Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ความแข็งแกร่งของชายคนหนึ่ง

ขอสดุดี ดร. ไฮเมอร์สเนื่องในวันครอบรอบวันเกิด 75 ปีของท่าน
THE STRENGTH OF A MAN’S CHARACTER –
A TRIBUTE TO DR. HYMERS ON HIS 75TH BIRTHDAY
(Thai)

โดย ดร.ซี เอล คาเกน
by Dr. C. L. Cagan

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนครลอสแอนเจลิส
ในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2016
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, April 10, 2016

“ถ้าเจ้าท้อใจในวันแห่งความชั่วร้าย กำลังของเจ้าก็น้อย” (สุภาษิต 24:10)


ท่านวัดคุณค่าของคนตรงไหน? ชาวโลกวัดที่การมีเงิน แต่พระเยซูตรัสว่า "ฝ่ายเจ้าเมืองคาเปอรนาอุม ซึ่งได้ถูกยกขึ้นเทียมฟ้า เจ้าจะต้องลงไปถึงนรกต่างหาก" (ลูกา 10:15) ไม่ใช่เงิน - หรือชื่อเสียงหรือศักดิ์ศรีหรือความพึงพอใจ - แสดงให้เห็นว่าคุณค่าที่แท้จริง คืออะไร? พระคำของเรากล่าวว่า

“ถ้าเจ้าท้อใจในวันแห่งความชั่วร้าย กำลังของเจ้าก็น้อย” (สุภาษิต 24:10)

คำว่า "ความทุกข์ยาก" หมายถึง "ครั้งเมื่อมีสิ่งมาต่อต้านคุณ" "ท้อใจ" หมายถึง "ยอมแพ้" ความเห็นของ แมท ธิวพูล กล่าวว่า "นี่เป็นสัญญาณว่าเราควรมี แต่มีคริสเตียนน้อยคนที่กล้าหาญ อย่างที่เป็นที่รู้จักกันดีคือความทุกข์ยาก" การทดสอบคนคือสิ่งที่เขาทำ ตอนมีสิ่งที่มาต่อต้านเขา! หนังสือศึกษาพระคัมภีร์ ฉบับเจนีวาปี 1599 กล่าวว่า "ไม่มีทางที่ทำให้มนุษย์แข็งแกร่งได้ จนกว่าคนนั้นจะเผชิญกับปัญหา" (หมายเหตุ 'B' ในสุภาษิต 24:10)

นั่นคือการทดสอบที่แท้จริงให้กับมนุษย์ - ไม่ใช่เวลาที่สดใส แต่ในเวลาแห่งความมืดมนต์ โดยการทดสอบนี้ ทำให้ศิษยาภิบาลของเราอย่าง ดร. ไฮเมอร์ส กลายมาเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็งได้! บางครั้งชีวิตของเขาเผชิญกับความทุกข์ยาก แม้ว่าเขาจะรู้สึกอ่อนแอและที่จะยอมแพ้ ดร. บ๊อบ โจนส์ ซีเนียร์ (1883-1968) กล่าวว่า "การทดสอบพฤติกรรมของของคุณคือเมื่อสิ่งที่ไม่สามารถที่จะหยุดคุณได้" "ถ้าไม่มีอะไรสามารถหยุดคุณได้ เวลานั่นคุณมีนิสัยพฤติกรรมที่ดี นั่นคือสิ่งที่เกิดให้กับศิษยาภิบาลของเรา!

คืนนี้เราฉลองวันเกิดครบรอบ 75 ปีของท่าน ชีวิตของท่านส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก มีสิ่งต่อต้านท่าน มีคนต่อต้านท่าน แต่ท่านก็เดินหน้าต่อไป มันไม่ใช่โดยพลังของตัวเอง ข้อพระคัมภีร์ประจำชีวิตของท่านคือ ฟิลิปปี 4:13 "ข้าพเจ้าสามารถทำทุกสิ่งโดยพระคริสต์ดเป็นผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า" คืนนี้เราให้เกียรติให้กับศิษยาภิบาลของเรา - และเราขอบพระคุณพระคริสต์!

ผมอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับชีวิตของ ดร. ไฮเมอร์สตามสิ่งที่ท่านต้องเผชิญ ชีวิตของท่านเป็นเรื่องราวของความแข็งแกร่งและความอดทนและชัยชนะผ่านทางพระคริสต์! ความทุกข์ยากลำบากแสดงให้เห็นความลึกของความแข็งแกร่งของท่าน

แม้ชีวิตในวัยเด็กของศิษยาภิบาลของเราจะเต็มไปด้วยความทุกข์ยากก็ตาม เขาก็ไม่ได้เติบโตในบ้านที่นับถือศาสนาคริสต์ ในความเป็นจริงเขามาจากครอบครัวที่แตกแยก พ่อของเขาทิ้งเขาไว้เมื่อเขาอายุสองปี แม่ของเขาซิซิเลียรักเขาและดูแลเขาจนกว่าเขามีอายุสิบสองปี จากนั้นเขาก็ย้ายที่ไปๆมาๆ เช่นไปอาศัยอยู่กับญาติ เขาไปเรียนโรงเรียน 22 แห่งที่แตกต่างกันออกไป ก่อนที่ท่านจะจบมัธยม ในโรงเรียนที่เขาอยู่เสมอ "เด็กใหม่" - คนนอก ในชีวิตของเขาเขาเป็น "เด็กกำพร้าเสมือน" - โดยการสนับสนุนหรือความรักหรือดูแล

พระเจ้าทรงแสนดีต่อท่าน พระคัมภีร์กล่าวว่า "พระเยโฮวาห์ทรงดีต่อทุกคน และความเมตตาของพระองค์มีอยู่เหนือพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์" (สดุดี 145: 9) พระเจ้าทรงห่วงใยลูก ๆ ของพระองค์แม้กระทั่งก่อนที่พวกเขาจะรอดเสียอีก ทั้งที่เป็นคำพูดและการกระทำของ ดร. ไฮเมอร์ส นั้นมีอาจารย์ท่านหนึ่งชื่อ เรย์ ฟิลลิป ยอมรับความสามารถของท่านทั้งคำพูดและการกระทำ อาจารย์ท่านนี้สนใจศิษยาภิบาลของเรามาก ท่าน ฟิลลิปชื่นชอบท่านมาก แต่ผมดีใจที่เห็นต่อมา ดร. ไฮเมอร์ส ยอมละทิ้งแห่งโลกทิ้งมาเป็นนักเทศน์รับใช้พระเยซู!

ดร. ไฮเมอร์สไม่ได้เติบโตขึ้นในคริสตจักร ท่านไม่ได้มีครอบครัวปกติเหมือนคนอีก ถ้าหากเขามีอย่างนั้นคงหลงไปกับสังคมแล้ว - ท่านเป็นคนเปิดเผย แต่ชีวิตที่ย้ายที่บ่อยๆและการถูกปฏิเสธเปลี่ยนท่านให้กลายเป็นคนที่ชอบเก็บตัว -เป็นคนที่ต้องดูจากภายใน มองดูท่านเป็นคนที่จริงจังให้กับตัวเองและกับพระเจ้า คุณอาจจะไม่คิดว่า ดร. ไฮเมอร์ส เป็นคนเก็บตัวในขณะเดียวกันท่านเทศนาได้อย่างดีมากๆ และชอบสนทนากับผู้คน แต่ภายในนั้นท่านทราบถึงความสำคัญเกี่ยวกับความอ่อนแอของตัวเอง ท่านไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง แต่ในพระเจ้า

ในสมัยที่ชีวิตเจอแต่ความทุกข์ยากนั้น พระเจ้าก็ได้ทรงประทานความรักของพระองค์ลงมา อย่างที่ผมเรียกว่า "หน้าต่างแห่งพระคุณ" มีผู้รับใช้สองท่านที่เป็นเพื่อนบ้านของเราอย่าง ดรและนางแมคโกแวน พวกเขาเป็นหน้าต่างแห่งพระคุณให้กับท่าน พวกเขาใจดีให้กับท่าน พวกเขาเชิญท่านไปทานอาหารค่ำ พวกเขาพาท่านไปคริสตจักรของพวก ที่นี่ที่ท่านเกลายเป็นแบ๊บติส พระเจ้าทรงแสนดีต่อศิษยาภิบาลของเราในขณะที่ท่านอยู่คนเดียวเงียบเหงา

ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นอยู่นั้น ดร. ไฮเมอร์ส ตัดสินใจที่จะไม่เป็นเหมือนญาติพี่น้องของเขา ท่านเห็นพวกเขาดื่มเหล้า ท่านมุ่งมั่นที่จะไปโบสถ์และใช้ชีวิตเหมือนเป็นคริสเตียน แม้ท่านยังไม่กลับใจก็ตาม ท่านเป็นเหมือนอับราฮัมเมื่อพระเจ้าทรงตรัสกับเขาว่า “เจ้าจงออกไปจากประเทศของเจ้า และจากญาติพี่น้องของเจ้า และจากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังแผ่นดินที่เราจะชี้ให้เจ้าเห็น” (ปฐมกาล 12:1) และ

