Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




สามคำที่กล่าวถึงคริสตจักรในยุกแรก

THREE WORDS GIVE THE SECRET
OF THE EARLY CHURCH!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนครลอสแอนเจลิส
ช่วงเย็นวันของพระเป็นเจ้า 19 พฤษจิกายน ค.ศ. 2017
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Evening, November 19, 2017

“เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขาร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยจริงใจ ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ที่กำลังจะรอด เข้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุก ๆ วัน” (กิจการ 2:46, 47)


คริสตจักรของเรากำลังแตกและตายลงทุกวัน พวกเขาสูญเสียสมาชิกที่เป็นคนหนุ่มช่วง 16 ถึง 30 ปีมากกว่า 88% จอร์ จบาร์ ซึ่งเป็นนักสำรวจความคิดเห็นที่มีชื่อเสียงได้เล่าให้เราฟังว่าหลายปีมาแล้ว ที่คณะ “The Southern Baptist Council on Family Life” กล่าวว่า "88% ของเด็กที่เติบโตในคริสตจักรและอายุ [ประมาณ] 18 ปีเวลาที่ออกจักรคริสตจักรไปแล้วไม่เคยกลับมาอีก" (Baptist Press, June 12, 2002) นอกจากนี้ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าคริสตจักรของเราแทบจะไม่สามารถประกาศให้กับเยาวชนทั่วโลกมารับเชื่อได้ ดร. เจมส์ ด๊อบสัน กล่าวว่า "80% ของผลการเติบโตของคริสตจักรนั้นมาจากการโอนสมาชิกไปมาเท่านั้น" (“Focus on the Family Newsletter,” August 1998) เจน แฮตเมเกอร์ นักเขียนของอีเวนเจลิคอล์ กล่าวว่า "เราไม่เพียง แต่ไม่สามารถดึงคนใหม่ ๆ เข้ามาในคริสตจักรเท่านั้น เรายังไม่สามารถรักษาสิ่งที่เรามีอยู่ได้ ประมาณครึ่งหนึ่งของคริสตจักรในอเมริกันทั้งหมดไม่สามารถนำผู้เชื่อ หรือมีการเพิ่มสมาชิกใหม่จากคนที่กลับใจใหม่... 94% ของคริสตจักรนอกจากไม่เติบโตแล้วยังมีการสูญเสีย [คน] ในชุมชนที่พวกเขารับใช้อยู่อีกด้วย ... แนวโน้มลดลงอย่างเรื่อยๆ [การอยู่รอดของศาสนาคริสต์เป็นที่น่าสงสัย] " (Interrupted: When Jesus Wrecks Your Comfortable Christianity, NavPress, 2014, pp. 79, 80)

ตอนนี้ให้ดูที่คริสตจักรแบ๊บติสตฺใต้ ผลจากรายงานของคาโรล พาย์ส ใน "California Southern Baptist" กล่าวว่า "คริสตจักรสูญเสียสมาชิกมากกว่า 200,000 รายในปีที่แล้วซึ่งเป็นปีที่มีการสูญเสียมากที่สุดนับตั้งแต่ ค.ศ 1881 (Annual Church Profile) ... รายงานบอกว่าการสูญเสียแปดใน 10 ปีที่ผ่านมาโดยปีที่แล้วต่ำสุดนับตั้งแต่ปี ค. ศ. 1947. ทอม แรนเอร์ [เจ้าหน้าที่ของ เอส บี ซี ] กล่าวว่า "มันทำให้หัวใจผมแตกสลายกับสิ่งที่คณะของเราเป็นอยู่... เป็นหนึ่งในความเสื่อมโทรม" ดร. แฟรงค์ เพจ [อีกหนึ่งผู้นำของแบ๊บติสต์ใต้] กล่าวว่า 'ความจริงก็คือ เรามีคนน้อยในคริสตจักรของเราและการถวายก็ลดน้อยลง เพราะว่าเรา ไม่สามารถสร้างพวกเขาให้มีวินัยในพระเจ้า' ท่านกล่างต่อว่า 'พระเจ้าทรงอภัยเราด้วย ... ขอพระเจ้าทรงช่วยเราให้จริงจัง... ต่อการเป็นสาวกเช่นเดียวกับคริสตจักรในศตวรรษแรก' " (ibid., p. 4)

