Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




สมาชิกในคริสตจักรที่ไม่ได้กลับใจใหม่ในยุคสุดท้าย

(บทเทศนา # 5 ใน 2 เปโตร)
UNCONVERTED CHURCH MEMBERS IN THE LAST DAYS
(SERMON #5 ON II PETER)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 31 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2015 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, May 31, 2015

“แต่ว่าได้มีผู้พยากรณ์เท็จท่ามกลางประชาชนทั้งหลายด้วย เช่นเดียวกับที่จะมีอาจารย์เท็จท่ามกลางท่านทั้งหลาย ผู้ซึ่งจะแอบเอาลัทธิที่ออกนอกลู่นอกทางอันจะนำไปสู่ความหายนะเข้ามาด้วย และจะปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ได้ทรงไถ่เขาไว้ และจะนำความพินาศอย่างฉับพลันมาถึงตนเอง” (2 เปโตร 2:1)


อาจารย์เปาโลกล่าวว่าจะมีนักเทศน์เทียมเท็จ “ท่ามกลางท่านทั้งหลาย” ในคริสตจักร และมีมากมายในทุกวันนี้

“เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนอันถูกต้องไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง ตามความปรารถนาของตนเอง เพราะมีหูที่คัน” (2 ทิโมธี 4:3)

ผู้คนต้องการได้ยินสิ่งที่เสนาะหูของพวกเขา เพราะฉะนั้นผู้สอนเท็จจึงเป็นที่นิยมมากในทุกวันนี้ นักเทศน์ที่เราเห็นทางโทรทัศน์ในวันนี้คือพวกนี้เอง นักเทศน์เหล่านี้เป็นคนนอกรีต

พระธรรม 2 เปโตรบทที่สองอธิบายถึงผู้สอนเท็จเหล่านี้ อัครสาวกกล่าวว่าพวกเขาจะสอน "ลัทธิที่ออกนอกลู่นอกทางอัน" แม้กระทั่งการปฏิเสธพระคริสต์ พวกเขาปฏิเสธพระเยซูโดยที่ไม่มีการเทศนาถึงพระองค์ พวกเขากล่าวว่าเป็นพวกต่อต้านพระเยซู พวกเขาสอนผู้เชื่อว่าสามารถมีชีวิตอยู่ในความบาปและโดยที่ยังเป็นคริสเตียน พวกเขารับใช้เพื่อเงินมากกว่าพระเจ้า การรับใช้เช่นนี้จะถูกพิพากษา พวกเขาจะถูกพิพากษาเหมือนอย่างพวกทูตสวรรค์ที่หลงทำบาปถูก "โยนลงไปในนรก" พวกเขาจะถูกพิพากษาเหมือนอย่างคนในสมัยโนอาห์โดยน้ำท่วมโลก พวกเขาจะถูกพิพากษาเหมือนเมืองโสโดมและโกโมราห์โดยถูกพิพากษาโดยไฟจากสวรรค์

เปโตรใช้สามตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงผู้สอนเท็จ และผู้ที่ติดตามพวกเขาจะถูกพิพากษา ผู้สอนเท็จเหล่านั้นบอกว่าคริสเตียนสามารถทำบาปและยังรอด พวกเขาหยิ่งผยอง พวกเขาพูดใส่ร้ายต่อต้านผู้นำคริสเตียนที่แท้จริง พวกเขาปฏิเสธสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ ครูสอนเท็จเหล่านี้ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นทาสของความบาป และพวกเขาตายอยู่ในความบาป คนเหล่านี้เป็น "ตัวสร้างปัญหา" และ "ทำลาย" ในคริสตจักร สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการล่วงประเวณี พวกเขาไม่สามารถหยุดการทำบาป พวกเขาหลอกลวงคนอื่นๆ พวกเขาถูกสาปแช่ง พวกเขาเป็นเหมือนผู้พยากรณ์เท็จบาลาอัมที่เทศนาเพื่อเงิน