“โดยความเชื่อ เมื่อทรงเรียกให้อับราฮัมออกเดินทางไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน” (ฮีบรู 11:8)

อับราฮัมไม่ทราบว่าพระเจ้ามีน้ำพระทัยอย่างไร ท่านยังไม่ได้กลับใจใหม่ แต่ท่าน "เชื่อฟัง และเขาก็ออกเดินตามการทรงเรียก "นั่นคือสิ่งที่ ดร. ไฮเมอร์ส ทำแม้ว่าท่ายังไม่ได้กลับใจใหม่ แต่ท่านได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง นักศาสนศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า "ความเชื่อก่อนความเชื่อ" - การตอบสนองต่อพระเจ้าก่อนการกลับใจใหม่

ศิษยาภิบาลของเราไม่ได้รับการสนับสนุนหรือยกย่องเพื่อให้ไปโบสถ์ ญาติพี่น้องของเขาล้อท่านเล่นว่า "โรเบิร์ตผู้เคร่งศาสนา" แต่โดยการเยาะเย้ยเหล่านี้ทำให้ศิษยาภิบาลของเราเดินตามการทรงเรียกของพระเจ้า พระคำของเรากล่าวว่า "ถ้าเจ้าท้อใจในวันแห่งความชั่วร้ายกำลังของเจ้าก็น้อย" ขอบคุณพระเจ้าที่ท่านไม่ท้อใจ ความแข็งแรงของท่านไม่ได้มีขนาดเล็ก เพราะพระเจ้าทรงประทานกำลังให้ท่าน!

พระเยซูทรงตรัสว่า "ไม่มีผู้ใดมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา“ (ยอห์น 6:44) การทรงชักนำคืออะไร? เรามักจะคิดว่าพระเจ้าทรงทำงานในฝ่ายจิตวิญญาณในขณะที่คนนั้นไว้ใจคริสต์หรือก่อนการกลับใจใหม่ แต่การทรงชักนำของพระเจ้าเริ่มต้นนานก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อพระเจ้าทรงใช้แมคโกแวนนำดร. ไฮเมอร์ส ไปที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ นั่นคือส่วนหนึ่งของการชักนำ

ในช่วงอายุสิบเจ็ดนั้น ดร. ไฮเมอร์ส ได้ยินศิษยาภิบาลของท่านคือ ดร. เมเปิ้ลส์กล่าวว่า "มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่นี่ที่ต้องยอมจำนนต่อพันธกิจ" ดร. ไฮเมอร์ส ชื่นชอบศิษยาภิบาลของท่านและอยากจะเป็นเหมือนท่าน ใครใส่ความคิดในที่นี้? นั่นคือพระเจ้า ดร. ไฮเมอร์ส ยอมจำนนชีวิตของท่านมารับใช้ ใครทำให้เขาเป็นเช่นนั้น? นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการทรงชักนำของพระเจ้า แม้ว่าการเทศนาในช่วงแรกๆจะล้มเหลวหลายครั้ง แต่ท่านก็ไม่หยุดแค่นั้น หลังจากนั้นท่านอยากจะเป็นมิชชันนารีให้กับคนจีน ท่านจึงไปที่คริสตจักรแบ๊บติสจีนที่หนึ่ง นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการทรงชักนำของพระเจ้า

ในฤดูใบไม้ร่วง 1961 ศิษยาภิบาลของเราเข้าเรียนที่พระคริสตธรรมไบโอลา ดร. ชาร์ลส์ เจ บริดจ์เทศน์เทศนาที่นั่นตลอดทั้งสัปดาห์ ดร. วูดบริดจ์ดเกิดในประเทศจีน ท่านออกจากวิทยาลัยฟุลเลอร์เพราะความคิดแบบเสรีนิยมเข้ามาที่นั่น ดังนั้นมีอยู่สองเหตุผลที่ ดร. ไฮเมอร์สได้รับความประทับใจจากนักเทศน์ท่านนี้และฟังเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ใครมีบทบาทในที่นี้? นั่นคือพระเจ้า! ที่คริสตจักรที่โรงเรียนพระคริสตธรรมนั้น ดร.ไฮเมอร์ส ได้ร้องเพลงนมัสการของ ชาร์ลส์ เวสลีย์ "Amazing love! ทำไมพระองค์ถึงทรงพระชนม์เพื่อข้าพระองค์" ท่านเห็นว่าพระเยซูทรงรักและสิ้นพระชนม์เพื่อเขา เหมือนอย่างที่ ดร. วูดบริดจ์ได้เทศนาเวลา 10.30 น ในช่วงเช้าของวันที่ 28 กันยายน 1961 ดร. ไฮเมอร์ส เชื่อพระคริสต์และกลับใจใหม่!