ตัวเลขเหล่านี้เป็นภาพที่น่าสลดถึงคริสตจักรในอเมริกา พวกเขาสูญเสียสมาชิกของตัวเองและแทบจะไม่สามารถประกาศให้ชาวโลกให้มารับเชื่อได้ แม้กระทั่งคริสตจักรใหญ่ๆก็เป็นเช่นนั้น

นั่นคือภาพที่น่าเศร้าของคริสตจักรของเราในอเมริกาและโลกตะวันตก ตอนนี้ลองมาเปรียบเทียบคริสตจักรของเรากับคริสตจักรยุคแรกในหนังสือกิจการ ผมจะอ่านข้อความของเราอีกครั้ง

“เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขาร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยจริงใจ ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ที่กำลังจะรอด เข้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุก ๆ วัน” (กิจการ 2:46, 47)

อะไรคือความแตกต่าง! พวกเขาเต็มไปด้วยสันติสุข! พวกเขาพบปะกันทุกวัน! พวกเขาสรรเสริญพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง! "ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ที่กำลังจะรอด เข้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุก ๆ วัน" (กิจการ 2:47)

ดร. มาร์ตีน ลอยด์ โจนส์ กล่าวว่า "สถานที่ๆจะต้องไปให้ถึงคือหนังสือกิจการกิจการของอัครสาวก นี่คือยาชูกำลัง (ยาเสริมสร้างความเข้มแข็ง) นี่คือสถานที่แห่งความสดชื่นซึ่งเรารู้สึกถึงชีวิตของพระเจ้าที่เร่าร้อนในคริสตจักรยุคแรก" (Authentic Christianity, volume 1 (Acts 1-3), The Banner of Truth Trust, p. 225) ใจของเราตื่นเต้นที่ได้อ่านเกี่ยวกับสันติสุข ความกระตือรือร้นและสิทธิอำนาจของคริสตจักรในศตวรรษแรก! ผมได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือของ ดร. ไมเคล กรีน กล่าวไว้ในหนังสือของท่านชื่อ Evangelism in the Early Church (Eerdmans, 2003 edition). ตอนที่มาอ่านหนังสือเล่มนี้ เหมือนกับได้อ่านพระธรรมกิจการ ผมพบว่ามีคำในภากรีกในพระคัมภีร์ใหม่ ที่แสดงภาพของคริสตจักร มรยุคแรกดังนี้

I. หนึ่ง คำในภาษากรีกคือ “คูริอ๊อส” หรือ "kurios"

คำนี้ในภาษาไทยคือ “องค์พระเป็นเจ้า” ซึ่งหมายถึง “พระเจ้า” “อาจารย์” “เจ้าของ” “เจ้าผู้ปกครอง” ซึ่งเป็นคำที่เปโตรใช้กล่าวถึงพระเยซูในกิจการ 10:36

“คือการประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขโดยพระเยซูคริสต์ (ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง) (กิจการ 10:36)

