Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




การฟื้นฟูเท่านั้น!

REVIVAL IS NO OPTION!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนครลอสแอนเจลิส
ช่วงเย็นวันของพระเป็นเจ้า 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, October 1, 2017

“แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักดั้งเดิมของเจ้า เหตุฉะนั้น จงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าได้หล่นจากมาแล้วนั้น จงกลับใจเสียใหม่ และประพฤติตามอย่างเดิม มิฉะนั้นเราจะรีบมาหาเจ้า และจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่ เว้นไว้แต่เจ้าจะกลับใจใหม่” (วิวรณ์ 2:4, 5)


คริสตจักรในเมืองเอเฟซัสเป็นคริสตจักรที่ใหญ่ เป็นคริสตจักรที่ดี และเป็นคริสตจักรที่เกลียดลัทธิเทียมเท็จ แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอย่างหนึ่ง ดูเหมือนพวกเขาจะพึงพอใจที่เป็นอย่างนั้น อาคารนี้เป็นของพวกเขา ผู้คนก็มีงานดีและร่ำรวยด้วยเงินทอง พวกเขาไม่ต้องการอะไรอีก แต่พระเยซูคริสต์ตรัสว่า พระองค์มีเรื่องหนึ่งที่ต้องตำหนิตพวกเขา นั่นคือพวกเขาละทิ้งความรักดั้งเดิม พระองค์ทรงเรียกพวกเขาให้กลับใจ พระองค์เรียกให้พวกเขากลับไปหาความรักที่พวกเขาได้ละทิ้งไปนานตลอดหลายปี พระคริสต์เตือนพวกเขาถึงการพิพากษาที่จะตกให้แก่พวก หากพวกเขาปฏิเสธ คริสตจักรนี้เป็นเหมือนคันประทีปที่ให้แสงสว่างในโลกมืด พระเยซูได้ตรัสว่า "เราจะรีบมาหาเจ้า และจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่ เว้นไว้แต่เจ้าจะกลับใจใหม่" ถ้าคริสตจักรไม่ยอมกลับใจใหม่ แล้วพระคริสต์ตรัสอีกว่า “ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต ที่อยู่ในท่ามกลางอุทยานสวรรค์ของพระเจ้า" (วิวรณ์ 2: 7) แต่คริสตจักรไม่ยอมกลับใจและไม่ต้องการให้มีการฟื้นฟูนำมาซึ่งความรอด คริสตจักรใหญ่แห่งนี้จึงถูกทำลายโดยกองทัพโรมภายใต้จักรพรรดิโดมิเตียนใกล้สิ้นสุดศตวรรษแรก มีการสร้างโบสถ์อีกแห่งหนึ่ง แต่เมืองทั้งหมดก็ถูกทำลายโดยชาวมุสลิม

