Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




โนอาห์มีจริงการพิพากษาก็มีจริง!

THE REAL NOAH AND THE REAL JUDGMENT!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 27 เดือนเมษายน ค.ศ. 2014 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, April 27, 2014


ตั้งแต่ที่ผมกลับใจใหม่ ผมจึงมั่นใจว่าโนอาห์และน้ำท่วมมีจริง แต่ในช่วงวัยด็กนั้นผมถูกสอนให้เชื่อตามหลักคำสอนวิวัฒนาการของดาร์วิน ผมป่วยหนักตอนที่พวกเราไปที่เมืองแอริโซนาในปี 1949 ผมต้องนอนอยู่บนเตียงมีอาการไอและโรคอื่น ๆ อาจเป็นเพราะอากาศและหมอกควันในเมือง ลอสแอนเจลิส ผมต้องนอนอยู่บนเตียงและทำอะไรไม่ได้เลย ช่วงปี 1940 เราไม่มีทีวีดู แม่ของผมจึงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง อ่านหนังสือให้ผมฟัง หัวข้อหนึ่งที่แม่ชอบนำมาอ่านให้ผมฟังคือเรื่องการวิวัฒนาการ แม่อ่านเกี่ยวกับการเดินทางของดาร์วินไปยังหมู่เกาะกาลาปากอสและบางส่วนที่เป็นคำสอนของดาร์วิน "แหล่งที่มาของมนุษย์"

เมื่อผมรู้มากขึ้น ผมจึงขอร้องแม่ให้พาผมไปที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในสวนนิทรรศการที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (USC) - ใกล้ตัวเมือง ลอสแอนเจลิส

ตอนที่ผมเดินผ่านการแสดงนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ ยิ่งทำให้ผมเชื่อเรื่องทฤษฎีการวิวัฒนาการ ทำให้ผมเชื่ออย่างหมดใจ ต่อมาผมได้ยินนักเทศน์คนหนึ่งบอกว่าทฤษฏีวิวัฒนาการเป็นคำสอนที่หลอกลวง ผมคิดว่านักเทศน์คนโง่ นอกจากนี้ต่อมาวันที่ 28 กันยายน 1961 ผมได้ยินนักเทศน์อีกคนหนึ่งที่มหาวิทยาลัย ไอโอลา เทศน์จากพระธรรม 2 เปโตรบทที่สอง เขาอ่านข้อที่สามดังนี้ "การลงโทษคนเหล่านั้นที่ได้ถูกพิพากษานานมาแล้วจะไม่เนินช้า และความหายนะของเขาก็จะไม่หลับใหลไป" เขาบอกว่า “เต็มใจที่จะละเลย" เรื่องการสร้างมนุษย์และน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำลายมนุษย์ในสมัยของโนอาห์เกือบทั้งหมด

ทันใดนั้นทำให้ตาของผมสว่างและรู้ถึงความจริง! ในเวลานั้นผมรู้ทันทีและไม่สงสัยอะไรเลย ผมหลงไปเชื่อคำสอนที่โกหก! พระเจ้าทำให้พวกที่เชื่อเรื่องการวิวัฒนาการตาบอด ตอนที่แม่ของผมกลับใจใหม่นั้น ประสบการณ์ของแม่ก็เป็นแบบเดียวกัน แม่กล่าวว่า "โรเบิร์ต แม่ไม่ทราบว่าทำไมเราถึงไปเชื่อคำสอนที่บ้านั้น" อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า "เพราะเหตุนี้พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาครอบงำเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ" (2 เธสะโลนิเก 2: 11) ตอนที่ผมกลับใจใหม่ ผมก็รู้ว่าทฤษฎีแห่งการวิวัฒนาการของดาร์วินปฏิเสธเรื่องน้ำท่วมใหญ่ไม่ต่างอะไรไปกับวิทยาศาสตร์ที่บอกว่านี่เป็นเพียงแค่นิยาย จากนั้นผมจึงเห็นว่างานเขียนของดาร์วินและไลล์และฮักซ์ลีย์ไม่มีมูลความจริงเป็นเพียงแค่นิยายในทางวิทยาศาสตร์ของจูลส์เวิร์น, เฮช จี เวลส์ หรือ ไอแซค อาซิมอฟ ตัวของดาร์วินไม่มีความรู้ใดๆในทางวิทยาศาสตร์เลย! แต่ทุกวันนี้ผู้คนก็ยังคงกราบไหว้เขาว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งคนหนึ่ง! ตั้งแต่ที่ผมกลับใจในปี 1961 ผมเชื่อตามพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการสร้างมนุษย์และประวัติศาสตร์ของน้ำท่วมในสมัยของโนอาห์

