Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ตัวของพระเยซูคริสต์เอง

JESUS CHRIST HIMSELF
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 12 เดือนเมษายน ค.ศ. 2015 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, April 12, 2015


วันนี้เป็นวันที่ดีสุดสำหรับเอลลีนาภรรยาของผมและผม เพราะเราทั้งสองได้ฉลองวันเกิดของเราในวันนี้ วันนี้คือวันที่ 12 เดือนเมษายนและเป็นวันครบรอบ 74 ปีของผม และวันนี้ก็ยังเป็นวันครบรอบ 57 แห่งการทำพันธกิจของผมนับตั้งแต่ปี 1958 แต่ยิ่งกว่านั้นคือวันเป็นวันที่พิเศษสำหรับคริสตจักรของเรา ผมก่อตั้งคริสตจักรแห่งนี้สี่สิบปีที่ผ่านมา ตอนนั้นมีเพียงคนหนุ่มสาวหกถึงเจ็ดคน และเราอาศัยอพาร์ทเม้นของผมเป็นการนมัสการพระเจ้าซึ่งอยู่ในเวสต์วู้และวิสไช ถนนโบลีวาร์ด และห่างเพียงไม่กี่ช่วงตึกจาก มหาวิทยาลัย UCLA ที่ดีในเวสต์ ลอสแอนเจลิส ตอนนี้เหลือเพียงแค่สองคนที่ยังคงมาคริสตจักรแห่งนี้ นั่นคือนายจอห์น คุก และตัวผมเอง โดยพระคุณของพระเจ้า จอห์นและผมยังคงอยู่ที่นี่ในเช้านี้ – หลังสี่สิบปีต่อมา ขอพระเยซูคริสต์ได้รับพระเกียรติ

โบสถ์แห่งนี้ได้ผ่านมาสี่สิบปีของการทดลอง ในฐานะที่เป็นคนอิสราเอลใช้เวลาสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดารเพื่อให้โบสถ์แห่งนี้ได้ผ่านความยากลำบากหลายหลายปัญหาและความทุกข์ยากมาก ฉันจะบอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับว่าในคืนนี้ แต่ที่นี่เราจะเป็นพระธรรมเทศนาของพระเยซูคริสตจักรที่ดีในใจกลางของเทศบาลเมือง Los Angeles และเรารู้ว่าผ่านทุกความยากลำบากของเราพระเจ้าได้รับกับเราและได้ให้เราชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองในวันนี้ในวันครบรอบสี่สิบของคริสตจักรของเรา! อาจพระเยซูคริสต์ได้รับการยกย่อง!

อาจารย์ โรเจอ ร์ฮอฟแมน เทศนาในคืนอธิษฐานที่ผ่านมา ท่านจะเทศนาอีกครั้งในคืนนี้ เพราะเราจะมีการฉลองครบรอบปีงานแต่งของเรา จริงๆแล้วผมขอร้องอาจารย์ ฮอฟแมน เทศนาในเช้านี้ แต่ท่านก็ปฏิเสธ โดยกล่าวว่า "ดร. ไฮเมอร์ส ผมอยากฟังคุณเทศนาในเช้าวันอาทิตย์" จากนั้นในขณะที่ผทกำลังอธิษฐานว่าจะเทศนาในหัวข้ออะไร ผมจึงจำได้บทเทนาหนึ่งที่เคยเทศน์ในคริสตจักรแบ๊บติสในเดือนสิงหาคม ปี 2010 โปรดเปิดพระคัมภีร์ของคุณไปกับผมที่พระธรรมเอเฟซัสบทที่สอง ซึ่งอยู่ในหน้า 1251 ในพระคัมภีร์ฉบับ Scofield กรุณายืนขึ้นในขณะที่ผมอ่านพระธรรมเอเฟซัส 2:19, 20

“เหตุฉะนั้นบัดนี้ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับวิสุทธิชนและเป็นครอบครัวของพระเจ้า ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้นบนราก แห่งพวกอัครสาวกและพวกศาสดาพยากรณ์ พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นศิลามุมเอก” (เอเฟซัส 2:19, 20)