ลองมาฟัง ดร. กรีน กล่าวถึงคริสเตียนในยุคแรก และเทศนาถึงพระเยซู

เราพบว่าพวกเขาเผยแพร่ข่าวประเสริฐถึงพระเยซู ผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์หรือว่าผ่านทางพระองค์ ทุกอย่างที่ได้สัญญาเอาไว้ได้สำเร็จแล้ว เราพบว่าพวกเขาประกาศข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขผ่านทางพระเยซู การปกครองของพระเยซูคริสต์ ไมกางเขนของพระเยซูการคืนพระชนม์ของพระเยซู หรือตัวของพระเยซูเอง ... นักเทศน์ในยุคแรกนั้นจะเน้ว่าพระเยซ๔คือศุนย์กลางแห่งข่าวประเสริฐ... เช่น ออริเจน (185-254) กล่าวว่า "สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งคือชีวิต: แต่พระเยซูคือชีวิต สิ่งที่ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือความสว่างของโลก: แต่พระเยซูทรงเป็นความสว่าง ความจริงอีกอย่าง คือประตูการ การคืนพระชนม์ สิ่งเหล่านี้พระผู้ช่วยให้รอดสอนเราว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างนั้น" ออริเจน "หลักสำคัญของ [พระกิตติคุณ] ที่พวกสาวกประกาศ และ[สำหรับคนที่ฟัง] คือพระเยซูคริสต์ "... ให้จุดประสงค์ในการประกาศข่าวประเสริฐทั้งหมด:" ออริเจนกล่าวถึงเป้าหมายของนักเทสน์ ว่า .มุ่งเน้นไปที่พระเยซูคริสต์ตอนที่พระองค์ทรงทำพันธกิจในโลก และเตรียมการกลับมาครั้งที่สองของพระองค์" (Green, ibid., pp. 80, 81)

คริสเตียนยุคแรก ๆ ไม่ได้ยินคำเทศนาเกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวเอง พวกเขาไม่เคยได้ยิน "การอรรถธิบาย" พระคัมภีร์ สิ่งที่พวกเขาได้ยินอย่างต่อเนื่องคือข่าวประเสริฐ - การสิ้นพระชนม์ การฝังศพและการคืนพระชนม์ของ "kurios" พระเยซูคริสต์! "พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งทุกสิ่ง" (กิจการ 10:36)

มีคนหนึ่งในคริสตจักรอื่นชอบวิพากษ์วิจารณ์ผมว่า ทุกครั้งที่ผมจบการเทศนานั้นมักชอบพูดถึงการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ผมมานั่งคิดถึงคำพูดนี้เป็นเวลานั้น จากนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่า สเปอร์เจียน กล่าวว่า "ผมยึดถือเนื้อหา อธิบายเนื้อหานั้น และ [โยงไป] ที่ไม้กางเขน" ท่านสเปอร์เจียนเหมือนนักเทศน์ในยุคแรกที่ยึดเอาพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง องค์พระเยซูคริสต์! นั่นคือสาเหตุคริสตจักรยุคแรกร้องเพลงตามคอรัสนี้

พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
   พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
และพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
   ทุกคนคุกเข่าทุกลิ้นจะนมัสการพระองค์
   (“He Is Lord,” Marvin V. Frey, 1918-1992)

ร้องกับผม!

พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
   พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
และพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
   ทุกคนคุกเข่าทุกลิ้นจะนมัสการพระองค์

คำว่า“คูริอ๊อส” กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นหัวใจสำคัญของทุกบทเทศนา และเป็รพระเจ้าแห่งชีวิตของทุกคนs! จึงไม่แปลกใจที่เหล่าสาวกกล่าวว่วา

“เราเทศนาถคงพระคริสตืผู้ถูงบนกางเขน” (1 โครินธ์ 1:23)

“ไม่แสดงความรู้เรื่องใด ๆ ในหมู่พวกท่านเลยเว้นแต่เรื่องพระเยซูคริสต์ และการที่พระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขน” (1 โครินธ์ 2:2)

เราต้องประกาศถึงพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงและฟื้นขึ้นมาจากความตายอย่างต่อเนื่อง นั่นต้องเป็นข้อความหลักของเราตลอดไป! ผมรู้ว่าคริสตจักรส่วนใหญ่ไม่ได้ทำอย่างนั้นมากนัก และนี่คือเหตุผลหลักที่พวกเขากำลังจะตายในทุกวันนี้!