ผมจำเป็นต้องนำมาประยุกต์ใช้ให้กับคริสตจักรของเราหรือไม่? ในสมัยก่อนคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสเต็มไปด้วยคุณภาพชีวิตและความรักของคริสเตียน เป็นคริสตจักรที่ถูกสร้างใหม่และเต็มด้วยความรัก เหมือนกับคริสตจักรในครั้งหนึ่งด้วย เราก็มีการแตกแยกเพราะเกิดจากความมั่งมั่นในความเชื่อของอีกฝ่าย ส่วนอีกฝ่ายคือคนที่ไม่ต้องการเป็นคริสเตียนที่จริงจัง ทุกครั้งที่ผมพยายามให้พวกเขากลับไปหาความรักพระคริสต์ คนกลุ่มเหล่านี้ก็พยายามตีตัวออกห่าง พวกเขาจะไม่แยกจากเรา หากผมเทศนาด้วยหลักคำสอนที่ผิด ๆ พวกเขาหนีออกเสมอว่าไม่ต้องการที่จะให้เกิดการฟื้นฟู พวกเขาไม่อยากเป็นสาวกของพระเยซู ผู้นำของกลุ่มที่แยกตัวจากเราคือนาย ริชาร์ด โอลิเวียส เขาเป็นคนเลวร้ายที่สุด เขากล่าวว่าพระบัญชาของพระเยซูคริสต์นั้นทรงตรัสให้พวกอัครสาวกเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆไม่จำเป็นต้องออกไปประกาศ นี่เป็นข้ออ้างแรกของเขา แสดงว่าเขาเกลียดคำพูดของพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง "จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน" (มัทธิว 6:33) เขาบอกคนควรจะแสวงหาความสำเร็จและเงินมากกว่าอาณาจักรของพระเจ้า ผมยังคงเทศน์ต่อไปให้พวกเขาใช้เวลาออกไปประกาศและอธิษฐาน สุดท้ายสามร้อยหนีตามเขาไป เหลือเพียงประมาณ 15 คนเท่านั้นที่อยู่ ต่อมาเราก็พบว่าคนของเราเข้มแข็งพระคริสต์และมีพระองค์เป็นศูนย์กลาง และเราก็ประสบความสำเร็จในพระองค์! ไปไกลมาก! ลูกๆของพวกเราเกือบทั้งหมดต่างก็จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย คนส่วนใหญ่ในคริสตจักรของเราต่างก็มีบ้านหรือคอนโดมิเนียมเป็นของตนเอง ส่วนกลุ่มที่ติดตายชายผู้นั้นกลับแตกแยกออกเป็นอีกสี่กลุ่มย่อย เรามีการหย่าร้างกันน้อยมาก ส่วนคนของเขาแถบไม่เคยคิดที่จะแต่งงาน ที่แต่งก็ไม่รอให้อย่าก่อนแต่ต่างคนต่างอยู่! ดังนั้นใครที่ดีกว่า? แน่นอนว่าเราต้องจ่ายค่าสร้างอาคารหลังนี้ แต่นี่กลับทำให้เรากลายเป็นสาวกที่เข้มแข็งของพระเยซู กลุ่มเล็ก ๆ ส่วนคนที่ติดตามเขาแตกแยกและล้วนแต่อ่อนแอ เราได้รับความทุกข์ทรมานเพียงเล็กน้อยสำหรับพระเยซูและก็ได้รับพระพร ส่วนพวกเขาวิ่งตามกระแสโลกและและตกเป็นทาสเงินและถูกทำลายโดยมาร! พระเยซูตรัสว่า "ท่านจะปรนนิบัติพระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้" (มัทธิว 6:24) พระเจ้าทรงถูกต้อง ส่วนพวกเขาผิด! "ฉันตัดสินใจที่จะติดตามพระเยซู" ยืนและร้องเพลงนี้!

ฉันตัดสินใจแล้ว จะตามพระเยซู
ฉันตัดสินใจแล้ว จะตามพระเยซู
ฉันตัดสินใจแล้ว จะตามพระเยซู
ไม่หันกลับเลย ไม่หันกลับเลย

กางเขนอยู่เบื้องหน้า ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง
กางเขนอยู่เบื้องหน้า ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง
กางเขนอยู่เบื้องหน้า ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง
ไม่หันกลับเลย ไม่หันกลับเลย
   (“I Have Decided to Follow Jesus,” attributed to a Hindu convert, 19th century)

อาเมน! พวกคุณนั่งได้

แต่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นที่คริสตจักรในเอเฟซัส พระเยซูตรัสให้กับพวกเขาว่า

“แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักดั้งเดิมของเจ้า” (วิวรณ์ 2:4)

พระองค์มิได้ทรงตรัสว่า “รู้สึก” จากความรักดั้งเดิม แต่ทรงตรัสว่า “ทิ้ง” ความรักดั้มเดิมของพวกเขา

“แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักดั้งเดิมของเจ้า” (วิวรณ์ 2:4)

ดร. จอห์น เอฟ เวลวูร์ด ให้เหตุผลดังนี้ว่า

“สมาชิกที่มีอยู่ในคริสตจักรเอเฟซัสตอนนี้คือคนรุ่นที่สอง”

ผมจำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้อีก? “คริสตจักรในตอนนี้คือคนรุ่นที่สอง” นั่นแหละทุกอย่าง! ดร. วลวูร์ด กล่าวว่า “พระลักษณะของพระเจ้าที่มีให้กับคนในรุ่นแรกหายไป” (John F. Walvoord, Th.D., The Revelation of Jesus Christ, Moody Press, 1973, p. 56)

หนุ่มสาวทั้งหลาย คุณเป็นคนรุ่นที่สองในคริสตจักรของเรา! คุณไม่ใช่ยุค "39 คน" ที่ช่วยสร้างโบสถ์แห่งนี้ไว้ พวกเขาเป็นคนรุ่นแรกไม่ใช่คุณ! ดร. ชานบอกถึงคนรุ่นแรก "คนรัก 39" รักและรับใช้พระคริสต์ เขามาที่คริสตจักรนี้ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น เขาพูดว่า

ตอนที่ผมไว้วางใจในพระคริสต์ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปตลอด บาปของผมได้รับการชำระโดยโลหิตของพระองค์ และคริสตจักรก็คือบ้านหลังที่สองของผม! ผมมีชีวิตและทำงานเพื่อพระคริสต์ ดร. ไฮเมอร์ส เทศนาอย่างต่อเนื่องว่าให้เป็นสาวกของพระคริสต์ ยึดเอาคริสตจักรเป็นอันดับแรก ปฏิเสธตัวเอง และนำดวงวิญญาณ ท่านต่อต้านพวก "แอนติโนเมียนนิยม” หรือ “Antinomianism" - เป็น "คริสเตียนที่อ่อนแอ" ผมรู้ว่าสิ่งที่ท่านเทศน์นั้นเป็นความจริง นั่นคือสำหรับผม ... เราอธิษฐานและร้องเพลงด้วยกัน ผมมีความทรงจำที่ดีในสมัยนี้ เราประกาศข่าวประเสริฐหลายครั้งต่อสัปดาห์ เรามีการประชุม ผมก็เคยนำ จูดี้ เมลิซา แซนเดอร์ และ วินนี หยวน และต่อมา ผมก็แต่งงานกับเธอ พระเจ้าทรงช่วยผมให้นำพวกเขามาจากการประกาศข่าวประเสริฐในมหาวิทยาลัย UCLA ... นาง ไฮเมอร์ส (ตอนยังเป็นวัยรุ่น) ได้เข้าร่วมพันกิจของคริสตจักรและถวายตัวให้แก่พระคริสต์รับใช้พระองค์ โดยไม่ยอมหันหลัง ผมรู้จักเธอตอนที่เรายังเป็นเด็กและเข้ามาที่คริสตจักรนี้ จากนั้นเธอก็ยังมีความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อพระคริสต์และรักการประกาศนำคนมาหาพระคริสต์... เธอยังคงทำงานในคริสตจักร จนพระทั่งเราจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม ... ตอนนี้เธอก็ยังคงกำลังรับใช้พระเจ้าอยู่ ร่วมกับอนุชนชาวจีนและคนเอเชียอื่น ๆ ... เธอเป็นนักประกาศที่ดีมากเท่าที่ผมเคยรู้มา (Against All Odds)

อีเลนา เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ป่วยอยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็ไม่เคยพลาดการประชุมอธิษฐาน หรือโทรศัพท์ในคืนวันพุธและพฤหัสบดีเพื่อนำคนที่หลงหายไปเพื่อฟังพระกิตติคุณ ผู้หญิงอีกคนที่ยิ่งใหญ่คือ นาง ซาลาซาร์ เธอเป็นเหมือนแม่ชีเทเรซาในเตียรอยด์! เธอเป็นนักบุญแห่งแบ๊บติสต์!

อนุชนทั้งหลายอย่าปล่อยให้คริสตจักรของเราเป็นเหมือนคนรุ่นที่สองในเมืองเอเฟซัส คุณคืออนาคตของคริสตจักรของเรา! โปรด – อย่าลิ้งความรักครั้งแรกของคุณที่มีต่อพระเยซู!