ตอนที่ผมรู้ว่าฮอลลีวู้ดได้เปิดตัวภาพยนตร์ใหม่ เกี่ยวกับโนอาห์และน้ำท่วม ผมก็ไปดูหนังเรื่องนี้ ความจริงผมไม่ชอบดูภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดสักเท่าไหร่ เพราะหนังเหล่านั้นสยดสยองซาดิสต์ และผิดเพี้ยง อย่าให้ใครต้องไปเสียเวลาไปดูหนังเรื่องนี้ แต่ผมรู้สึกว่าผมต้องไปดูภาพยนตร์เรื่องโนอาห์นี้ เพื่อดูว่าหนังเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาในพระคัมภีร์มากน้อยเพียงใดเพราะซาตาน

ตามที่ แอรอน ไคลน์ผู้จัดการ บริษัติ เวอล์ เนท ไดอารี่ ผู้ผลิตภาพยนต์เรื่อง "โนอาห์" ตามหนังเรื่องนี้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสร้างตามทฤษฏีวิวัฒนาการของดาร์วิน นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงถึงเวทมนตร์สีดำและความลึกลับ ดังนั้นเมทูเซลา จึงแสดงบทพ่อมด และโนอาห์เป็นภาพของคนบ้าที่ต้องการทำลายเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ดร. เคนแฮมกล่าวว่าเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึง "สิ่งแวดล้อม – การกู้สัตว์ต่างนั้นสำคัญมากกว่าการช่วยกู้มนุษย์" ดร. โรเบิร์ต เอลล์ ซันเมอร์ กล่าวว่า "ถ้าคุณต้องการที่จะเรียนรู้เรื่องของโนอาห์ คุณจะค้นพบได้ที่ไหน? ทำไม แนนอน ค้นพบในพระวจนะของพระเจ้า - และพระราชกิจของพระองค์ – จะอธิบายรายละเอียดบางอย่างซึ่งครอบคลุมเนื้อหาเกือบทั้งหมดในบทที่หนึ่งถึงบทที่เก้าในพระธรรมปฐมกาล เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ... เรื่องราวที่แสดดงถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า อธิบายถึงพระเจ้าผู้ทรงเกลียดชังบาปและส่งการพิพากษาลงมาสู่คนบาปของผู้ที่ปฏิเสธพระคุณของพระองค์ " (Dr. Robert L. Sumner, The Biblical Evangelist, May-July 2014, p. 8)

สักครู่ที่ผ่านมานี้ ท่านพรูดโฮมมีอ่านปฐมกาลบทที่หนึ่งทั้งหมด 14 ข้อด้วยกัน ส่วนในบทที่หกเกี่ยวกับโนอาห์และน้ำท่วม ตอนนี้ให้เปิดพระคัมภีร์ของคุณไปกับไปที่พระธรรมฮีบรูบทที่ 11 ข้อ 7 กรุณายืนขึ้น แล้วผมจะอ่าน

“โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้รอด และด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ปรับโทษแก่โลก และได้เป็นผู้รับมรดกแห่งความชอบธรรม ซึ่งบังเกิดมาจากความเชื่อ” (ฮีบรู 11:7)

พวกคุณนั่งลงได้ มีอยู่สามอย่างจากพระธรรมข้อนี้ที่ผมจะนำมากล่าว

I. ประการแรก ความเชื่อของโนอาห์

พระธรรมข้อนี้กล่าวว่า “โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา…” (ฮีบรู 11:7)

พระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเรื่องของน้ำท่วมนี้หรือไม่? ตามพระธรรมกิจการ 6:13 บอกเราชัดเจนว่า

“เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ...”

