบองออกมาจับเรา เราได้นั่งกับท่านทั้งหลายสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน ท่านก็หาได้จับเราไม่" (มัทธิว 26:55) เรากลับมาที่พระคำของเรา

“แต่เหตุการณ์ทั้งสิ้นที่ได้บังเกิดขึ้นนี้
ก็เพื่อจะสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่พวกผู้พยากรณ์ได้เขียนไว้
แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป” (มัทธิว 26:56)

เหตุการณ์เหล่านี้ถูกอธิบายโดยผู้เผยพระวาทเมื่อหลายร้อยปีก่อน ดร. อาร์ ซี เอช เลนสกี้ กล่าวว่า "สิ่งทั้งปวงนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลเดียวและสำหรับคนเดียว: เพื่อให้พระวจนะที่ถูกล่าววไดดนผู้เผยพระวจนะ...สำเร็จตามนั้ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้: พระเจ้ากำลังดำเนินตามแผนการที่ถูกกล่าวเอาไว้โดยผู้เผยพระวจนะ พระเยซูทรงกระทำให้แผนการณืของพระเจ้านี้สำเร็จ... ตอนนี้ข้อ 56 เป็นจริงแล้ว เมื่อพระเยซู [ถูก] พาไป และพวกสาวกทั้งหมดหนีไป (R. C. H. Lenski, Ph.D., The Interpretation of St. Matthew’s Gospel, Augsburg Publishing House, 1964 edition, p. 1055; note on Matthew 26:56)

“แต่เหตุการณ์ทั้งสิ้นที่ได้บังเกิดขึ้นนี้
ก็เพื่อจะสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่พวกผู้พยากรณ์ได้เขียนไว้
แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป” (มัทธิว 26:56)

ในบทเทศน์นี้ ผมจะเจาะลึลงไปในข้อนี้ ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้อง “ละทิ้งพระองค์ และหนีไป” ตาม ดร. จอร์จ ริคเกอร์ เบอร์รี่ ภาษากรีกแปลคำว่า "ละเลย" ว่าเป็น "ละทิ้ง" ใน KJV หมายความว่า "ละทิ้ง" ในคำเทศน์นี้ผมจะเจาะลึกลงไปในข้อนี้เพื่อขุดคุ้ยเหตุผลบางประการที่พวกสาวก "ละทิ้งพระองค์และหนีไป” (A Greek-English Lexicon and New Testament Synonyms) มีเหตุผลอยู่บางประการที่แสดงว่าทำไมพวกสาวกละทิ้งพระเยซู ปล่อยพระเยซุและหนีไป

I. หนึ่ง พวกกเขาละทิ้งพระเยซูและหนีออกไปสำเร็จตามคำทำนายของผู้เผยพระวจนะ

ข้อความของเรากล่าวว่า "แต่ทั้งหมดนี้ทำเพื่อให้สำเร็จตามผู้พยากรณ์..." ซึ่งรวมถึงคำพยากรณ์ถึงสาวกที่ละทิ้งพระองค์และวิ่งหนีไป เศคาริยาห์ 13: 6-7 กล่าวว่า

“และถ้าผู้ใดจะถามเขาว่า ‘ทำไมท่านมีแผลในมือทั้งสอง’ เขาจะตอบว่า ‘ข้าพเจ้าได้แผลนั้นในเรือนของพวกเพื่อนของข้าพเจ้... จงตีเมษบาล และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะกลับมือของเราต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย” (เศคาริยาห์ 13:6-7)

กรุณาพิจารณาดูคำว่า “จงตีเมษบาล และฝูงแกะนั้นจะกระจัดกระจายไป เราจะกลับมือของเราต่อสู้กับตัวเล็กตัวน้อย” ดร. เฮนรีมอร์ริสกล่าวว่า "ในเรื่องคำพูดเหล่านั้น" ตีคนเลี้ยงแกะและแกะจะกระจัดกระจายไป "

ข้อนี้อ้างมาจากมัทธิว 26:31 และมาระโก 14:27 โดยตัวของพระเยซูเอง พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี และมอบชีวิตของพระองค์เองเพื่อฝูงแกะ (ยอห์น 10:11) ที่ทางเลือกหรือที่กลับกันคือฝูงแกะนั้นกระจัดกระจายไป (Henry M. Morris, Ph.D., The Defender’s Study Bible, World Publishing, 1995 edition, p. 993; note on Zechariah 13:7)