ตอนนี้ให้ดูวิวรณ์ 2: 3 มันอยู่ในหน้า 1332 ใน Scofield Study Bible

“เรารู้ว่าพวกเจ้าได้ทนและมีความเพียร และเหนื่อยยากเพราะเห็นแก่นามของเรา และมิได้อ่อนระอาไป” (วิวรณ์ 2:3)

พระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่แปลข้อนี้ว่า "เจ้าต้องอดทนและทนทุกข์ยากเพื่อนามของเราและไม่เคยท้อถอย" (NIV) ขอให้สังเกตว่าคำอธิบายนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาเป็นในอดีตที่ผ่านมา - คุณต้องทนทุกข์ทรมาน คุณต้องทนทุกข์ลำบากคุณต้องไม่ท้อ เป็นคำอธิบายเกี่ยวกับวิถึชีวิตที่พวกเขาเคยเป็นมา

เวล์วูด กล่าวว่า "คริสตจักรอยู่ในยุคของคริสเตียนในรุ่นที่... ความรักของพระเจ้าที่โดดเด่นในยุคแรกหายไป เหลือแต่ใจที่เย็นชา... เป็นการดำเนินชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่เสี่ยงต่ออันตราย [ขาดความกระตือรือร้น] ซึ่งภายหลังได้ลบการเป็นพยานของคริสเตียน [สำคัญ] ที่สำคัญออกไป ดังนั้น นั่นจึงเป็นเพียงประวัติศาสตร์ของคริสตจักร: อันดับแรกมีจิตวิญญาณที่เย็นชา ความรักของพระเจ้าแทนที่ด้วยความรักของสิ่งต่างๆในโลก ... ตามด้วยการละทิ้งความเชื่อและไร้ประสิทธิภาพด้านการเป็นพยาน” (Walvoord, ibid.)

ผมเชื่อว่านี่กำลังเกิดขึ้นในคริสตจักรของเรา เพราะสมาชิกคริสตจักรรุ่นที่สองของเราเย็นชาและขาดความกระตือรือร้น ไม่เหมือนพวกเราที่เป็นคนรุ่นแรกอย่างเช่น ดร. ชาน นาย กรีฟี่ท ดร. จูดี้ คาร์แกน นาง ไฮเมอร์ส - คนรุ่นแรกนี้เข้ามาในคริสตจักรของเราในช่วงปี 1970 – พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เต็มไปด้วยความรักและมีสามัคคีธรรม - และความมุ่งมั่นอย่างยิ่งต่อพระคริสต์ กล่าวได้ว่าเป็นเหมือนคริสเตียนรุ่นแรกในคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส

แต่ความอบอุ่นและความกระตือรือร้นนี้ไม่ได้ส่งผ่านไปยังคนรุ่นใหม่ คริสตจักรส่วนใหญ่คือผู้ที่เติบโตขึ้นในรุ่นที่สอง รุ่นที่สองอยู่นี้จะเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไป พวกเขาร่วมการฟื้นฟู พวกเขาเข้าร่วมกลุ่มอธิษฐาน แต่พวกเขาไม่ได้อธิษฐานด้วยความกระตือรือร้น "ความรักของพระเจ้าที่โดดเด่นที่สุดในยุคแรก ๆ ก็หายไป" มีแค่ จอห์น คาแกน ที่เป็นคนรุ่นใหม่และโดดเด่นกว่าคนอื่นในด้านความเชื่อ เป็นเพราะเขามีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เกิดความรักและความกระตือรือร้นที่คนรุ่นก่อนเคยมี ถ้าเขาไม่ได้เป็นนักกีฬาและธรรมชาติที่เป็นผู้นำเขาก็จะเป็นเหมือนคนอื่นๆด้วย บางคนในรุ่นหนีออกจากคริสตจักร บางคนก็เย็นชาและเหยียดหยาม บางคนยังคงเป็นแบบนั้น แม้ตัวของจอห์นเองก็มีบางครั้งที่สับสน บางครั้งสงสัยว่าทำไมคนรุ่นนั้นช่างเย็นชาและฝ่ายแต่โลก