ผมเชื่อว่าโนอาห์ต้องคิดว่าการพิพากษาอาจจะมาแบบหลายอย่าง แบบแรก ปู่ของโนอาห์คือเอโนคได้ประกาศเกี่ยวกับการพิพากษาที่กำลังจะมา เอโนคเทศน์ว่าพระเจ้าจะ "พิพากษาทุกคน" (ข้อ 15) ถ้าเรามองย้อนกลับไปจะเห็นการทำนายของเอโนคคือการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ แต่ความเข้าใจของโนอาห์คือจะเกิดในยุคของเขา ตามที่เขาเห็นคือการพิพากษาโดยให้น้ำท่วม โนอาห์รู้เรื่องนี้จากการได้จากการได้ยินจากการสอนของเอโนคว่าพระเจ้าจะพิพากษามนุษย์ แบบที่สอง ปู่ของโนอาห์ที่ชื่อเอโนคได้ตั้งชื่อลูกชายของเขาชื่อ เมธูเสลาห์ อาร์เธอร์ ดับบลิว พิงก์ กล่าวว่าชื่อของเมธูเสลาห์หมายถึง "เมื่อเขาตายไปแล้ว วิ่งนั้นจะถูกส่งออกไป" (Gleanings in Genesis) ผู้ที่แปลชื่อของ เมธูเสมาห์ นี้คือ โทมัส นิวเบอร์รี (1811-1901) in his Interlinear Englishman’s Bible (1883, Hodder and Stoughton) นิวเบอร์รีชื่นชอบนักวิชาการที่ชื่อ เฮฟ เฮฟ บรูซ นิวเบอร์รีแปลตามฉบับของของซามูเอล โบคชาต (1599-1667) และของเฮนรี่ อินสเวร์ทฮ์ (1571-1622) ที่ชื่อ Annotations on the Pentateuch. ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ (1904-1988) กล่าวว่า "เมธูเสนาห์ หมาย ‘เมื่อเขาตายไปแล้วก็สิ่งนั้นจะถูกส่งไป จะส่งอะไรไป? น้ำท่วม ... ปีที่ เมธูเสนาห์ เสียชีวิตเป็นปีที่น้ำท่วมโลก 'เมื่อเขาตายไปแล้วสิ่งนั้นก็จะถูกส่งไป' - นั่นคือความหมายของชื่อของเขา " (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, Volume I, Thomas Nelson Publishers, 1981, p. 34)

ดังนั้นโนอาห์เคยได้ยินเกี่ยวกับการพิพากษาของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึงจากการเทศนาของเอโนค - และเขารู้ว่าชื่อของเมธูเสลาห์หมายความว่าการพิพากษาจะมาเร็ว ๆ นี้ หลังจากเสียชีวิตของเมธเสลาห์และก็น้ำก็ท่วมในปีเดียวกันนี้

ความเชื่อของโนอาห์เกิดจากการได้ยินคำเทศนาของบรรพบุรุษ การเทศนาคือหลักสำคัญที่พระเจ้าตรัสให้กับเราในทุกวันนี้ อัครทูตเปาโลกล่าวว่า

“เชื่อเพราะได้ยิน” (โรม 10:17) และ “และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินอย่างไรได้?” (โรม 10:14)

จากนั้นโนอาห์ก็เห็นบาปที่น่าสยดสยองในยุคของเขา พระคัมภีร์กล่าวว่า

“และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเค้าความคิดทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป” (ปฐมกาล 6:5)

“และพระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า “ต่อหน้าเราบรรดาเนื้อหนังก็มาถึงวาระสุดท้ายแล้ว เพราะว่าแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความอำมหิตเนื่องจากพวกเขา และดูเถิด เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก” (ปฐมกาล 6:13)

อีกทางหนึ่งก็คือพระเจ้าเป็นผู้ทำให้โนอาห์เชื่อ ตามปฐมกาล 6:3 บอกเราเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พูดถึงพระวิญญาณของพระเจ้าทรงทำงานในหมู่ผู้คน ไม่ว่าจะหมยความว่าอย่างไรก็ตามที่สำคุญคือบอกเราว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานในวันนั้น พระเจ้าตรัสผ่านคำเทศนาของเอโนคและ เมธูเสลาห์ พระเจ้าทรงใช้โนอาห์ให้สังเกตบาปของมนุษย์ แล้วพระองค์ก็ส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปตรัสในใจของโนอาห์และทำให้เขาเข้าใจ