ดังนั้นท่านจึงเริ่มต้นชีวิตคริสเตียนของท่าน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ท่านจะต้องไปเรียนที่วิทยาลัย นั่นเป็นเรื่องยากสำหรับเขา เพราะญาติพี่น้องของเขาไม่มีไปเรียนที่วิทยาลัยเลย ท่านไม่มีการให้กำลังใจและไม่มีเงิน ท่านรู้สึกว่าไม่สามารถทำได้อีกต่อไป แต่ท่านต้องไปเรียนที่วิทยาลัยเพื่อที่จะสามารถไปเป็นมิชชันนารี พระเจ้าประทานพระคำให้ท่านว่า "ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า" (ฟิลิปปี 4:13) ด้วยอำนาจของพระคริสต์ เขาได้ทำในสิ่งที่เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำมันได้! เขาทำงานเต็มเวลาในช่วงกลางวันและไปเรียนที่วิทยาลัยในช่วงกลางคืน - ในขณะเดียวก็รับใช้หลายชั่วโมงที่คริสตจักร ท่านไม่ได้ท้อ แม้จะเป็นเส้นทางที่ลำบากและยาวนาน ท่านไม่เพียงจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท แต่ยังได้รับสามปริญญาเอก ท่านเข้มแข็งในพระคริสต์ "ถ้าเจ้าท้อใจในวันแห่งความชั่วร้ายกำลังของเจ้าก็น้อย" (สุภาษิต 24:10) แต่ในพระคริสต์ท่านไม่เคยย่อท้อ!

ดร. ไฮเมอร์ส ขอให้ผมพูดถึงบุคคลอื่นด้วย หนึ่งในนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นพนักงานพิมพ์ดีด ที่ ดร.ไฮเมอร์สทำงาน เขารู้สึกเงียบเหงามากในช่วงเรียนหนังสือและช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน ผู้หญิงคนนี้ชื่อ เกวิน เดฟลิน หญิงคนนี้เข้ามาพูดคุยกับท่านทุกคืนหลังเลิกงานและเป็นกำลังใจเขา บ่อยครั้ง ท่านบอกผมว่าเขาจะไม่มีวันได้ทำหากไม่มีเธอหนุนใจ

หลังจากที่ผมเทศนานี้แล้ว ดร. ไฮเมอร์ส ก็ขอให้กล่าวถึงอีกสี่คนที่คอยช่วยเหลือท่าน นั่นคือเมอร์ฟี่และลอร์นาลุมเป็นอนุชนที่คริสตจักรจีน เมื่อดร. ไฮเมอร์ส ไปที่นั่นครั้งแรกก็มีพวกเขานี่แหละคอยดูแลและปฏิบัติต่อเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่ง พวกเขาพาท่านาไปที่บ้านของพวกเขา พวกเขาพาออกไปกินอาหารหลังนมัสการในช่วงเย็น พวกเขาเป็นเพื่อนที่แท้จริงให้กับเขา บุคคลที่สามที่ดร. ไฮเมอร์ส ต้องการให้ผมพูดถึงคือนายยู วิลเกอร์สัน เขาเป็นคนแก่ผิวขาวไปที่คริสตจักรจีน เขาเป็นเลขาฯของคริสตจักรจีนและทำหน้าที่อื่น ๆ อีกมากมาย เขากลายเป็นเพื่อนตลอดชีวิตของดร ไฮเมอร์ส ศิษยาภิบาลงของเราใช้เวลามากกับเขา และดร ไฮเมอร์ส ขับรถไปส่งบ้านทุกคืนวันเสาร์หลังจากที่เขาพิมพ์ข่าวคริสตจักรเสร็จ ตอนที่เขาเสียชีวิต ครอบครัวของเขาขอร้องให้ ดร. ไฮเมอร์ส ไปช่วยประกอบพิธีศพของเขาที่คริสตจักรแบ๊บติสจีนที่หนึ่ง เพื่อนอีกคนที่คอยช่วยเหลือ ดร. ไฮเมอร์ส คือแจ็คสัน ลู เป็นหนุ่มสาวชาวจีนที่ต่อมากลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของท่าน