ถึงจุดนี้ฉันเริ่มตระหนักว่าเราต้องมีการฟื้นฟู คนรุ่นที่สองไม่อาจทำให้คริสตจักรของเราเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและความรักและพลังเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงจากประสบการณ์จริงกับพระคริสต์ในการเปลี่ยนแปลงอันทรงพลัง แต่ส่วนใหญ่แล้วคนในรุ่นที่สองนี้ต่างก็มีทั้งกบฎและออกจากคริสตจักรหรือมีจิตใจที่เย็นชา บางคนชอบปฏิเสธพระคริสต์ พวกเขาปฏิเสธที่จะกลับใจใหม่ บางคนเริ่มคิดว่าการกลับใจใหม่นั้นไม่เป็นจริง ส่วนคนอื่น ๆ ต้องการการเปลี่ยนแปลงภายในเพื่อพิสูจน์ว่าพระเยซูคริสต์เป็นจริง

เราต้องเป็นพี่เลี้ยงแบบหนึ่งต่อหนึ่งจนกระทั่ง นั่นคือการช่วยเหลือคนๆนั้นให้เติบโตในด้านความเชื่อ หรือไม่งั้งก็ปล่อยให้เฟล่านั้นออกจากคริสตจักรไป ในที่สุดพวกเขาส่วนใหญ่ก็กลับใจใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะมีความพยายามอย่างมากที่จะเป็นเหมือนรุ่นแรก การจะทำอย่างนั้นได้ พวกเขาต้อง “จำไว้ว่าพวกเขาละทิ้งความเชื่อแรกมาอย่างไร” พวกเขาต้องเป็นเหมือน จอห์น คาเกน ที่ตระหนักได้ว่าความเชื่อของพวกเขานั้นตายไปแล้ว และไม่เหมือนความเชื่อของกลุ่ม "สามสิบเก้า" - นั่นคือพ่อแม่และคนรุ่นก่อน ๆ ประการที่สองพวกเขาต้อง "กลับใจใหม่และทำงานแรก" พวกเขาต้องเปลี่ยนความคิดและจิตใจ พวกเขาต้องกลับไปและมีการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง (งานแรก) ขอบคุณพระเจ้าที่บางคนทำ เช่น เอมี่ อายาโคะ ฟิลิป ทิโมธี เวสลีย์ โนอาห์และคนอื่น ๆ

พระเจ้าทรงเริ่มฟื้นฟูชีวิตท่ามกลางพวกเรา! ขอบคุณพระเจ้าในที่สุดพระองค์ทรงไว้ใจเรา และส่งพระวิญญาณของพระองค์มาให้เรา ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมามีคนใหม่ประมาณ 20 คนเข้ามา และได้รับการช่วยกู้ การประชุมเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อช่วยสร้างฐานความเชื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่เหล่านี้!

ตอนนี้ จอห์น คาเกน บอกว่า “การฟื้นฟูคืองานต่อไปที่ต้องทำ” คริสตจักรของเราต้องเน้นการฟื้นฟูอยู่เรื่อยๆ หากไม่งั้งเราจะไม่มีใครสักคนที่กลับใจใหม่ เหมือนสมาชิกคริสตจักรในยุคแรก พวกเขาต้องการอย่างที่มีในคริสตจักรเอเฟซัส และคริสตจักรของเราในทุกวันนี้ต้องการอย่างนั้น ซึ่งผมเรียกมันว่า "การฟื้นฟูเพื่อความอยู่รอด!"