พวกคุณนั่งลงได้

อัครสาวกเปาโลบอกเราจากพระธรรมข้อเหล่านี้ว่าคริสตจักรเป็นครอบครัวของพระเจ้า จากนั้นพระองค์ทรงตรัสให้เราว่าคริสตจักรที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของอัครสาวกและผู้พยากรณ์ แต่พระเยซูคริสต์เป็น "ศิลามุมเอก" ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่านี่หมายถึง "ว่าพระเยซูคริสต์เป็นศิลาที่คริสตจักรถูกสร้างขึ้น" (Thru the Bible, Volume V, Thomas Nelson, p. 241; note on Ephesians 2:20) ดร. เอ ที โรเบิร์ตสัน กล่าวว่า “akrogōniais...เป็นศิลามุมเอก” (Word Pictures, Broadman, 1931; note on Ephesians 2:20) พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นรากฐานของการทำงานของเรา และชีวิตของเรา "พระเยซูคริสต์เอง" ทรงเป็นรากฐานของคริสตจักรของเรา ผมยกคำเหล่านั้นจากเอเฟซัส 2:20 มาเป็นเนื้อหาของการเทศนาในเช้านี้

“ตัวของพระเยซูเอง” (เอเฟซัส 2:20)

พระเยซูคริสต์เองทรงเนื้อหาสำคัญของการเทศนาในครั้งนี้ ความเชื่อของคริสเตียนจะไร้ค่าเลยหากไม่มีพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง เพราะไม่มีใครอีกแล้วที่เป็นเหมือนอย่างพระเยซูคริสต์ พระองค์เองทรงเป็นเอกลักษณ์ของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ พระเยซูคริสต์เองเป็นทั้งมนุษย์และพระเจ้า พระเยซูคริสต์เองเสด็จมาจากสวรรค์และอาศัยอยู่ในหมู่มนุษย์ พระเยซูคริสต์ตัวเองทรงทนทุกข์ และสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา พระเยซูคริสต์เองเป็นมนุษย์และพระเจ้า พระกายของพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จกลับสู่สวรรค์ประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้า และทรงอธิษฐานเผื่อเรา และพระเยซูคริสต์เองจะเสด็จมาในโลกสำหรับพันปี นั่นคือพระเยซูคริสต์เอง! โปรดยืนและร้องเพลงท่อนรับ!

ให้ฉันเห็นพระเยซูเท่านั้น
   พระเยซูเท่านั้นที่สามารถช่วยกู้ฉัน
แล้วฉันจะร้องเพลงสรรเสริญตลอดไป
   พระเยซู! พระเยซูเท่านั้น!
(“Jesus Only, Let Me See” by Dr. Oswald J. Smith, 1889-1986).

พวกท่านนั่งลงได้

การจะกล่าวถึงพระเยซูนั้นเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากๆ กว้าใหญ่และสำคัญเกินกว่าที่เราจะสามารถอธิบายในแค่บทเทศนาเดียว เช้านี้เราเลยแค่นำเพียงบางส่วนมากล่าวเท่านั้น

I. ประการแรก ตัวของพระเยซูเองถูกปฏิเสธโดยมนุษยชาติ

ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3)

ดร. ทอร์รีย์ กล่าวว่า "ความล้มเหลวในการ [มี] ความเชื่อในพระเยซูคริสต์นั้นไม่ใช่ว่าโชคร้าย แต่นั่นเป็นเพราะบาป เช่นบาปหนา บาปที่น่ากลัว และบาปที่ถูกสาปแช่ง" (R. A. Torrey, D.D., How to Work for Christ, Fleming H. Revell Company, n.d., p. 431) ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์อธิบายว่าความบาปคือการดูถูกเหยียดหยามและปฏิเสธพระคริสต์ ความชั่วช้าที่อยู่ภายในนั้นทำให้มนุษย์ซ่อนหน้าของพวกเขาจากพระคริสต์ หลักฐานชี้นสำคัญที่แสดงถึงสิ่งเลวร้ายที่สุดของมนุษย์คือการที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์น้อยมาก และหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกถึงพวกที่หลีกหนีจากพระองค์ คือว่าจะถูกลงโทษในบึงไฟไปชั่วนิรันดร์

คนที่ไม่กลับใจใหม่ดูหมิ่นพระเยซูคริสต์ ทุกคำพูดของพวกเขามีแต่สิ่งเลวร้าย พวกเขาไม่นับถือพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง จนกว่าจิตใต้สำนึกคุณจะรับรู้ จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าเป็นคนบาป จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าใจของคุณตายต่อพระเจ้า ถึงกระนั้นก็ตามคุณจะยังคงดูถูกและปฏิเสธพระเยซูคริสต์ต่อไป

ในคริสตจักรของเรา เราเห็นเกิดขึ้นอย่างนั้นในห้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากการนมัสการ เราได้ยินผู้คนบอกหลายสิ่งหลายอย่าง พวกเขาพูดถึงข้อพระคัมภีร์ พวกเขาพูดถึง "การรับรู้" สิ่งนี้หรือสิ่งนั้น พวกเขาบอกเราเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขารู้สึกและทำ พวกเขามักจะจบด้วยการพูดว่า "แล้วฉันก็มาที่พระเยซู" นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาทำ! นอกจากนี้พวกเขาไม่มีอะไรพูดถึงพระเยซูอีก! พวกเขาไม่มีอะไรที่พูดถึงพระเยซูคริสต์อีกเลย! แล้วพวกเขาจะรอดได้อย่างไรกัน?