ในคริสตจักรจีน ดร. ไฮเมอร์ส ทำงานภายใต้ศิษยาภิบาลที่ชื่อ ดร. ทิโมธี หลิน (1911-2009) ดร. หลินเป็นนักวิชาการพระคัมภีร์ที่โดดเด่น ท่านเป็นคนที่ดีมากที่เชื่อว่าศาสนาคริสต์ไม่ได้เป็นรูปแบบที่มีแต่เปลือกนอก แต่ความเป็นจริงคือการใช้ชีวิตประจำวัน พระเจ้าทรงนำศิษยาภิบาลของเราให้อยู่ ให้อยู่ภายใต้การดูแลของ ดร. หลินให้ฝึกอบรมให้เขาเป็นคนที่มีประสิทธิภาพเพื่อพระเจ้าเอง

ปีที่ผ่านมาเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดร. ไฮเมอร์ส เป็นเพียงชายหนุ่มผิวขาวในคริสตจักร งานนี้เป็นงานหนัก เทศนาและสอนทุกคืนวันศุกร์ คืนวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด แต่เป็นสิ่งที่ดี พระคัมภีร์กล่าวว่า " เป็นการดีที่คนเราจะแบกแอกในปฐมวัย” (บทเพลงคร่ำครวญ 3:27) พระเจ้าทรงใช้สิ่งเหล่าสร้างท่านให้กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระเจ้า นี่คือสถาบันพระคริสตธรรมที่แท้จริงของท่าน ปีที่ผ่านมาเหล่านั่นยากลำลาก ความยากลำบากเหล่าแสดงให้เราเห็นถึงความแข็งแกร่งของศิษยาภิบาลของเรา ดร. ไฮเมอร์สไม่ได้ท้อ แม้เป็นทางที่ยาก - แต่สิ่งดีที่สุดคือความแข็งแกร่ง!

คริสตจักรจีนเป็นคริสตจักรแบ๊บติสต้ ดังนั้น ดร. ไฮเมอร์ส จึงไปศึกษาที่พระคริสตธรรมของแบ๊บติสใต้ แต่มันเป็นสถาบันสายเสรีนิยมที่พวกอาจารย์ชอบสอนโจมตีพระคัมภีร์ พระเจ้าทรงสอนศิษยาภิบาลของเราที่จะยืนหยัดปกป้องพระคัมภีร์แม้ว่าเขาจะต่อสู้คนเดียวเท่านั้น พระเจ้าทรงเสริมกำลังและปลอบโยนท่านในยามที่ท่านรู้สึกเหงาและเศร้า "ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า" (ฟิลิปปี 4:13)

ในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ ดร ไฮเมอร์ส กล้าหาญและซื่อสัตย์ วันนี้นักเทศน์หลายคนเลือกที่จะเดินในทางที่ง่าย พวกเขากล่าวว่าไม่มีอะไรและไม่ทำอะไร พวกเขาเป็นเหมือนนักเทศน์ในอิสราเอลเมื่อเยเรมีย์กล่าวว่า

“ตั้งแต่คนที่ต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด ทุกคนโลภอยากได้กำไร และทุกคนก็กระทำการด้วยความเท็จ...กล่าวว่า สันติภาพ สันติภาพเมื่อไม่มีสันติภาพเลย” (เยเรมีย์ 6:13, 14).

แต่ ดร. ไฮเมอร์ส พูดความจริงซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านลุกขึ้นต่อสู้กับลัทธิเสรีนิยมในสถาบันพระคริสตธรรม แบ๊บติสใต้ ท่านยังเขียนหนังสือเปิดเผยเรื่องนี้และส่งเป็นวรรณกรรมไปทั่วคริสตจักรทั้งหมดเปิดโปงเรื่องนี้ ปัจจุบันนี้สถาบันเหล่านั้นเป็นอนุรักษ์นิยมแล้ว

ท่านลุกขึ้นต่อสู้กับพวก แอนตีโนเมียนนิยม หรือ antinomianism - คือพวกที่คิดว่าคุณสามารถเป็นคริสเตียนและมีชีวิตที่ทำบาปไปด้วย จึงมีคริเตียนบางกลุ่มที่ชอบขาดการไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ชอบเต้นรำ สูบกัญชาและมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส ตอนนั้น ดร. ไฮเมอร์สกล่าวต่อต่าน - และตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น - นี่นคือคนที่ใช้ชีวิตเหมือนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนเลย!