พระเยซูคริสต์ตรัสว่าเศคาริยาห์ 13: 7 พยากรณ์ถึงสิ่งที่พวกสาวกละทิ้งพระองค์ไว้และหนีไป ในมัทธิว 26:31 พระเยซูตรัสว่า

“ครั้งนั้นพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ในคืนวันนี้ท่านทุกคนจะสะดุดเพราะเรา ด้วยมีคำเขียนไว้ว่า ‘เราจะตีผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป” (มัทธิว 26:31)

อีกครั้งหนึ่งในมาระโก14:27

“พระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า
ท่านทั้งหลายจะสะดุดใจเพราะเราในคืนนี้เอง ด้วยมีคำเขียนไว้ว่า
เราจะตีผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป” (มัทธิว 14:27)

พวกสาวกละทิ้งพระองค์และวิ่งหนีนั้นไปตามคำทำนายของผู้เผยพระวจนะในเศคาริยาห์ 13:7

“แต่เหตุการณ์ทั้งสิ้นที่ได้บังเกิดขึ้นนี้
ก็เพื่อจะสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่พวกผู้พยากรณ์ได้เขียนไว้
แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป” (มัทธิว 26:56)

II. สอง พวกกเขาละทิ้งพระเยซูและหนีออกไปเพราะว่าพวกเขาเป็นคนบาป

เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ตกจากมตราฐานของพระเจ้า เราต้องไม่ลืมว่า คุณเป็นคนบาป - เพราะคุณเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติที่เป็นคนบาป - ลูกหลานของอาดัม พระคัมภีร์กล่าวว่า "

“เหตุฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคน ๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคนเช่นกัน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป” (Romans 5:12)

นั่นคือเหตุผลที่ทุกคนเกิด "ตายในความบาป" (เอเฟซัส 2: 5) นั่นคือเหตุผลที่ทุกคน "โดยธรรมชาติเป็นบุตรของพระพิโรธ" (เอเฟซัส 2: 3) นั่นคือเหตุผลที่คุณเป็นคนบาปโดยธรรมชาติ อย่าโทษทุกอย่างเกี่ยวกับปีศาจ! ปีศาจไม่สามารถควบคุมเราได้หากเราไม่ใช่คนบาปตามธรรมชาติ ลูกหลานของอาดัมทุกคนเป็นคนบาปตามธรรมชาติ คุณเป็นคนบาปโดยธรรมชาติ ใช่คุณ!

พวกสาวกก็ไม่ดีไปกว่าพวกุณบางคน พวกเขาก็เป็น "ลูกแห่งพระพิโรธ" พวกเขาก็เช่นกัน "ตายในความผิดบาป" พวกเขาเป็นบุตรของอาดัมด้วย หนังสือสำหรับเด็กที่ชื่อ New England กล่าวว่า

“ในความบาปของอาดาม
เราทุกคนเป็นบาป”

สาวกเหล่านั้นมีจิตใจของความบาปซึ่งเป็น "เกลียดชังต่อต้านพระเจ้า" (โรม 8: 7) ดังนั้น พวกเขาจึงปฏิเสธพระกิตติคุณในแต่ละครั้งที่พระคริสต์ประกาศให้กับพวกเขา เช่นเดียวกับที่คุณปฏิเสธพระกิตติคุณ! ดร. เจ. เวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่า

[พระเยซู] ตรัสซ้ำถึงห้าครั้งว่าพระองค์จะเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อสิ้นพระชนม์ที่นั่น (มัทธิว [16:21], 17:12, 17: 22-23, 20: 18-19; 20:28) ถึงแม้ว่าการสอนอย่างเข้มข้นนี้ เหล่าสาวกไม่เข้าใจความสำคัญของ [ข่าวประเสริฐ] จนกระทั่งหลังการฟื้นคืนพระชนม์ (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, Thomas Nelson Publishers, 1983, volume IV, p. 93; note on Matthew 16:21)

ทำไมพวกสาวกถึงไม่สามารถ “จับใจความสำคัญ” ในพระกิตติคุณ? คำตอบง่ายๆ

“ถ้าข่าวประเสริฐของเราถูกบังไว้จากใคร ก็จากคนเหล่านั้นที่กำลังจะพินาศ” (2 โครินธ์ 4:3)