มุสลิมสุดโต่งเรียกคนให้ติดตามและยอมตายเพื่อความเชื่อ คนหนุ่มสาวหลายพันในอเมริกาและตะวันตกกำลังทำเช่นนั้น ไอซิสสอนพวกเขาและให้ไปฆ่าคนอื่น นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำ แต่พระองค์ทรงเรียกพวกท่านมาหาพระองค์เพื่อเป็นของขวัญแห่งชีวิตนิรันดร์ พระคริสต์ตรัสว่า "เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่เจ้า และพวกเจ้าจะไม่พินาศ" (ยอห์น 10:28) และพระเยซูคริสต์เจ้าทรงเรียกพวกคุณให้มาเป็นสาวกของพระองค์ พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามาขอให้ผู้นั้นปฏิเสธตนเองและรับกางเขนและตามเรามา" (มัทธิว 16:24) พระคริสต์ทรงเรียกให้คุณเข้ามาในคริสตจักรของเราและกลายเป็นผู้ชนะจิตวิญญาณ พระองค์ทรงเรียกคุณเพื่อช่วยให้เรานำคนอื่นเข้ามารับความรอด!

ผมเรียกร้องคนหนุ่มสาวให้กลายมาเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง! ใช่ ถ่ากล่าวตรงๆ ผมต้องการให้คุณเป็นคนหัวรุนแรง! เป็นสาวก! เป็นคนหัวรุนแรงเพื่อพระเยซูคริสต์และสำหรับคริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ มาเช้าวันอาทิตย์ ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์อยากออกไปนำดวงวิญญาณมารับความรอดชนะกับเรา กลับมาในคืนวันอาทิตย์ กลายมาเป็นสาวกของพระคริสต์! ทำมัน! ทำมัน! นั่นไม่ได้เกี่ยวกับเวลาที่นักเทศน์แบ๊บติสต์บางคนบอกคนหนุ่มสาวของเรา? จงรับกางเขนและทำตามพระเยซูคริสต์! เป็นสาวก! เป็นทหาร เป็นกองทัพของพระคริสต์! ให้ร้องเพลงบทที่ 8 ในหนังสือเพลงของคุณ ร้องเพลง!

ทหารแห่งคริสเตียนเดินขบวนไปทำสงครามด้วยกัน
   ด้วยว่ามีกางเขนของพระเยซูนำหน้าไปก่อน
พระเยซูคริสต์ทรงนำพาเราต่อสู้กับศัตรู
   เดินชูธงไปข้างหน้าสู่สนามรบ
ทหารแห่งคริสเตียนเดินขบวนไปทำสงครามด้วยกัน
   ด้วยว่ามีกางเขนของพระเยซูนำหน้าไปก่อน
(“Onward, Christian Soldiers,” Sabine Baring-Gould, 1834-1924).

และนำเราไปสู่ภาษากรีกในคำที่สอง

II. สอง คำในภาษากรีก “อากะเป้” หรือ Agapē"

ดับบริว อี ไวน์ กล่าวว่า อะกาเป้ คือ "คำที่มีลักษณะเฉพาะของศาสนาคริสต์" นั่นหมายถึงความรักที่ตนเองมอบให้คนอื่น พระเยซูทรงใช้พระวจนะนี้เมื่อพระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกแรก พระเยซูตรัสว่า "

“เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลายคือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:34, 35)

ดร. ทิโมธี หลิน เคยเป็นศอษยาภิบาลของผม ตอนอยู่ที่คริสตจักรจีน ดร. หลิน กล่าวว่า

อัครสาวกได้รับบัญชาแห่งความรักนี้ โดยตรงจากพระเจ้าของเราและพวกเขาก็ได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ "เห็นว่าคริสเตียนรักซึ่งกันและกัน!" กลายเป็นคำที่ได้การชมเชยจากคนที่ [ไม่ใช่คริสเตียน] แต่ในทุกวันนี้ "รักซึ่งกันและกัน" เป็นเพียงสโลแกนที่คริสตจักรใช้พูด... [จึง] เป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะสถิตอยู่กับ [พวกเขา] ขอพระเจ้าทรงเมตตาเรา! (Timothy Lin, S.T.M., Ph.D., The Secret of Church Growth, FCBC, 1992, p. 33)