คริสเตียนเท็จเเหล่านี้เป็นเหมือนบ่อน้ำที่ไร้น้ำ พวกเขาพูดดี แต่พวกเขาหลอกลวงผู้ที่ติดตามพวกเขา พวกเขาสัญญาแก่ผู้ที่ติดตามว่ามีอิสระเสรีภาพ แต่ความจริงแล้วพวกเขาเป็นทาสของตัณหาบาป พวกเขาเป็นทาสของสิ่งชั่วร้าย พวกเขาหลอกลวงผู้เชื่อใหม่ พวกเขาจะถูกพิพากษาอย่างร้ายแรงเพราะการสอนผิดจากพระบัญญัติในพระคัมภีร์ พวกเขาเป็นเหมือนสุนัขและสุกร พวกเขาแกล้งทำเป็นคริสเตียนที่ดี แต่กลับไปทำบาปเก่าที่เคยทำ เช่นเดียวกับสุนัขและสุกร ธรรมชาติของพวกเขายังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระคริสต์ นั่นคือพระธรรม 2 เปโตร บอกเรา

ทำไมเปโตรใช้เวลาเขียนพระธรรมบทที่สองนี้กล่าวถึงคริสเตียนเท็จ? หนึ่ง-ตามประวัติศาสตร์ของคริสเตียนแล้วคนเหล่านี้มีอยู่มาแล้ว เราต้องระมัดระวัง สอง-พวกเขาจะมีมากขึ้นในยุคสุดท้าย ดู 2 เปโตร 3: 3 ให้ลุกขึ้นยืนและอ่านออกเสียงดัง ๆ

“จงรู้ข้อนี้ก่อน คือในวันสุดท้ายคนที่ชอบเยาะเย้ยจะเกิดขึ้นและดำเนินตามใจปรารถนาชั่วของตน” (2 เปโตร 3:3)

พวกคุณนั่งลงได้ พระคัมภีร์เตือนเราถึง "ในวันสุดท้าย" จะมีผู้คนที่มักเยาะเย้ยคริสเตียนสอนเท็จตามที่กล่าวเอาไว้ในบทที่สองนี้ พระคัมภีร์หลายตอนพูดเกี่ยวกับคริสเตียนเท็จจะเกิดขึ้นมากมายในยุคสุดท้าย ดูเหมือนพวกเขามีพระเจ้า แต่อำนาจของพระเจ้าไม่มีอยู่ในพวกเขา (2 ทิโมธี 3: 5) “ในกาลภายหลังจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวก [ผีปีศาจ]” (1 ทิโมธี 4:1) ในเวลานั้นจะเข้าสู่กรียุคอย่างที่กล่าวว่า “กลายเป็นที่อาศัยของวิญญาณชั่ว เป็นที่คุมขังของผีโสโครกทุกอย่าง และเป็นกรงของนกทุกอย่างที่ไม่สะอาดและน่าเกลียด” (วิวรณ์ 18:2) คริสตจักรจะถูกเรียกว่า “หญิงแพศยาคนสำคัญ” (วิวรณ์ 17:1; 19:2) ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่า "โสเภณีคนสำคัญ" ประกอบด้วยผู้ที่ไม่เชื่อพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด" (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, volume 5, Thomas Nelson Publishers, 1983, p. 1030; note on Revelation 17:1)