กลับไปในปี 1965 ผมบังเอิญได้ฟังเพลงที่ร้องโดยแบร์รี่ แมคไกวร์ ทางรายการวิทยุในขณะที่อยู่ในรถของผม ผมฟังเรื่องราวอันความน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามและความโหดร้ายของสงครามนิวเคลียร์และสิ่งที่น่ากลัวอื่น ๆ อีกมากมายที่ได้เกิดขึ้นผ่านแล้ว

เพื่อนของฉัน คุณบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก
คุณเชื่อหรือไม่เราอยู่ในวันแห่งการทำลายล้าง

ผมรู้ว่านั่นมันเป็นเพลงร็อคและเราก็ไม่ควรฟังเพลงแนวร็อกแอนด์โรล แต่ผมคือคนแบ็บติสต์ใต้และในเวลานั้นก็ไม่ทราบถึงข้อต้องห้ามนี้ ผมขอร้องให้ท่านกริฟฟิร้องเพลงนี้ เพราะเนื้อทิ่มแทงใจของผมเหมือนถูกลูกศร ผมก็เคยฟังคำเทสนาของ ดร. ม.ร.ว. ดีฮาน ถึงสิ่งที่พระคัมภีร์ได้ทำนายเอาไว้ผ่านทางรายการวิทยุที่พูดถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์และการสิ้นสุดของโลก และจากนั้นผมก็ได้ยินเพลงนี้ - และเหมือนผมถูกลมพัดหายไป! ผมยังจำตอนที่ได้ยินเพลงนี้ ฉันต้องรีบขับรถเข้าขอบทางและระเบิดออกมาด้วยการร้องไห้! นี่คือเพลงที่ท่าน นายกริฟฟิ ร้อง!

โลกตะวันออกเต็มด้วย 'ความรุนแรง ระเบิด’ และลูกกระสุน’
คุณถูกสอนให้รู้มากพอที่จะฆ่าไม่ใช่รัก
คุณไม่เชื่อการทำสงคราม แต่ปืนที่คุณกำลังปืนถือ'
และแม้แต่แม่น้ำจอร์แดนก็เต็มไปด้วยศพ’
เพื่อนของฉัน คุณบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก
คุณเชื่อหรือไม่เราอยู่ในวันแห่งการทำลายล้าง

คุณเข้าใจหรือเปล่าในสิ่งที่ฉันพยายามที่จะพูด?
คุณมองเห็นความกลัวที่ฉันรู้สึกในวันนี้หรือเปล่า?
ถ้าปุ่มล่างถูกกดเมื่อไหร่ก็ไม่มีทางที่จะหลีกหนีได้
ไม่มีใครคนไหนในโลกนี้ที่จะสามารถรอดได้
จงมองรอบๆคุณ เด็กน้อย มันน่ากลัวมากเด็กน้องเอ๋ย
จะมีอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะช่วยกับทั่วโลกในหลุมฝังศพไม่มี
ลองดูรอบ ๆ ตัวคุณเด็กก็ผูกพันที่จะหลอนคุณ, เด็ก,
เพื่อนของฉัน คุณบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก
คุณเชื่อหรือไม่เราอยู่ในวันแห่งการทำลายล้าง
ใช่ฉันรู้สึกว่ามันบ้าไปแล้วดูเหมือนเลือดกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่า
ฉันนั่งอยู่ตรงนี้อย่างคนไร้เป้าหมาย
ฉันไม่สามารถพบกับความจริงและกฏระเบียบ
และดูเหมือนประเทศจะไร้ซึ่งกฏหมายต่างๆ
และเดินคนเดียวไม่สามารถนำมาบูรณาการ
เมื่อมนุษย์ไร้ซึ่งความเคารพกันและ
โลกใบนี้จึงเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
เพื่อนของฉัน คุณบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก
คุณเชื่อหรือไม่เราอยู่ในวันแห่งการทำลายล้าง