ดร. ไมเคิล กรีน กล่าวเอาไว้ในหนังสือของท่านเกี่ยวกับคริสเตียนในศตวรรษที่หนึ่งและสองถึงเรื่องนี้ ดร. กรีน กล่าวว่าศาสนาคริสต์เรียกร้องชาวโรมันชาวมุสลิมเพราะ "พลังของคริสเตียนจากการรักกันและกัน" (Michael Green, Evangelism in the Early Church, Eerdmans, 2003, p. 158)

III. สาม คำภาษากรีก “คอยโนเนีย” หรือ “Koinonia”

หมายถึงการคบหามิตรภาพ การรวมตัวกันที่ดีมิตรภาพ คำว่ามิตรภาพการขยายความรักต่อกันและกันในคริสตจักร

นักเทศน์บางคนบอกผมว่า เราไม่ควรอนุญาตให้คนที่ไม่ใช่คริสเตียนสามัคคีธรรมกับเรา หากมองในแง่หนึ่งพวกก็ถูก เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า "และอย่าเข้าส่วนกับกิจการของความมืดอันไร้ผล แต่จงติเตียนกิจการเหล่านั้นดีกว่า” (เอเฟซัส 5:11) แท้จริงแล้วหลายคนเข้าใจพระคัมภีร์ข้อนี้ผิด พวกเขาคิดว่านั่นหมายความว่า พวกเขาควรจะแยก "เด็ก ๆ ในคริสตจักร" ออกจากคนที่ไม่เชื่อ ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ มีข้อสังเกตถึงเรื่องนี้ และมีความคล้ายคลึงกับ ดร. โทมัส เฮล ที่กล่าวว่า "เปาโลบอกว่าเราไม่ควรเกี่ยวข้องกับ ["งานแห่งความมืด"] เขาไม่ได้บอกว่าเราไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับ [คนที่หลงหาย] ... ยิ่งกว่านั้นพระเยซูเองก็รับประทานกับคนบาป" (Thomas Hale, M.D., The Applied New Testament Commentary, Kingsway Publications, 1997 edition, p. 780; note on Ephesians 5:11)

ผมชอบสิ่งที่ ดร. กรีนกล่าวเกี่ยวกับคริสตจักรในยุคแรก ท่านกล่าวว่า "ไม่มีคำสอนใดๆที่ถูกซ่อนเร้น ไม่มีการระงับเกี่ยวกับความสามัคคีธรรม" (หน้าเดียวกัน 218) "คนที่ยังไม่ได้กลับใจถูกนำเข้าไปในคริสตจักรและเพื่อมิตรภาพ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบัพติศมาเป็นเวลาประมาณสามปี" (ibid.)

แต่คริสตจักรแบ๊บติสต์ของเรากลับทำตรงกันข้าม พวกเขาให้บพติศมาอนุชนทันทีทันใด แต่พวกเขากลับมายอมให้ลูกหลายไปเกี่ยวข้องกับผู้เชื่อใหม่ คริสตจักรยุคแรกไม่ทำอย่างนั้น

แจ็ก ไฮส์ มีสถานที่อยู่สองแห่ง สถานที่หนึ่งมีไว้กับเด็กๆที่พึ่งเชื่อใหม่ และแยกการนมัสการออกไปต่างหาก! แต่ “ความจริง” พวกสมาชิกเดิมกลับนมัสการที่อาคารเดิม เพราะพวกเขาคิดว่าเด็กที่มาเชื่อใหม่จะทำให้เด็กในโบสถ์ “เสียคน”!

ตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น และได้ไปที่คริสตจักร กลับพบว่าเด็กในคริสตจักรนั่นแหละที่พาผมให้เสียคน! ผมได้ยินพวกเขาคุยกันถึงการทำสิ่งที่เลวยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อทำกัน ดังนั้นการแยกอนุชนในคริสตจักรออกจากคนที่หลงหายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พระคัมภีรืสอนไว้ และไม่ใช่สิ่งที่คริสตจักรยุคแรกทำกัน พวกเขาจึงนำคนมาเชื่อพระเยซูเป็นล้านๆคน

ผมกำลังบอกว่าเราควรจะละทิ้งความบางอย่างใน “ชั้นเรียนระวี” ออกไป แต่ให้นำเด็กที่ยังไม่ได้รับความรอดเข้ามามีส่วนร่วม รับประทานอาหารด้วยกัน และจัดงานฉลองวันเกิดให้พวกเขา และให้พวกเขารู้สึกว่ามีควสมสนุกสนานเวลาเข้ามาที่คริสตจักร – “ทั้งหมดนี้ พระเยซูทรงรับประทานกับคนบาป” (Thomas Hale, ibid.) ร้องท่อนรับ “Bring Them In”!