ดร. จอห์นเอฟ วาล์วูร์ด ผู้อำนวยการพระคริสตธรรมสนศาสตร์แห่งดัลลัสกล่าวว่า "คนที่ปฏิเสธคนและการทำงานของพระเยซูคริสต์ในพระคัมภีร์ คนเช่นนี้ไม่ใช่คริสเตียนเลย พวกนี้ต่อต้านคริสเตียน เป็นศัตรูกับพระกิตติคุณ เป็นคนนอกรีต คนที่ไม่ได้รับความรอด เป็นคนที่ไม่ได้รับการสัมผัสโดยพระคุณของพระเจ้า สิ่งที่เปโตรกล่าวเอาไว้นั้นช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าถึงคนในสมัยนี้ ... คริสเตียนจำนวนมากมายไม่รู้เลยว่าคนที่ไม่เชื่อกำลังเข้าสู่คริสตจักร ... เปโตรพูดอย่างนั้นนานมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอว่าจะเกิดในอนาคต แต่กำลังเกิดในเวลานี้" (John F. Walvoord, Th.D., “Where is the Modern Church Going?” in Prophecy and the Seventies, Charles L. Feinberg, Th.D., Ph.D., editor, Moody Press, 1971, pp. 113, 114)

ผมสามารถบอกคุณถึงสิ่งที่ผมเห็นด้วยตาตัวเอง ถึงพวกอีเวนเจลิคอล์ที่เกิดขึ้นมากมายโดยที่ “ไม่ได้รับการสัมผัสโดยพระคุณของพระเจ้า” และไม่ได้รับ “ความรอด” – เหมือนอย่างที่ ดร. วาล์วูรด์ กล่าวไว้นี้เป็นความจริงให้กับสถาบันพระคริสตธรรม และสมาชิกในคริสตจักร เหมือนอย่างที่ ดร. วาล์วูรด์ กล่าวว่า “คริสเตียนจำนวนมากมายไม่รู้เลยว่าคนที่ไม่เชื่อกำลังเข้าสู่คริสตจักร

คำถามของผมคือ – สิ่งเลวร้ายเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เราจะพบกับคำตอบได้ก็โดยให้กลับไปสู่อดิตว่ามีที่มาได้อย่างไร นั่นคือเริ่มต้นในศตวรรษที่สิบเก้าหรือประมาณปี 1824 โดยชาร์ลส์ จี ฟินเนย์คือผู้ที่เปลี่ยนจากการกลับใจใหม่ไปเป็น "การตัดสินใจ"

นี่คือพวก “ตัดสินใจ” สมัยนี้เข้าใจผิดเกี่ยวกับบาป! ดร. มาร์ติน ลอยด์โจนส์ กล่าวว่า “จอห์น บันหยันบอกเราในหนังสือ เต็มด้วยพระคุณ หรือ Grace Abounding นั่นคือเขาอยู่ [ภายใต้ความเชื่อเรื่องบาป] และการทนทุกข์ฝ่ายวิญญาณเป็นเวลาสิบแปดปี วันเวลาเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่คนที่รับรู้เรื่องบาปจะเป็นทุกข์ เขาจะเสียชีวิตและพบกับพระเจ้าได้อย่างไร?” (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Assurance (Romans 5), The Banner of Truth Trust, 1971, p. 18)

วันศุกร์ที่ผ่านมาผมอ่านหนังสือของบันหยันที่ชื่อ Pilgrim’s Progress ท่านกล่าวถึงการเชื่อเรื่องบาปและการกลับใจใหม่อย่างแท้จริง ก่อนที่มีฟินเนย์ผู้เริ่มความเชื่อของพวกอีเวนเจลิคอล์สมัยใหม่ Pilgrim’s Progress ถูกตีพิมพ์โดย จอร์ด ไวท์ฟิวร์ด และขายให้กับคริสตจักรเมทอดิสต์ที่อยู่ทั่วอังกษฤและอเมริกา พิมพ์ครั้งที่เจ็ด Pilgrim’s Progress พิมพ์ให้กับ จอห์น เวสเลย์ และผู้ที่ติดตามเขาโดยเฉพาะคนที่อ่านภาษาอังกฤษ Pilgrim’s Progress มีชาวโปรเตสแตนต์เป็นพันๆคนที่ชอบอ่าน ดังนั้นบันหยันถือว่าเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงให้กับชาวแบ๊บติสต์เป็นอย่างมาก พิมพ์ครั้งแรกในปี 1678 หนังสือถูกพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษออกมาหลายครั้งด้วยกันและขายได้มากที่สุด นอกจากพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์ สเปอร์เจียนอ่านหนังสือ Pilgrim’s Progress มากกว่า 75 ครั้ง ท่านนำเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้มาอ้างในบทเทศนาหลายครั้งทีเดียว เป็นหนังสือเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ – มีค่ามากให้กับคนโปรเตสเตนต์ และผู้เชื่อที่เป็นชาวแบ๊บติสต์จนกว่า ฟินเนย์ เปลี่ยนไปเป็นการตัดสินใจในศตวรรคที่สิบเก้า