สเปอร์เจียน กล่าวว่า "มเป็นความหายนะของมนุษย์ ถ้าหากเอาพระคริสต์ออกจากพระกิตติคุณ" (C. H. Spurgeon, Around the Wicket Gate, Pilgrim Publications, 1992 reprint, p. 24)

เพียงแค่รู้ถึงแผนการแห่งความรอดไม่สามารถช่วยให้คุณรอดได้! เรียนรู้พระคัมภีร์มากเพีบยงเดียวก็ไม่สามารถช่วยให้คุณรอดได้! การได้ยินคำเทศนาเท่านั้นก็ไม่สามารถช่วยให้คุณรอดได้! การรู้สึกเสียใจในความผิดบาปของคุณก็ไม่อาจช่วยให้คุณรอด! ยูดาสก็ทำอย่างนั้นมิใช่หรือ? การถวายชีวิตของคุณก็ไม่สามารถช่วยให้คุณรอด! น้ำตาของคุณก็ไม่สามารถช่วยให้คุณรอด! ไม่มีอะไรที่สามารถช่วยให้คุณรอดจนกว่าคุณจะหยุดการเหยียดหยามและการปฏิเสธพระเยซูคริสต์ – จนกว่าคุณจะหยุดซ่อนหน้าจากพระองค์ – จนกว่าคุณจะมาที่พระเยซูคริสต์เอง! ร้องเพลงนี้อีกครั้ง!

ให้ฉันเห็นพระเยซูเท่านั้น
   พระเยซูเท่านั้นที่สามารถช่วยกู้ฉัน
แล้วฉันจะร้องเพลงสรรเสริญตลอดไป
   พระเยซู! พระเยซูเท่านั้น!

พวกคุณนั่งลงได้

II. ประการที่สอง พระเยซูคือจุดศูนย์กลางของพระคัมภีร์ทั้งหมด

มันไม่มีเหตุผลอย่างนั้นเหรอที่เราจะบอกคุณว่าพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางในความคิดของคุณ? ไม่ มันไม่ใช่เหตุผล ทำไม ลองคิดดู พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นจุดศุนย์กลางของพระคัมภีร์ทั้งหมด - จากปฐมกาลถึงวิวรณ์! หลังจากที่พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ก็ได้พบกับสาวกสองคนในขณะกำลังเดินไปที่เอมมาอูส สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสให้คนสองคนนั้นจะประยุกต์อย่างไรกับปัจจุบันนี้

“พระองค์ตรัสแก่สองคนนั้นว่า โอ คนเขลา และมีใจเฉื่อยในการเชื่อบรรดาคำซึ่งพวกศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวไว้นั้น จำเป็นซึ่งพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนั้น แล้วเข้าในสง่าราศีของพระองค์มิใช่หรือ พระองค์จึงทรงเริ่มอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาศาสดาพยากรณ์ (ลูกา 24:25-27)

จากหนังสือห้าเล่มของโมเสส และตลอดพระคัมภีร์ทั้งหมด พระคริสต์ทรงอธิบายให้กับพวกเขาว่า "พระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาศาสดาพยากรณ์" ยังมีอะไรที่จะพูดให้ชัดมากไปกว่านี้อีกมั้ย? พระเยซูคริสต์เองคือหัวใจสำคัญที่กล่าวในพระคัมภีร์! ตั้งแต่ที่พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นหลักของพระคัมภีร์ ยังไม่ดีอีหหรือที่ความคิดของคุณไม่มีพระเยซูเป็นหลัก และในชีวิตของคุณ? ในเช้าวันนี้ผมขอบอกคุณให้คิดลึกๆเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์เอง! ร้องเพลงนี้อีกครั้ง!

ให้ฉันเห็นพระเยซูเท่านั้น
   พระเยซูเท่านั้นที่สามารถช่วยกู้ฉัน
แล้วฉันจะร้องเพลงสรรเสริญตลอดไป
   พระเยซู! พระเยซูเท่านั้น!