นำพวกเขาเข้ามาข้างใน เข้ามาข้างใน
   นำพวกเขาออกจากสถานแห่งบาปมาข้างใน
นำพวกเขาเข้ามาข้างใน เข้ามาข้างใน
   นำพวกเขามาพบกับพระเยซูคริสต์
(“Bring Them In,” Alexcenah Thomas, 1885)

ผู้นำทางศาสนาสมัยนั้นพยายามที่จะผิดพระเยซู มัทธิวเป็นคนเก็บภาษี พระเยซูทรงเรียกเขาและมัทธิวก็ตามพระองค์ไป แล้วมัทธิวก็จัดงานเลี้ยงใหญ่ในบ้านของเขา พระเยซูและสาวกสิบสองคนของพระองค์อยู่ที่นั่น คนเก็บภาษีและคนบาปหลายคนเข้ามารับประทานร่วมกับพระเยซู ผู้นำศาสนาคิดว่าพระเยซูทำผิด พวกเขากล่าวว่า "ทำไมจึงรับประทานอาหารกับคนบาปเหล่านี้" พระเยซูตรัสว่า "เราไม่ได้มาเพื่อที่จะเรียกคนชอบธรรม แต่เรียกคนบาปให้กลับใจใหม่" (มัทธิว 9:13)

บรรดานักเทศน์ที่กลัวว่าจะมีคนบาปมากเกินไปควรคิดถึงเรื่องนี้! ผมพูดว่า "จงนำคนบาปเข้ามา นำมากเท่าที่คุณสามารถหา! ยิ่งดีกว่า "นำพวกเขาเข้าสู่การสามัคคีธรรมเช่นเดียวกับที่พระเยซูได้ทรงกระทำเช่นเดียวกับคริสตจักรยุคแรก ๆ ! "นำพวกเขาเข้ามา" ร้องเพลงคอรัส!

นำพวกเขาเข้ามาข้างใน เข้ามาข้างใน
   นำพวกเขาออกจากสถานแห่งบาปมาข้างใน
นำพวกเขาเข้ามาข้างใน เข้ามาข้างใน
   นำพวกเขามาพบกับพระเยซูคริสต์

ลองมาฟังถึงคริสตจักรในยุคแรกที่อยู่ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

“เขาทั้งหลายได้ตั้งมั่นคงอยู่ในคำสอนของจำพวกอัครสาวก และในการสามัคคีธรรม [koinonia!] ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ที่กำลังจะรอด เข้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุก ๆ วัน” (กิจการ 2:42, 47)

แจ็ค ไฮเลย์ และลูกชายที่เป็นคนเจ้าชู้และการล่วงประเวณีกับลูกเขยของเขา - พวกเขาต่างหากที่ควรเป็นคนที่ไปเข้าร่วมนมัสการที่อาคาร "อื่น”! ควรแยกเขาให้อยู่ห่างจากคนที่ไม่เชื่อ เพราะเขาเองที่กำลังสร้างความเสื่อมเสียให้กับคนอื่น! จงแยกผู้รับใช้ที่เป็นเหมือน "สุนัข" คนนี้อยู่ห่างไกลจากเหล่านั้นที่ยังหลงหาย! และนำเยาวชนที่หลงหายไปเข้าที่โบสถ์ใหญ่ ถูกต้องนำผู้สูญหายไปที่นั่น – และปิดกั้นพวกแบ๊บติสฟาริสีที่บ้ากามอย่าให้เข้ามาร่วม! นำเด็กที่หลงหายไปเข้ามาและเราจะรับประทานอาหารค่ำและจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้พวกเขา - และชมการ์ตูน เก่า ๆ ด้วยกัน ! อาเมน! และฟังเทศนาจากนักเทศน์แก่ๆคนนี้ และร้องเพลงนมัสการสองสามเพลง ปรบมือและตะโกนว่า "อาเมน" - และขอพระเจ้าอวยพร!