พี่น้องทั้งหลายเราต้องสารภาพบาปของเราซ้ำแล้วซ้ำอีกและอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงลงมาและส่งการฟื้นลงมาตัวท่ามกลางพวกเรา ทำอย่างนั้น! ทำมัน! ทำมัน! ยืนขึ้นและร้องเพลงนมัสการบทที่ 15 "ฉันจะอยู่กับพระองค์"

ชีวิตของข้าฯ ความรักของข้าฯมอบแด่พระองค์ ลูกแกะของพระองค์ทรงพระชนม์เพื่อข้าฯ
   โอ ข้าพระองค์จะสัตย์ซื่อแด่พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์
ข้าฯจะมีชีวิตหรือจะตายก็เพื่อพระองค์ เพราะข้าฯพึงพอใจในพระองค์มากแค่ไหน!
   ข้าพระองค์จะอยู่กับพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์พระผู้ช่วยให้รอด

บัดนี้ข้าฯเชื่อว่าจะได้รับเพราะพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าฯจะได้มีชีวิตอยู่
   บัดนี้ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์พระผู้ช่วยให้รอดและพระเจ้าของข้าพระองค์!
ข้าฯจะมีชีวิตหรือจะตายก็เพื่อพระองค์ เพราะข้าฯพึงพอใจในพระองค์มากแค่ไหน!
   ข้าพระองค์จะอยู่กับพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์พระผู้ช่วยให้รอด!

ข้าฯขอมอบชีวิตแด่พระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดพระเจ้าของข้าฯ!
   ข้าฯจะมีชีวิตหรือจะตายก็เพื่อพระองค์ เพราะข้าฯพึงพอใจในพระองค์มากแค่ไหน!
ข้าพระองค์จะอยู่กับพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์พระผู้ช่วยให้รอด!
   ข้าพระองค์จะอยู่กับพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์พระผู้ช่วยให้รอด!
(“I’ll Live For Him” by Ralph E. Hudson, 1843-1901; altered by the Pastor).

ตอนนี้ให้ร้องเพลงบทที่ 19, “Here is Love”

นี่คือความรักอันกว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทร ความรักที่อ่อนหวานดั่งน้ำท่วมใจ
   เมื่อเจ้าชายแห่งชีวิตไถ่เราด้วยโลหิตอันล้ำค่าที่หลั่งมาให้เรา
จะไม่จดจำความรักของพระองค์หรือ? ใครสามารถหยุดร้องเพลงสรรเสริญของพระองค์ได้?
   จะไม่มีทางลืมพระองค์ตลอดไปในสวรรค์ไปชั่วนิรันดร์

บนภูเขาแห่งกางเขนและบ่อน้ำพุที่เปิดกว้างและลึก
   ผ่านประตูแห่งพระเมตตาของพระเจ้าที่ไหลไปตามแม่น้ำกว้างใหญ่และสง่างาม
พระคุณและความรักเช่นเดียวกับแม่น้ำอันยิ่งใหญ่ รดน้ำไม่หยุดหย่อนจากข้างบน
   และสันติภาพของสวรรค์และความยุติธรรมที่สมบูรณ์ลบล้างโลกด้วยความรัก

ข้าฯยอมรับความรักทั้งหมดของพระองค์ จะรักพระองค์ตลอดไปทุกวันของข้าฯ
   ขอให้ข้าพระองค์แสวงหาราชอาณาจักรของพระองค์เท่านั้นและชีวิตของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์
พระองค์ทรงเป็นสง่าราศีของข้าพระองค์เพียงอย่างเดียวไม่มีสักสิ่งในโลกที่ข้าพระองค์เห็น
   พระองค์ทรงกระทำให้ข้าฯสะอาดและบริสุทธิ์พระองค์ทรงปล่อยข้าพระองค์ให้เป็นอิสระ

พระองค์ทรงนำข้าฯด้วยพระวิญญาณและพระวจนะของพระองค์
   ข้าพระองค์ต้องการพระคุณของพระองค์ ข้าฯเชื่อในพระองค์
จากความบริบูรณ์ของพระองค์ พระองค์ทรงเทความรักอันยิ่งใหญ่และฤทธิ์เดชให้ข้าพระองค์
   โดยไม่สามารถวัด และเติมให้เต็มและไม่มีที่สิ้นสุดทรงนำใจของข้ามาที่พระองค์
(“Here is Love, Vast as the Ocean” by William Rees, 1802-1883)

ดร. คาเกน กรุณานำเราอธิษฐานขอพระพร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคท กรี่ฟฟี่:
“Jesus is the Sweetest Name I Know” (Lela Long, 1924)