ศิษยาภิบาลของเรายังลุกขึ้นต่อต้านการทำแท้ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดร. ไฮเมอร์ส นั่งอยู่ด้านหน้าคลินิกทำแท้งกับตำรวจที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน เสี่ยงต่อการถูกตีและติดคุก แต่คริสตจักรของเราก็สามารถปิดคลินิกทำแท้งสองแห่งลง ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ดี แต่ ดร.ไฮเมอร์ส ไม่ได้ท้อ นั่นคือคนของพระเจ้า!

ฮอลลีวู้ดผลิตภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาที่เรียกว่า "The Last Temptation of Christ" ความจริงมีคนอื่น ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับหนังเรื่องนี้ แต่ ดร. ไฮเมอร์ส ต่อสู้อย่างหนัก! เขาเป็นเหมือนอย่างที่ทหารเรียกว่า "คนไม่กลัว" คือคนที่เดินไปข้างหน้าผู้อื่นและเสี่ยงกับศัตรู ไฟ ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ดี แต่ ดร. ไฮเมอร์ส ไม่ท้อ ในเดือนสิงหาคมปี 1988 ในนิตยสารคริสเตียนทูเดย์ ดร. บ๊อบ โจนส์ จูเนียร์ เป็นอธิการบดีที่มหาวิทยาลัยบ๊อบโจนส์ได้กล่าวว่า "กับผมดูเหมือนว่าการแสดงความคิดเห็นต่อต้านของไฮเมอร์สคนเดียวเท่านั้นที่มีผล!" ฮอลลีวู้ดเลยไม่ทำหนังเช่นนั้นอีก! ความยากลำบากและความเจ็บปวดบนเส้นทางของท่าน แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ชนิดของชายคนหนึ่งอย่าง ดร.ไฮเมอร์ส เป็นกัน ประธานาธิบดี ทีโอดอร์ รุสเวลท์ กล่าวว่า

มันไม่ใช่นักวิจารณ์ ไม่ใช่คนที่ชี้ให้เห็นว่าคนแข็งแรงสะดุดหรือผู้กระทำได้ทำให้พวกเขาดูดีกว่า เครดิตเป็นของคนที่จริงจังในเวทีที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก จนเหงื่อและเลือดออกมาแสดงถึง ความมุ่งมั่นกล้าหาญ ... ของคนที่ใช้เวลาของตัวเองให้กับสิ่งที่คุ้มค่า และคนที่ได้รับชัยชนะในช่วงสุดท้ายแม้มีสิ่วเลวร้ายก็ตาม ถ้าเขาล้มเหลวในขณะเดียวกันก็ยังมีความกล้าหาญมากขึ้น เพื่อให้สถานที่ของเขาจะไม่ตกอยู่กับพวกขี้แพ้และขี้ขลาดไม่เคยที่รู้คุณค่าของชัยชนะหรือความพ่ายแพ้

ดร. ไฮเมอร์ส เป็นชายคนหนึ่งที่อยู่ในสนามรบที่มุ่งมั่นสละเหงื่อและเลือด - สำหรับพระผู้ช่วยให้รอดของท่าน!

ดร. ไฮเมอร์ส เป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ท่านก่อตั้งสองคริสตจักร หนึ่งในนั้นคือคริสตจักรของเรา แต่ทุกที่จะเผชิญกับความทุกข์ยากเป็นเวลาถึงสิบสี่ปีของการต่อสู้และความพ่ายแพ้ เหมือนอย่างที่อัครทูตเปาโลกล่าวว่า "เพราะว่าที่นี่มีประตูเปิดให้ข้าพเจ้าอย่างกว้างขวางน่าจะเกิดผล ทั้งผู้ขัดขวางก็มีเป็นอันมากด้วย" (1 โครินธ์ 16: 9) เป็นเวลาถึงสี่สิบปีที่ความทุกข์ยากเกิดให้กับท่าน อัครทูตเปาโลกล่าวว่า "ข้าพเจ้าต้องเดินทางบ่อย ๆ เผชิญภัยอันน่ากลัวในแม่น้ำ เผชิญโจรภัย เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยในนคร เผชิญภัยในป่า เผชิญภัยในทะเล เผชิญภัยจากพี่น้องเทียม" (2 โครินธ์ 11 : 26) ดร. ไฮเมอร์ส แบกภาระหนักดหมือนอย่างอาจารย์เปาโล "ดูแลคริสตจักรทั้งหมด" (2 โครินธ์ 11:28) ดร. ไฮเมอร์ส ไม่เคยเลิก แม้ท่านรู้สึกหดหู่ แต่ท่านไม่เคยเลิก ความแข็งแกร่งคือพฤติกรรมที่ดีของท่าน!