ในบันทึกของเขาเกี่ยวกับยอห์น 20:22 ดร. แมคกี้ กล่าวว่าพวกสาวกไม่ได้บังเกิดจนกระทั่งพวกเขาได้พบกับพระเยซูคริสต์ตอนพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์และพระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า "รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด" (J. Vernon McGee, Th.D. , ibid., p. 498; หมายเหตุอ้างในยอห์น 20:22) (คลิกที่นี่เพื่ออ่านคำเทศนาของผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ – “The Fear of the Disciples”“This Saying Was Hid From Them,” “The Conversion of Peter,” “Peter Under Conviction,” แล “The False Repentance of Judas.”)

“แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป” (มัทธิว 26:56)

พวกเขาต้องผ่านเรื่องนี้เพื่อดูว่าพวกเขาเป็นคนบาป เช่นเดียวกับ จอห์น คาเกน และ เอมี่ ซาบาลากา ได้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนบาป เช่นเดียวกับที่คุณต้องทำเพื่อดูว่า คุณเป็นคนบาปที่หลงหาย!

บางคนอาจบอกคุณได้ว่า ผมพูดมากกินไปที่บอกว่าพวกสาวกยังไม่ได้บังเกิดใหม่ และยังไม่ได้กลับใจใหม่จนกว่าพระเยซูทรงฟื้ยคืนพระชนม์ คุณคิดว่าพวกสาวกแตกต่างจากคุณอย่างไร? ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ต่างอะไรไปจากผม! ถ้าไม่มีโลหิตของพระเยซู ผมคงไม่โอกาสมายืนอยู่ตรงหน้าคุณคืนนี้ได้! หากไม่มีโลหิตของพระเยซู ผมก็ยังคงเป็นคนบาปที่หลงหายไปและไปสู่นรกอยู่!

พระเยซูทรงหาข้าฯในขณะเป็นคนแปลกหน้า
   เดินหลงจากทางของพระเจ้า
พระองค์ทรงช่วยข้าฯจากอันตราย
   ทรงรักษาโดยโลหิตอันล้ำค่าของพระองค์
(“Come, Thou Fount,” Robert Robinson, 1735-1790).

ผมยอมรับหนังสือของ ไรน์ เอช มูร์เรย์ ที่ชื่อว่า The Old Evangelicalism (The Banner of Truth Trust, 2005) การพูดเกี่ยวกับการกลับใจใหม่โดยทั่วไป ไรน์ เอช มูร์เรย์ กล่าวว่า "มีความจำเป็นเร่งด่วนที่คนปัจจุบันนี้จะค้นพบเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ที่แท้จริง ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในเรื่องนี้ และเป็นประโยชนือย่างมาก" (หน้า 68) เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วส่งมาให้ผม ผมอยากจะได้ยินจากคุณ และผมจะตอบไปรายบุคคล! อีเมลของผมคือ rlhymersjr@sbcglobal.net.

“แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป” (มัทธิว 26:56)

เพราะว่าเขาทั้งหลายยังไม่ได้รับการชำระจากบาปของตนโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ คุณได้รับการชำระโดยโลหิตของพระเยซูหรือยัง? คุณรับหรือยัง? คุณรับหรือยัง? คุณไม่มีความหวังจนกว่าคุณจะได้รับการชำระล้างด้วยโลหิตของพระเยซู!

III. สาม ในเวลานี้พวกเขาละทิ้งพระเยซู และหนีไปเพราะพวกเขายังไม่ได้การกลับใจจากบาปอย่างแท้จริง

พวกเขามั่นใจในความสามารถของตนเอง เราเห็นว่าหลายครั้งก่อนที่พระคริสต์จะฟื้นขึ้นมาจากการสิ้นพระชนม์ แล้วก็ปรากฏตัวแก่พวกเขาและประทานพระวิญญาณแก่พวกเขา ตัวอย่างเช่นพระเยซูบอกเปโตรว่าเขาจะปฏิเสธพระองค์ในคืนนั้น พวกเขาต้องได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ - เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกถึงบาปของพวกเขา!

“ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือจึงถือดาบ ถือตะบองออกมาจับเรา เราได้นั่งกับท่านทั้งหลายสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน ท่านก็หาได้จับเราไม่” (มัทธิว 26:35)

ยังไม่มีสาวกคนไหนที่กลับใจใหม่! คุณก็เช่นกัน! คุณต้องได้การทรงนำโดยพระวิญญาณ - ทำให้คุณสำนึกในบาป! ดร. มาร์ตีน ลอยด์โจนส์ กล่าวว่า

จะไม่มีการประกาสใดๆที่แท้จรองหากปราศจากคำสอนเรื่องบาป และไม่มีการเข้าอย่างแท้จริงว่าบาปคืออะไร...การประกาศต่องเริ่มด้วยความบริสุทธ์ของพระเจ้า มนุษย์ที่เป็นคนบาป และรากเง่าของความบาปและการทำผิด นอกจากคนที่ถูกทำให้สำนึกในบาปเท่านั้นหรือความผิดของตน ถึงจะได้รับการปลดปล่อยจากบาปนั้นโดยพระคริสต์ [ ดร. เขียนว่า: ผมเขาได้รับการทำให้รับรู้ในความบาปของตนเองที่ทำตัวเหมือนยูดาห์ ในวันอิสเอตร์!] (D. Martyn Lloyd-Jones, M.D., Studies in the Sermon on the Mount, InterVarsity, 1959, volume 1, p. 235; emphasis mine)

พวกสาวกยังไม่ได้มาถึงจุดที่เชื่อเกี่ยวกับบาปจนกว่าพวกเขาทั้งหมดจะ "ทอดทิ้งพระองค์และหนีไป" สาวกเพียงแค่พูดว่า "เราเชื่อว่าพระองค์มาจากพระเจ้า"

“พระเยซูตรัสตอบเขาว่า เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายเชื่อแล้วหรือ? ดูเถิด เวลาจะมา เวลานั้นก็ถึงแล้ว ที่ท่านจะต้องกระจัดกระจายไปยังที่ของท่านทุกคน และจะทิ้งเราไว้แต่ผู้เดียว...” (ยอห์น 16:30-32)

การเสียใจของเปโตรหลังจากที่เขาปฎิเสธพระเยซูนั้นแสดงถึงการสำนึกในบาป และหลังจากนั้นสาวกคนอื่นก็รู้สึกเช่นนั้นด้วย “เปโตรออกไปร้องไห้เสียใจ” (ลูกา 22:62). ดร. ดับบริว จี ที เชดด์ แสดงความคิดเห็นว่า “พระวิญญาณบริสุทธ์ไม่ทำให้คนนั้นกลับจนกว่าจะทำให้คนนั้นสำนึกบาปก่อน” (Shedd, Dogmatic Theology, volume 2, page 514) และพวกสาวกไม่ได้ถูกทำให้เชื่อว่าเป็นคนบาปจนกว่าพวกเขาจะทรยศพระเยซู หลังจากนั้นพวกเขาก็รู้ว่า พวกเขาต้องการที่จะได้รับการชำระด้วยพระโลหิตอันบริสุทธิ์ของพระองค์ บางท่านคิดว่าคุณสามารถกลับใจใหม่ได้โดยไม่ต้องถูกทำให้รับรู้ในบาปก่อน! คุณจะไม่กลับใจใหม่จนกว่าจะเชื่อว่าตัวคุณเป็นคนบาป! เปโตรจึงออกไปและร้องไห้เสียใจ คนส่วนใหญ่ร้องไห้เหมือนเปโตรก่อนที่พวกเขาจะกลับใจใหม่ คุณร้องไห้เสียใจหรือไม่?

การประยุกต์ใช้

ตอนนี้ผมจะกล่าวให้กับบุคคลที่ยังไม่ได้กลับใจใหม่ คุณรู้สึกว่าคุณเป็นคนบาป และของคุณนั้นเมปด้วยการ "หลอกลวง ... และมีแต่ความชั่วร้าย"? (เยเรมีย์ 17: 9) คุณรู้สึกว่า "โอ้ คนอนาถานั้นคือตัวฉัน! ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความตายนี้ได้" (โรม 7:24) คุณสูญเสียความมั่นใจในตัวเองหรือไม่? คุณร้องไห้และเสียใจเพราะความบาปของเราหรือไม่? ไม่มีความหวังสำหรับคุณจนกว่าคุณจะร้องไห้และเสียใจเพราะความบาปของคุณ! "พระเจ้าทรงเมตตาต่อคนบาปอย่างข้าพระองค์" เหมือนอย่างที่ ดร. ลอยด์ โจนส์ กล่าวไว้ว่า "เป็นเพียง [บุคคล] ที่ถูกกระทำมองเห้นความผิดของตัวเองในทางนี้เท่านั้น ถึงจะมาที่พระเยซูคริสต์เพื่อรับการช่วยกู้และการไถ่" (ibid.)