ลองคิดถึงการเกลียดกันและกันของพวกจีนแดง
แล้วดูรอบ ๆ ไปที่เซลมา อลาบามา
คุณอาจจะออกจากโลกนี้ไปเป็นเวลาสามสี่วัน
แต่เมื่อคุณกลับมามันยังเป็นที่เดิมเก่าแก่
เต็มด้วยเสียงแห่งความภาคภูมิใจตัวเองและอับอาย
คุณสามารถฝังตัวเองที่ตาย แต่ไม่อาจทิ้งร่องรอย
แห่งความเกลียดชังเพื่อนบ้าน แต่อย่าลืมพระคุณ
และคุณบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อนของฉัน
คุณอาจไม่เชื่อว่าเราจะมีวันแห่งการทำลายล้างนี้
ไม่มีทางที่คุณจะหลีกหนีเพราะเราอยู่ในวันแห่งการทำลายล้าง
(“Eve of Destruction” by P. F. Sloan, 1965; sung by Barry McGuire)

“คุณอาจไม่เชื่อว่าเราจะมีวันแห่งการทำลายล้างนี้ ไม่มีทางที่คุณจะหลีกหนีเพราะเราอยู่ในวันแห่งการทำลายล้าง”

ผมคิดว่านั่นคือสิ่งเดียวกันที่โนอาห์รู้สึก เขารู้ว่าการพิพากษาและการทำลายล้างกำลังจะมาถึง - เช่นเดียวกับสิ่งที่ผมรู้ในช่วงฤดูร้อนของปี 1965 "แต่" คุณจะพูดว่า “แต่นั่นก็ผ่านมานานกว่า 49 ปีแล้ว! โลกในยุคของโนอาห์ถูกทำลายล้างเป็นเวลา 120 ปี (ปฐมกาล 6:3) เช้านี้ผมก็เชื่อว่าอย่างนั้น – และมากยิ่งขึ้น - กว่าตอนผมผยู่ในปี 1965! ตอนนั้นผมมีอายุ 24 ปี ผมต้องหยุดรถและร้องไห้! เราอยู่ในเวลาแห่งการทำลายล้าง โนอาห์ทราบดี – และผมก็ทราบ และผมก็รู้ว่าเดียวนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม! ประเทศของเรานำชายหนุ่มของเรามากมายไปตายในสงครามเวียดนาน ประธานาธิบดีนิกสันอยู่ภายใต้การถูกน้ำวน ชายหนุ่มนับหมื่นเสพยาเสพติด จมอยู่ภายใต้สื่อลามกและการทำแท้ง โลกของเรากำลังโอนเอนไปสู่ยุคที่หนุ่มสาวถูกทำลายล้างมากกว่าเท่าที่ผมเคยรู้นับตั้งแต่ปี 1965 และตอนนี้ผมรู้แล้ว

“โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้รอด และด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ปรับโทษแก่โลก และได้เป็นผู้รับมรดกแห่งความชอบธรรม ซึ่งบังเกิดมาจากความเชื่อ” (ฮีบรู 11:7)

II. ประการที่สอง คำเทศนาของโนอาห์

“โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้รอด และด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ปรับโทษแก่โลก….” (ฮีบรู 11:7)

"เขาประณามโลก" ผมได้ยินคนพูดว่า "อย่าไปคิดให้มากให้ยาก อย่าตัดสินเรา อย่ากล่าวโทษเรา "ผมแน่ใจว่าโนอาห์ก็ได้ยินคำพูดเช่นนี้เหมือกัน! แต่เขาไม่สนใจคำพูดของคนเหล่านั้น "เขาประณามโลก"! "เขาประณามโลก"! "เขาประณามโลก"! เราจำเป็นต้องได้ยินคำเทศนาเช่นนี้ – การเทศนาที่พูดถึงบาป! กลับไปในปี 1950 และ 60s บิลลี่เกรแฮมเป็นนักเทศน์ที่มีชื่อโด่งดังมากในช่วงนั้น นักเทศน์คนหนึ่งบอกผมว่า การเทศนาของเขาเปรียบเหมือน "ไฟฟ้า" ในสมัยนั้น ผมคิดว่สมัยนี้เราก็ต้องการเทศนาแบบไฟฟ้านี้เช่นกัน เรามี "ครู" สอนพระคัมภีร์มากมาย และมี “นักอรรถธิบายพระคัมภีร์อยู่มากมาย แต่โนอาห์เป็นนักเทศน์แบบไฟฟ้า! พระคัมภีร์เรียกโนอาห์ว่า "ผู้ประกาศที่ชอบธรรม" (2 เปโตร 2:5) ฟังบิลลี่ เกรแฮม เทศนาในนิวยอร์กในเมดิสันสแควร์การ์เด้นในปี 1960 ท่านเทศนาถึงวันของโนอาห์ว่ามีคนอาศัยอยู่ก่อนที่น้ำจะท่วมใหญ่