ในส่วนที่เรียกว่า "ความหวังบอกการกลับใจใหม่ว่า" เราเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับความรอดที่ถูกลืมซึ่งเป็นผลมาจากคำสอนของฟินเนย์ "การตัดสินใจนิยม"

ส่วนนี้เริ่มต้นด้วยบทสนทนาระหว่างความซื่อสัตย์และความหวัง ความหวังบอกว่าเขาเริ่มต้นโดยคิดว่าความรอดของเขามีเมื่อเขาเห็นความว่างเปล่าของโลก - คริสตจักรที่หลงหายโกหกสาบานเซ็กซ์เหมือนไปที่ลาสเวกัส แต่เขากล่าวว่า "ตอนแรกฉันปิดตาของฉันจาก (พระคัมภีร์)" จากนั้นเขากล่าวว่า

"หนึ่ง – ฉันไม่รู้เลยว่านี่คือการงานของพระเจ้าเพื่อฉัน ฉันไม่เคยคิดว่าพระเจ้าจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงคนบาปโดยการกระตุ้นให้พวกเขารับรู้เรื่องบาป สอง – บาปยังคงหวานมาก ฉันเกลียดที่จะปล่อยมันไป สาม – ฉันไม่อยากละทิ้งเพื่อนที่ไม่เชื่อพระเจ้าไป พวกเขาทำให้ฉันพอใจในสิ่งต่างๆ สี่ – ทุกครั้งที่ผมอยากจะเชื่อตอนนั้นรู้สึกทรมาณมากจนทนไม่ไหว"

คริสเตียนกล่าวว่า "มันดูเหมือนว่าบางครั้งคุณได้กำจัดปัญหาของคุณ"

"ใช่" ความหวังกล่าวว่า "แต่สิ่งล่อใจจะเข้ามาในใจของฉันอีกครั้ง และจากนั้นฉันจะยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าก่อน"

ความหวังกล่าวว่าความเชื่อก็จะกลับมาลงโทษหาเขาและลงโทษเขาอีก

คริสเตียนกล่าวว่า “หลังจากนั้นคุณทำอะไร?”

ความหวังกล่าวว่า "ฉันพยายามที่จะแก้ไขชีวิตของฉัน" ฉันพยายามที่จะไม่ทำบาป ฉันหนีจากความบาปและจากเพื่อนที่ไม่เชื่อ ฉันเริ่มอธิษฐานอ่านพระคัมภีร์และทำความดีต่างต่างๆ”

คริสเตียนกล่าวว่า “นั่นช่วยคุณหรือเปล่า?”

ความหวังกล่าวว่า “ใช่ นานชั่วขณะ ไม่นานฉันกลับมามีปัญหาอีก แม้ว่าฉันพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ตาม”