ในพระนามพระเยซูคริสต์พระองค์ทรงถ่อมตัวลง
และทุกหยดเลือดที่ไหลลงมานั้นรักษาเราให้หาย

ใครล่ะจะสามารถบอกได้ว่าพระองค์ทรงลำบากแค่ไหนต่อการหลั่งโลหิตนั้น
ใครล่ะจะเข้าใจถึงการทนทุกข์ทรมานของพระองค์เพราะความผิดของเรา?

พระองค์ทรงปวดเร้าพระทัยยิ่งนักและไม่เคยร้องออกมาสักคำ
ช่างน่าเศร้าใจที่พระองคืต้องถูกตอกด้วยตะปูและสวมมงกุฏหนาม

เพราะการทรยศต่างๆได้ตกลงมาที่พระองค์แต่เพียงผู้เดียว
เพราะทรงปวดเร้าและทรงแบกทุกความผิดบาปของเรา
   (“The Lord Hath Laid on Him,” William Hiley Bathurst, 1796-1877;
      to the tune of “Amazing Grace.”)

คุณต้องรู้สึกว่าตนเองมีบาปจริงๆ และจากนั้นคุณก็ร้องไห้และเสียใจเหมือนที่คนจีนทำในประเทศจีน ตอนที่มีการฟื้นฟู

อีกประเดียว ผมจะขอให้พวกคุณออกมานั่งในสองแถวแรกนี้ เพื่อพูดคุยกับเราเกี่ยวกับการช่วยกู้ แต่มีหลายท่านที่เข้ามา และก็จะไม่ทำให้คนเหล่านั้นดีขึ้น คุณยังจะออกจากที่นี่เหมือนคนบาปที่หลงหายไป ทำไมการออกมาที่นี่ก็ช่วยคุณไม่ได้? เพราะคุณไม่สำนึกในบาป คุณเหมือนพวกสาวก คุณมีความมั่นใจในตัวเองมาก คุณคิดว่าคุณสามารถใช้ชีวิตในฐานะคริสเตียนแบบที่คุณเป็น แต่คุณผิด เพราะไม่ช้าก็เร็วมารจะมาและล่อใจคุณ และคุณก็จะทำอย่างเดียวกันกับพวกที่ที่เคยทำก่อนหน้านั้น คุณจะทอดทิ้งพระเยซูคริสต์ คุณจะออกจากคริสตจักรแห่งนี้ คุณจะกลับไปใช้ชีวิตแบบคนที่ไม่เชื่อ ผมรู้ได้ได้อย่างไร? เพราะผมเทศนามานานเป็นเวลา 60 ปีแล้ว ผมเห็นหลายร้อยคนเป็นเช่นเดียวกับพวกคุณ นั่นคือวิธีที่ผมรู้ว่าคุณจะทอดทิ้งพระเยซูคริสต์เช่นเดียวกับพวกสาวกในคืนนั้น ไม่ช้าก็เร็วคุณจะทำสิ่งที่พวกเขาทำกัน คุณคิดว่าไม่มีทางที่คุณจะทำอย่างนั้น แต่คุณผิด! จงซื่อสัตย์ให้กับตัวเอง คุณได้คิดที่จะออกจากโบสถ์นี้แล้ว ซื่อสัตย์กับตัวเอง คุณเคยคิดเกี่ยวกับการออกไปใช่มั้ย? ใช่ไหม ใช่ไหม คุณรู้ดีที่สุด