มันเป็นช่วงเวลาของการกินและการดื่ม พระเยซูตรัสว่าพวกเขากำลังกินและดื่ม พวกเขาสนใจแต่ในเรื่องวัตถุ จิตวิญญาณของพวกเขาหิวกระหายพระเจ้าน้อยมาก ความอยากของพวกเขาคือเพื่อปากและท้อง และตอบสนองความต้องการทางราคะตัญหา... เราในอเมริกาและในยุโรป ... ได้กลายเป็นพวกที่ชอบกินและชอบดื่มมากที่สุด เลี้ยงสุนัขของเราด้วยอาหารอย่างท และดีกว่าคนหลายล้านคนในส่วนอื่น ๆ ของโลก ... นั่นก็เช่นเดียวกันที่เกิดขึ้นในยุคของโนอาห์ ...
     นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดปกติ พระเยซูตรัสว่าพวกเขาแต่งงานและให้การแต่งงาน พวกเขาได้กลายเป็นพวกที่เลวทราม เสื่อมและราคะตัญหา... พระเยซูตรัสว่ามันเกิดขึ้นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์แล้วน้ำก็มาท่วม มัน [เป็น] เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์และการพิพากษาที่จะมา
     ในท่ามกลางยุคที่คดโกงและวิปลาส โนอาห์ก็ยังเชื่อในพระเจ้าและกล้าที่จะยืนหยัดอยู่คนเดียว ... โนอาห์อยู่คนเดียวและวันหนี่งพระเจ้าก็มาตรัสให้โนอาห์ว่า ‘เราจะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยการให้น้ำท่วม' ... และพระคัมภีร์กล่าวว่าโนอาห์เชื่อพระเจ้า ... พระคัมภีร์กล่าวโดยความเชื่อของโนอาห์พระเจ้าทรงเตือนเขาถึงสิ่งที่ยังไม่ปรากฏ ความเชื่อนี้ก็ขจัดความกลัว (สังเกตว่าความกลัวไหนที่ถูกขจัดออกไป) เตรียมนาวาลำหนึ่ง แล้วตอนนี้ความอะไรของเราที่ถูกขจัดออกไปด้วยพระเจ้า ในยุคของเรา [หนังสือพิมพ์] พาดหัวข่าวให้กับเรา พวกเขาเทศนาให้เราทุกวัน ... โนอาห์เทศน์และเตือนผู้คนให้ 'กลับใจใหม่ การพิพากษากำลังจะมา’ แต่พวกเขาหัวเราะและไม่เชื่อตามนั้น (Billy Graham, The Challenge: Sermons from Madison Square Garden, Doubleday and Company, Inc., 1969, pp. 162-168)