คริสเตียนกล่าวว่า “แล้วเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

ความหวังกล่าวว่า "ตอนที่ฉันจำได้ความชอบธรรมทุกอย่างของฉันทำเป็นเหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก และเมื่อฉันจำได้โดยการสังเกตบัญญัติ ไม่มีใครเลยที่เป็นคนชอบธรรม และแล้วฉันก็รู้ว่าฉันโง่ที่คิดว่าฉันจะไปสวรรค์โดยการทำดีและทำตามกฎหมาย ฉันคิดว่าแม้ว่าตอนนี้ฉันเป็นคนที่สมบูรณ์แบบและถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระเจ้า บาปเก่าจะทำลายฉันและไม่มีทางหนีออก - และฉันเองก็ไม่สามารถลบมันออก! ฉันก็ทรมาณมากกว่าเดิม และฉันไม่มีสันติสุขเลย ฉันรับรู้ใจของตัวเองมีบาปหนาเกินกว่าที่จะเปลี่ยน แปลงตัวเอง แล้วความซื่อสัตย์บอกว่าถ้าฉันจะได้รับความชอบธรรมจากคนที่ไม่เคยทำบาป ไม่มีวันที่ฉันจะรอดได้ เขาบอกว่าผู้ชายผู้นี้คือพระเยซู ผู้ที่นั่งอยู่ที่ด้านพระหัตถ์ขวาของพระเจ้า ความซื่อสัตย์จึงกล่าวว่า 'คุณต้องรับการชำระโดยพระองค์ - ที่ผู้ทรงทนทุกข์บนไม้กางเขน"

คริสเตียนกล่าวว่า “หลังจากนั้นคุณทำอะไร?”

ความหวังบอกว่า “ฉันขอต่อต้าน ผมเชื่อว่าพระเยคงไม่ช่วยกู้ฉันหรอก”

“แล้วความซื่อสัตย์พูดอย่างไรให้กับคุณ?”

“พระเยซูบอกให้ฉันมาที่พระองค์”

“แล้วคุณทำอย่างที่บอกนั้นหรือเปล่า?”

“ฉันพยายามแล้ว ครั้งแล้วครั้งเล่า”

“และพระบิดาสำแดงพระบุตรให้คุณหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ครั้งแรก หรือครั้งที่สอง หรือครั้งที่สาม หรือครั้งที่สี่ หรือครั้งที่ห้า หรือครั้งที่หก”

“แล้วคุณเคยคิดที่จะหยุดหรือเปล่า?”

“ใช่ มากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง”

“และทำไมคุณถึงไม่หยุดล่ะ?”

"ผมเชื่อว่านั่นเป็นความจริงอย่างที่บอกผมมา หากไม่มีความชอบธรรมของพระคริสต์คนทั่วโลกก็ไม่อาจรับความรอดแล้ว ดังนั้นผมคิดกับตัวเองว่า ถ้าฉันหยุด ฉันจะตายและฉันก็ไม่สามารถตายยกเว้นบัลลังก์แห่งพระคุณ’ ดังนั้นผมจึงทำต่อไปจนกว่าพระจะสำแดงให้ฉันเห็นพระบุตร"

"แล้วพระเยซูจะสำแดงให้คุณอย่างไร?"

"ฉันไม่สามารถเห็นพระองค์ด้วยตากายของฉัน แต่ด้วยตาใจของฉัน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น มีวันหนึ่งฉันรู้สึกเศร้ามาก และความโศกเศร้านี้ทำให้ฉันเข้าใจความเลวทรามของความผิดของฉัน ฉันกำลังมองไปข้างหน้าโดยไร้เป้าหมาย นอกเสียจากนรกและการสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ในฝ่ายจิตวิญญาณของฉัน ทันใดนั้นฉันรู้ว่าพระเยซูทรงทอดพระเนตรจากสวรรค์ลงมาที่ฉัน และฉันก็พูดว่า 'พระองค์เจ้าค่ะ ‘ข้าพระองค์เป็นคนบาปหนา' แล้วพระองค์ทรงตอบว่า 'พระคุณของเรามีมากเพียงพอสำหรับเจ้า จากนั้นฉันพูดว่า 'แต่พระเจ้า ความเชื่อคืออะไร?’แล้วฉันก็ได้ยินพระองค์ตรัสว่าว่า 'ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิวและผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีก "ความเชื่อและการมาก็เป็นสิ่งเดียวกัน – นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของเขาหลังจากรอดในพระคริสต์ – แน่นอนเชื่อในพระคริสต์ และแล้วฉันก็ร้องไห้และพูดว่า 'แต่พระเยซูจะรับคนบาปหนาอย่างฉันจริงๆหรือ?' และฉันก็ได้ยินพระองค์ตรัสว่า 'ผู้ที่มาหาเราจะไม่ถูกทอดทิ้ง จากนั้นพระองค์ก็ตรัสว่า 'พระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาป' 'พระองค์ทรงรักเราและชำระบาปของเราโดยพระโลหิตของพระองค์' หลังจากนั้นฉันก็มารู้ว่าฉันต้องการความชอบธรรมของพระองค์ รับการให้อภัยความผิดบาป ฉันจะต้องมองไปที่พระโลหิตของพระองค์ พระองค์หลั่งโลหิตบนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปของฉัน ฉันมาที่พระเยซู ตาของฉันก็นองด้วยน้ำและใจของฉันก็เต็มไปด้วยความรักของพระเยซูคริสต์ สำหรับคนของพระองค์และทางของพระองค์