ดังนั้นคำว่า "Kurios" - พระเจ้า - พระคริสต์เป็น Kurios ของเรา! พระองค์คือพระเจ้าของเรา กลับมาเรียนรู้ถึงพระคริสต์และติดตามพระคริสต์และรักพระคริสต์ด้วยสุดใจของคุณ! "Agapē" - "ความรักของคริสเตียน! กลับมาและเราจะรักคุณ เราหวังว่าคุณจะรักเราเช่นกัน พวกฮิปปี้สมัยก่อนเคยพูดว่า "ความรัก" พวกเขาเรียกวูดสต๊อคว่า "ความรักอยู่ข้างใน" แต่ความรักที่แท้จริง "มีอยู่ในคริสตจักร! กลับมารักเราด้วย! มันจะทำให้วูดสต๊อคกลายเป็นเหมือนปิกนิก! แล้วมีคำว่า "คอยโนเนีย" หมายถึงการคบหามิตรภาพ การรวมตัวกันที่ดี! คอยโนเนีย สามัคคีธรรม มิตรภาพคือคำขยายความของคำว่ารักแบบ "agape" ในคริสตจักรท้องถิ่น!

เราอยู่ที่นี่! เรากำลังรอคุณอยู่! มาร่วมกับเราในเช้าวันอาทิตย์หน้า! และในคืนวันอาทิตย์หน้าด้วย! กลับมาร่วมกับเราในคืนวันเสาร์! มาช่วยเรานำคนอื่นเข้ามา! มาช่วยเราทำให้คริสตจักรแห่งนี้เป็นที่ๆคนหนุ่มสาวสามารถพบกับเพื่อนใหม่ได้ ที่ๆคนหนุ่มสาวสามารถมาสนุกสนาน ที่ซึ่งคนหนุ่มสาวสามารถมาเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ - และทหารแห่งกางเขน! อาเมน! ร้องเพลงนมัสการบทที่แปด - "Onward, Christian Soldiers!" ร้องเพลงนี้ด้วยกัน!

ทหารแห่งคริสเตียนเดินขบวนไปทำสงครามด้วยกัน
   ด้วยว่ามีกางเขนของพระเยซูนำหน้าไปก่อน
พระเยซูคริสต์ทรงนำพาเราต่อสู้กับศัตรู
   เดินชูธงไปข้างหน้าสู่สนามรบ
ทหารแห่งคริสเตียนเดินขบวนไปทำสงครามด้วยกัน
   ด้วยว่ามีกางเขนของพระเยซูนำหน้าไปก่อน

ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงพิเศษก่อนเทศนาโดย นาย เบนจามิน คิมเกด กรีฟิฟฟี่:
“The Church’s One Foundation” (Samuel J. Stone, 1839-1900).


โครงร่างของ

สามคำที่กล่าวถึงคริสตจักรในยุกแรก

THREE WORDS GIVE THE SECRET
OF THE EARLY CHURCH!

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขาร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยจริงใจ ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ที่กำลังจะรอด เข้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุก ๆ วัน” (กิจการ 2:46, 47)

I.   หนึ่ง คำในภาษากรีก “คูริอ๊อส” หรือ “kurios,”
กิจการ 10:36; 1 โครินธ์ 1:23; 2:2; ยอห์น 10:28;
มัทธิว 16:24.

II.  สอง คำในภาษากรีก “อากะเป้”หรือ “agapē,”
ยอห์น 13:34, 35.

III. สาม คำในภาษากรีก “คยนโนเนีย” หรือ “koinonia,”
เอเฟซัส 5:11; มัทธิว 9:13; Acts 2:42, 47.