ผมเชื่อว่าการรู้จักกับพระเยซูคริสต์เองโดยการกลับใจใหม่นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ ถ้าคุณไว้วางใจพระเยซูคริสต์เองอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นที่คุณต้องพึ่งการให้คำปรึกษาให้มาก ผมเชื่อว่าความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์นั้นสามารถครอบคลุมประมาณ 90% ของการให้คำปรึกษาของคริสเตียน! ตอนที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งรู้จักกับพระคริสต์และมีการกลับใจใหม่อย่างแท้จริง เขาจะได้พบกับพระคริสต์

“...ในพระเยซูคริสต์ เพราะพระเจ้าทรงตั้ง [พระองค์] ให้เป็นปัญญา ความชอบธรรม การแยกตั้งไว้ และการไถ่โทษ สำหรับเราทั้งหลาย” (1 โครินธ์1:30)

ถ้าเราสามารถกำจัดความเชื่อของ "decisionism" ออกไปจากคริสตจักรของเรา และถ้าเราแน่ใจว่าผู้คนกลับใจใหม่แล้วอย่างแท้จริง แค่นี้ก็สามารถครอบคลุมการให้คำปรึกษาไปแล้ว 90% อย่างที่เราทำกันในคริสตจักรในทุกวันนี้! ขอให้พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นที่ปรึกษาของคุณ! ร้องเพลงนี้!

ให้ฉันเห็นพระเยซูเท่านั้น
   พระเยซูเท่านั้นที่สามารถช่วยกู้ฉัน
แล้วฉันจะร้องเพลงสรรเสริญตลอดไป
   พระเยซู! พระเยซูเท่านั้น!

III. ประการที่สาม พระเยซูคริสต์คือหัวใจสำคัญ จุกศูนย์กลางหลักในพระกิตติคุณทั้งหมด

ผู้เผยพระอิสยาห์เองก็กล่าวว่าพระยูทรงเป็นหัวใจหลักในพระกิตติคุณ

“เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตนเอง และพระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน” (อิสยาห์ 53:6)

“พระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน” นั่นคือพระเยซูคริสต์ผู้สิ้นพระขนม์แทนเรา ชดใช้ค่าบาปของเราและทนทุกข์ต่อพระพิโรธของพระเจ้าแทนเรา – นั่นคือหัวใจของพระกิตติคุณ! นั่นคือพระเยซูคริสต์เองแบกบาปของเราไว้ในพระองค์ท่ามกลางความมืดในสวนเกทเสมเน พระเยซูคริสต์ผู้อยู่ในสวนนั้นตรัสว่า

“ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด” (มาระโก 14:34)

พระเยซูเองทรงเป็น

“เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนัก... พระเสโท...เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44)

พระเยซูคริสต์เองที่ถูกจับในสวนเกทเสมเน พระเยซูคริสต์เองที่ถูกนำไปที่ศาลสูงสุด และถูกตบหน้าถูกล้อเลียนและรับความอับอาย พวกเขาถ่มน้ำลายรดใส่หน้าพระเยซูคริสต์! พวกเขาดึงหนวดของพระเยซูคริสต์เอง พระเยซูคริสต์นี้เองถูกจับนำมาต่อหน้าปีลาต และถูกพวกโรมันเฆี่ยนหลังและสวมมงกุฏหนาม จนโลหิตหลั่งลงมาเมพระพักต์พระองค์

“หน้าตาของท่าน…ก็เสียโฉมมากกว่าบุตรทั้งหลายของมนุษย์คนใด” (อิสยาห์ 52:14) “ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี” (อิสยาห์ 53:5)

พระเยซูคริสต์เองที่ถูกนำออกมาจากศาลของปีลาต เพื่อนำไปตรึงที่กางเขน และพระเยซูคริสต์นี้เองที่ถูกตอกด้วยตะปูที่ต้นไม้นั้น พระเยซูคริสต์ตัวเองทรงทนทุกข์เจ็บปวดจากการถูกตะปตอกที่มือและขาเท่านั้น - แต่ความเจ็บปวดที่มากไปกว่านั้นคือตอนพระเจ้า "ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน" (อิสยาห์ 53: 6) พระเยซูคริสต์เอง "ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้น" (1 เปโตร 2:24) ดร. วัต กล่าวว่า

ดูที่ศีรษะมือและเท้าของพระองค์
   ความเศร้าโศกและความรักไหลปะปนลงมา
ความรักตอบสนองความเศร้าโศก
   หรือมงกุฏนั้นเต็มไปด้วยหนาม?
(“When I Survey the Wondrous Cross” by Isaac Watts, D.D., 1674-1748)

กรุณายืนขึ้น! ร้องท่อนรับของเพลงนี้!