คุณต้องมองไปที่ใจของคุณ คุณต้องรู้สึกถึงบาปของคุณ คุณต้องรู้สึกว่าคุณขาดความเชื่อในพระเยซู คุณต้องรู้สึกว่าคุณเป็นคนบาปที่หลงหายไป! คุณต้องรู้สึกว่าผิด - ผิดที่ไม่ไว้วางใจพระเยซู นั่นคือบาปที่ใหญ่ที่สุดของทุกคน - คือความบาปที่ไม่ไว้ใจพระเยซู พระเยซูตรัสว่า "ผู้ที่ไม่เชื่อก็ถูกพิพากษาแล้ว" (ยอห์น 3:18) คุณไม่ต้องรอจนกว่าคุณจะตกนรก คุณถูกประณามแล้ว! ดร. ลอยด์ โจนส์ กล่าวว่า "นี่เป็นเพียงการที่คุณได้รับความรู้สึกผิด และรู้สึกผิดคุณก็จะมาหาพระคริสต์เพื่อช่วยกู้และปลดปล่อย" คุณรู้สึกผิดหรือเปล่า? ถ้าคุณรู้สึกว่าบาปของคุณรบกวนคุณ คุณจงมาหาพระเยซูและวางใจในพระองค์แล้วจะได้รับความรอดจากพระองค์และรับการชำระโดยโลหิตของพระองค์ที่หลั่งเพื่อชำระคุณจากบาป ไม่มีทางอื่นที่จะช่วยชีวิตคุณได้อย่างแท้จริง ผมอธิษฐานขออย่าให้มีวันอาทิตย์ไหนที่ผมไม่ได้เทศนาถึงพระโลหิตของพระเยซู ผมไม่รู้ที่จะเทศนาเรื่องอื่นอีกนอกจากนี้ – เชื่อพระเยซูแล้วจะรับการชำระให้สะอาด พระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งลงบนไม้กางเขนที่โกรธานั้นเป็นความหวังเดียวของคุณ! แต่คุณไม่ได้พูดถึงพระเยซูหรือพระโลหิตของพระองค์เลย! ทำไมไม่? เพราะคุณไม่รู้สึกบาปของคุณ - นั่นคือเหตุผล! นั่นคือเหตุผล! นั่นเป็นเหตุผล! คุณกำลังพยายามที่จะเรียนรู้คำพูดที่ถูกต้อง โอ้คุณเป็นคนโง่! ออกัสติน กล่าวว่า "ใจของเรากระวนกระวาย จนกว่าพวกเขาจะพบกับสิ่งที่เหลืออยู่ในพระองค์" มีน้ำพุเต็มไปด้วยเลือดซึ่งมาจากเส้นเลือดของพระผู้ช่วยให้รอด และคนบาปซึ่งลงไปอยู่ใต้น้ำนี้ความผิดทั้งหมดของตนจะถูกชำระไป มาหาพระเยซูตอนนี้ และรับการชำระบาปด้วยพระโลหิตอันบริสุทธิ์ของพระองค์! อาเมน

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงพิเศษก่อนเทศนาโดย นาย เบนจามิน คิมเกด กรีฟิฟฟี่:
“Alone” (Ben H. Price, 1914)


โครงร่างของ

ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป

THEY FORSOOK HIM AND FLED

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“แต่เหตุการณ์ทั้งสิ้นที่ได้บังเกิดขึ้นนี้ ก็เพื่อจะสำเร็จตามพระคัมภีร์ที่พวกผู้พยากรณ์ได้เขียนไว้ แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป” (มัทธิว 26:56)

(มัทธิว 26:46, 47, 48, 50; ยอห์น 18:10; ลูกา 22:51;
มัทธิว 26:53-54, 55)

I.    หนึ่ง พวกกเขาละทิ้งพระเยซูและหนีออกไปสำเร็จตามคำทำนายของผู้เผยพระวจนะ,
เศคาริยาห์ 13:6-7; มัทธิว 26:31; มาระโก 14:27

II.   สอง พวกกเขาละทิ้งพระเยซูและหนีออกไปเพราะว่าพวกเขาเป็นคนบาป โรม 5:12;
เอเฟซัส 2:5, 3; โรม 8:7; 2 โครินธ์ 4:3

III.  สาม ในเวลานี้พวกเขาละทิ้งพระเยซู และหนีไปเพราะพวกเขายังไม่ได้การกลับใจจากบาป
อย่างแท้จริง, มัทธิว 26:35; ยอห์น 16:30-32; ลูกา 22:62; เยเรมีย์ 17:9; โรม 7:24; ยอห์น 3:18