คริสเตียนบอกว่า “แล้วอะไรล่ะที่มีอิทธิพลให้กับคุณ?”

ความหวังกล่าวว่า "ทำให้ฉันเห็นว่าทุกคนในโลกล้วนเป็นคนบาปและถูกประณาม ทำให้ฉันเห็นว่าพระเจ้าพระบิดาทรงยุติธรรมต่อคนบาป เวลาคนนั้นมาที่พระเยซูพระบุตรของพระองค์ ทำให้ฉันละอายใจถึงของความโง่เขลาของตัวเองที่ก่อนหน้านั้นปฏิเสธและไม่เคยคิดที่จะรักพระเยซูคริสต์ ทำให้ฉันรักชีวิตที่บริสุทธิ์และทำอะไรบางอย่างที่ถวายเกียรติแด่พระเยซู ใช่ฉันคิดว่าถ้าหากฉันมีเลือดพันแกลลอนอยู่ในร่างกายของฉันฉันจะถวายให้แด่พระเยซูเจ้า" (Simplified by Dr. Hymers, from The Pilgrim’s Progress in Modern English, updated by L. Edward Hazelbaker, Bridge-Logos Publishers, 1998, pp. 180-186)

เพื่อน ๆ ที่รัก คำพูดของจอห์นบันยันเหล่านั้นทำให้คนนับพันได้รับพระพร จนกว่าสิ่งสกปรกและสิ่งปฏิกูลของ "การตัดสินใจนิยม หรือ decisionism" เปลี่ยนไปเป็นความรอด เป็นสิ่งที่เกือบจะเหมือนมายากล ผมจะอธิษฐานอย่างไรให้กับคุณเพื่อที่จะอ่านคำเหล่านั้น และเชื่อว่ามีบาปและมาที่พระเยซูโดยความเชื่อ

นี่คือทางที่แท้จริง นี่คือทางที่ถูกต้อง นี่คือทางของพระเยซูคริสต์ นี่คือทางแห่งความรอด นี่คือทางที่นายกริฟฟิได้รับความรอด นี่คือทางที่ ดร. คาเกน และดร. ชาน ได้รับความรอด และนี่คือทางที่คนทุกคนได้รับความรอด และนี่คือทางมราคุณต้องรอด

“เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย” (มัทธิว 7:14)

พระบิดา ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้คนมาอ่านบทเทศนานี้ และข้าพระองค์อธิษฐานขอให้พระองค์นำคนมาที่พระบุตรพระเยซู ผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปของพวกเขาและเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อประทานให้เรามีชีวิต ในพระนามของพระองค์ อาเมน

หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่าน – www.realconversion.com (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ท่าน อาเบล พรูดโฮมมี: 2 เปโตร 2:15-22
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“Rock of Ages” (by Augustus M. Toplady, 1740-1778).