ใช่มีหน้าต่างแห่งพระคุณ พระเจ้าทรงประทาน ดร. ไฮเมอร์ส ด้วยภรรยาที่ยอดเยี่ยมและบุตรชายสองคน - และหลานสาว ที่ดีที่สุดคือทุกคนกลับใจใหม่หมด น้อยมากที่ผู้รับใช้ในวันนี้สามารถนำคนที่ไม่เชื่อให้มากลับใจใหม่ได้ แต่ที่พวกเขาทำได้คือการถ่ายโอนผู้คนจากโบสถ์อื่น ๆ แต่สำหรับ ดร. ไฮเมอร์ส ไม่ใช่อย่างนั่น เพราะท่านนำดวงจิตวิญญาณมาให้พระคริสต์จากภูมิหลังที่ไม่ใช่คริสเตียน

เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ท่าน!เป็นเวลาหลายปีของการต่อสู้และการทรยศและความพ่ายแพ้ สองก้าวออกไปข้างหน้า หนึ่งก้าวถอยกลับ - และบ่อยครั้งที่สองก้าวถอยกลับ ดร. ไฮเมอร์ส ได้รับการปฏิบัติตอบอย่างไร้ค่าเช่นสิ่งสกปรกและบางครั้งก็รู้สึกแบบนั้น แต่ท่านเป็นคนสัตย์ซื่อ ท่านไม่ท้อ!

ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ดี! "อดีตผู้นำ" คริสตจักรของเราหนีไปและพาผู้ใหญ่จำนวน 400 คนออกไปด้วย คริสตจักรของเราเกือบจะเสียอาคารหลังนี้ เราเกือบจะล้มละลาย นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงเสนอให้ดร. ไฮเมอร์สไปรับใช้ในคริสตจักรแห่งหนึ่งอยู่ใกล้เมืองซันโฮเซ เขากล่าวว่า "นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณจะออกแล้วนะ" ผู้รับใช้หลายคนเลือกที่จะออกไป เพราะสมาชิกออกจากคริสตจักรไปเป็นจำนวนมากและคริสตจักรตกอยู่ในสถานะทางการเงินที่ลำบาก - ดร. ไฮเมอร์สเลือกที่จะอยู่! เพราะเขาซื่อสัตย์ "สามสิบเก้า" คนที่ยอมสละเวลาและเงินของพวกเขาเราจึงมีคริสตจักรให้คุณอย่างทุกวันนี้!

ผมรู้แล้วว่าการทดสอบของมนุษย์อยู่ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ยี่สิบปีที่ทุกอย่างมองดูเหมือนเลวร้าย ปัญหาที่ศิษยาภิบาลของเราต้องเผชิญนั้นเป็นวัดความเข้มแข็งและนิสัยของเขา ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ดี ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ดี!

ตอนนี้คริสตจักรนี้ไม่มีการแตกแยกอีก แต่มีชนิดของความทุกข์ยากที่แตกต่างออกไป สองสามปีที่ผ่านมา ดร. ไฮเมอร์ส บอกผมว่ายังคงมีการบททดสอบเขาอีกมากมาย ตอนนั้นท่านอายุกว่า 70 ปี ผมเองก็ผ่านหกสิบไปแล้ว แต่ผมยังไม่เข้าใจเลย ผมจึงพูดว่า "อะไร? หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธพระเยซูคริสต์บนเตียงมรณะของคุณนะ!" ใช่มีการทดสอบและในพระคริสต์ ศิษยาภิบาลของเราได้ผ่านการทดสอบอย่างมีเกียรติ

ในช่วงอายุที่ 75 ปีและมีโรคมะเร็งและสุขภาพอ่อนแอที่เกิดจากการรักษา คนส่วนใหญ่จะเกษียณไปแล้ว แต่ศิษยาภิบาลของเรากลับยังทำงานเดินหน้าต่อไปเพื่อคริสตจักรของเราและพระเจ้า! ผมเห็นท่านเดินด้วยความยากลำบากมาเทศน์บนธรรมาสน์ แทบไม่สามารถที่จะเดินได้ และพักผ่อนน้อยมาก ท่านเทศนาอย่างไร? เหมือนดั่งราชสี! บทเทศน์ของท่านนั้นดีมากทร่คุณไม่สามารถฟังได้ที่อื่นอีก นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ามีคนมากกว่า 140,000 คนอ่านต้นฉบับเทศนาของท่าน และดูในวิดีโอมากถึง 217 ประเทศเมื่อเดือนที่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้รับใช้ทั่วทุกมุมโลกนำบทเทศนาของท่านไปเทศน์ในคริสตจักรของพวกเขา ท่านมีพระคำประจำใจคือ “ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า" (ฟิลิปปี 4:13)