ให้ฉันเห็นพระเยซูเท่านั้น
   พระเยซูเท่านั้นที่สามารถช่วยกู้ฉัน
แล้วฉันจะร้องเพลงสรรเสริญตลอดไป
   พระเยซู! พระเยซูเท่านั้น!

พวกคุณนั่งลงได้

IV. ประการที่สี่ พระคริสต์เท่านั้ที่เป็นบ่อเกิดแห่งสันติสุข

พวกเขาเอาพระศพของพระเยซูลงมาจากกางเขนและนำเก็บไว้ในหลุมฝังศพ แต่ในวันที่สาม พระกายของพระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย! จากนั้นพระองค์ก็เสด็จมาหาพวกสาวกและตรัสว่า "สันติสุขจงมีแก่ท่าน" (ยอห์น 20:19)

“ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาก็มีความยินดี” (ยอห์น 20:20)

“พวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาก็มีความยินดี” (ยอห็น 20:20) พระเยซูคริสต์เองที่มอบสันติสุขให้กับ "ตอนพวกเขาเห็นพระเจ้า" คุณไม่สามารถรับสันติสุขของพระเจ้า จนกว่าคุณจะรู้จักกับตัวของพระเยซูคริสต์เอง!

ในเช้าวันนี้ผมอยากบอกคุณว่า - ผมจำได้ในช่วงเวลาที่ผมมาเชื่อพระเยซูคริสต์เอง! เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก! ผมรีบวางใจในพระองค์! หรือดูเหมือนว่าพระองค์รีบวิ่งมาที่ผม บาปของผมถูกชำระล้างโดยพระโลหิตอันมีค่าของพระองค์! ผมถูกทำให้มีชีวิตอยู่โดยพระบุตรของพระเจ้า! ร้องเพลงนี้อีกคั้ง!

ให้ฉันเห็นพระเยซูเท่านั้น
   พระเยซูเท่านั้นที่สามารถช่วยกู้ฉัน
แล้วฉันจะร้องเพลงสรรเสริญตลอดไป
   พระเยซู! พระเยซูเท่านั้น!

พวกคุณนั่งลงได้

จงมาที่พระเยซูคริสต์เอง! อย่าทิ้งพระผู้ช่วยให้รอดออกจากชีวิตของคุณ อย่าพระองค์ออกจากคำพยานของคุณ อย่ากระทำสิ่งที่สเปอร์เจียนกล่าวว่า "จะพบกับความหายนะ ... ถ้าเอาพระคริสต์ออกจากจากพระกิตติคุณ" ไม่! ไม่! จงมาที่พระเยซูคริสต์ตอนนี้ จงฟังเพลงที่ผมจะร้องนี้ให้ดีๆ

หากไม่มีพระองค์ข้าฯก็ไม่มีอะไรเหลืออีก
   แต่พระโลหิตของพระองค์ทรงชำระข้าฯ
แต่ในวันที่พระองค์ทรงเรียหข้าฯมา
   มา มาที่พระเมษโดกของพระเจ้า!
(“Just As I Am” by Charlotte Elliott, 1789-1871).

พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปของคุณ พระเยซูทรงหลั่งโลหิตอันประเสริฐเพื่อชำระคุณจากบาปทั้งหมด มาที่พระเยซู วางใจพระองค์และพระองค์จะช่วยให้คุณรอดจากบาปทั้งหมด อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: อิสยาห์ 53:1-6.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
"When Morning Gilds the Skies" (translated from the German by Edward Caswall, 1814-1878)


โครงร่างของ

ตัวของพระเยซูคริสต์เอง

JESUS CHRIST HIMSELF

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“ตัวของพระเยซูเอง” (เอเฟซัส 2:20).

I.   ประการแรก ตัวของพระเยซูเองถูกปฏิเสธโดยมนุษยชาติ อิสยาห์ 53:3.

II.  ประการที่สอง พระเยซูคือจุดศูนย์กลางของพระคัมภีร์ทั้งหมด ลูกา 24:25-27;
I โครินธ์ 1:30.

III. ประการที่สาม พระเยซูคริสต์คือหัวใจสำคัญ จุกศูนย์กลางหลักในพระกิตติคุณทั้งหมด อิสยาห์ 53:6; มาระโก 14:34; ลูกา 22:44; อิสยาห์ 52:14; 53:5;
I เปโตร 2:24.

IV. ประการที่สี่ พระคริสต์เท่านั้ที่เป็นบ่อเกิดแห่งสันติสุข ยอห์น 20:19, 20.