ผมอธิษฐานขอให้ท่านหายจากมะเร็ง และมีชีวิตทำพันธกิจให้นานๆ แต่ ดร. ไฮเมอร์ส จะไม่อยู่ตลอดไป พระคัมภีร์กล่าวว่า "เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะตั้งจิตตั้งใจได้สติปัญญา" (สดุดี 90:12) คนส่วนใหญ่ไม่คิดเกี่ยวกับชีวิตว่าอยู่ไม่นาน ผู้รับใช้ส่วนใหญ่ก็ไม่คิดเหมือนกัน พวกเขาไม่เคยวางแผนไว้สำหรับหลังความตาย ดังนั้นคริสตจักรของพวกเขาแตกแยกการแยกลดลงและตายไปในที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ศิษยาภิบาลของเราใส่ใจคริสตจักรของเรา! มันไม่ได้มาจากความอ่อนแอหรือการสงสารตัวเอง ที่ท่านพูดถึงการตายในอนาคตของเขาและชักชวนคนหนุ่มสาว - นั่นคือการกระทำของความกล้าหาญและความสัตย์ซื่อ! ตอนที่ท่านหนุนใจอนุชนคริสเตียนให้ไปทำพันธกิจเท่าที่พวกเขาสามารถทำได้ - นั่นคือการกระทำที่เป็นความรับผิดชอบและหน้าที่ของการให้เกียรติและความรัก!

วันนี้ศิษยาภิบาลของเราเผชิญกับอายุมากและการเจ็บไข้ป่วย ตัวชี้วัดมนุษย์คนหนึ่งคือความทุกข์ยาก เวลามีสิ่งมาต่อต้านเขา ดร. อาร์ แอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์เป็นคนที่เข้มแข็งและแน่นอน!

ท่านทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร? ท่านผ่านมาได้อย่างไร? ในพระคริสต์! ศิษยาภิบาลของเราเต็มใจที่จะบอกว่าเขา "ทำทุกสิ่ง [เท่านั้น] ผ่านทางพระคริสต์ซึ่งเสริมกำลัง [เขา]" พละกำลังนี้มาจากไหน? พระคริสต์ พระคริสต์ และอีกครั้งหนึ่งพระคริสต์!

อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า "ท่านทั้งหลายก็จงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์" (1 โครินธ์ 11: 1) ผมบอกคุณ ให้เดินตามแบบอย่างศิษยาภิบาลของเรา เหมือนอย่างที่ท่านเดินตามพระคริสต์ วางใจพระเยซูคริสต์ รับใช้พระองค์มากเท่าที่คุณสามารถทำได้ พระคริสต์ พระคริสต์ และอีกครั้งหนึ่งพระคริสต์!

คืนนี้เราฉลองครบรอบวันเกิด 75 ปีศิษยาภิบาลของเรา สิ่งที่เรามีให้ท่านคือความรัก แต่มีบางสิ่งสำคัญมากที่คุณสามารถให้ท่าน มอบคริสตจักรที่เจริญเติบโตให้ท่าน! ผมคิดถึงสิ่งที่คริสตจักรของเราจะเป็น! จะเป็นไปอย่างไร และโดยพระคุณของพระเจ้าขอให้เป็นอย่างนั้น! จงทำให้คริสตจักรเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาว! อธิษฐานและประกาศพระวจนะและมอบความรักให้แก่คนจนกว่าเราจะมีคริสตจักรที่พระเจ้าต้องการ! มอบคริสตจักรที่เจริญเติบโตให้ท่าน!

ตอนนี้ผมขอถามคุณ คุณมีพระคริสต์ต์ของศิษยาภิบาลของเราหรือไม่? คุณมีพระผู้ช่วยให้รอดของท่านหรือไม่? คุณวางใจพระเยซูหรือไม่? หากไม่มีพระคริสต์คุณก็ไม่มีอะไรมีแต่บาป หากคุณวางใจพระองค์ คุณจะได้รับการให้อภัยผ่านทางพระโลหิตของพระองค์ หากคุณวางใจพระองค์ คุณจะบังเกิดใหม่มีชีวิตนิรันดร์ ผมขออธิษฐานให้คุณวางใจพระเยซูในเร็ว ๆ นี้ อาเมน.

หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล บรูดโฮมมี: ข้อพระคำที่ ดร. ไฮเมอร์ส ชื่นชอบ สดุดี 27:1-14.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคด กรีฟีท:
“The Master Hath Come” (Sarah Doudney, 1841-1926).