โนอาห์ "ประณามชาวโลก" คำเทศนาของเขาคือต่อต้านบาป ผมหวังว่าทุกวันนี้เราจะมีนักเทศน์มากพอที่เป็นเช่นนี้! วันหนึ่ง ดร. คาเกนบอกผมว่าถ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร บิลลี่เกรแฮมก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกาศเช่นนั้นในอเมริกาของเราในทุกวันนี้ เราได้กำลังลุ่มหลงไปกับโลกนี้ คริสตจักรของเราจะเต็มไปด้วยสมาชิกที่หลงหายไป ดร. คาเกนกล่าวว่าทุกวันนี้พวกเขาไม่อดทนที่จะฟังบิลลี่ เกรแฮม เทศนา ผมไม่คิดว่าเขาจะเทศนาอย่างนั้นในคริสตจักรของพวกอีเวนเจลิคอล์ในยุคนี้ได้! นั่นคือวิธีเดียวกันที่โนอาห์เทศนาในสมัยนั้น ท่านเป็น "นักประกาศแห่งความชอบธรรม" (2 เปโตร 2:5) - แต่ไม่มีใครที่สำนึกผิด ไม่มีใครหันออกจากบาปและเข้าไปในนาวาแห่งความรอด นอนจากลูกชายและลูกสะไภ้ของเขาและภรรยาของเขาเองที่ฟังคำเทศนานั้น และสุดท้ายก็รอด เขาได้ต่อนาวา " ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วย[ครอบครัวของท่าน] ให้รอด และด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้ปรับโทษแก่โลก” (ฮีบรู 11:7) พวกคุณฟังคำเทศนาของผมหรือเปล่า? คุณจะหันหน้าหนีจากความชั่วร้ายและความผิดบาปมาที่พระคริสต์หรือไม่ – และคุณจะมาที่คริสตจักรของเราในทุกวันอาทิตย์หรือไม่? หรือคุณเลือกที่จะตายอยู่ในน้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการพิพากษาที่มาจากพระเจ้าหรือ? มีสิ่งหนึ่งที่ดีที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ อย่าไปดูหนังเรื่องนี้เลยเนื้อหา ส่วนใหญ่ไร้สาระ แต่ข้อดีอยู่ข้อหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าในสมัยของโนอาห์นั้นไม่พูดถึงเด็กเลย! ไม่มีเลย มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าตัดสินโลกแห่งบาป!

III. ประการที่สาม ยุคของโนอาห์ “โลก” ของเขา

“โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้รอด และด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ปรับโทษแก่โลก…” (ฮีบรู 11:7)

"โลก" หมายถึงคนที่อาศัยอยู่บนโลกก่อนน้ำท่วม "โลก" ในยุคของโนอาห์ พระคริสต์เรียกว่าเป็นนิมิต ภาพ หรือคนก่อนที่จะสิ้นโลก ก่อนคำพิพากษา พระคริสต์กล่าวว่า

“ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” (มัทธิว 24:37-39)

ใช่ ผมรู้ว่าหลายคนในสมัยของโนอาห์ใช้ความรุนแรง ใช่ ผมรู้ว่าพวกเขาปฏิเสธการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์และใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความชั่ว แต่บาปที่เลวร้ายที่สุดของคนเหล่านั้นคือฝักฝ่ายแต่วัตถุนิยม - สิ่งเดียวที่พวกเขามีคือการกินและดื่ม การแต่งงานและให้การแต่งงาน ความคิดของพวกเขาเน้นแต่สิ่งที่อยู่ในโลกนี้และชีวิตนี้ พวกเขาไม่ใสใจกับความจริงที่ยั่งยืน พวกเขาไม่เคยคิดถึงพระเจ้าอย่างจริงจัง พวกเขาไม่สนใจว่าหลังจากตายแล้วจิตวิญญาณของพวกเขาจะไปที่ไหน พวกเขาเป็นเหมือนกับคนหนุ่มสาวในสมัยนี้ที่คิดแต่เรื่องวิดีโอเกมและงานเลี้ยงต่างๆ และคิดแต่เรื่องสนุกในโรงเรียน พวกเขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะมาคิดเกี่ยวกับบาปของพวกเขา ไม่มีเหตุผลที่จะมาคิดถึงจิตวิญญาณว่าจะไปไหนหลังจากที่พวกเขาตายไปแล้ว

พระคัมภีร์สอนเราว่ามีสวรรค์จริงและจริงนรกจริงๆ คุณจะไปที่ไหนหลังจากที่คุณตายแล้ว? ทุกคนต้องไปทางใดหรือทางหนึ่งไม่ว่าสวรรค์หรือนรก คุณจะไปที่ไหน? มีทางเดียวเท่านั้นที่จะไปสวรรค์ – และนั่นคือเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทางนี้เป็นจริงได้อย่างไร? เพราะว่าไม่มีใคร แต่พระเยซูผู้ทรงพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้ความผิดบาปของเรา เพียงแต่พระโลหิตของพระเยซูเท่านั้นที่สามารถชำระคุณให้พ้นจากบาปตามสายพระเนตรของพระเจ้า พระเยซูเท่านั้นที่ทรงสามารถช่วยให้คุณให้รอดได้

พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม พระองค์ทรงเกลียดความบาป พระองค์ไม่อาจมองไปที่ความบาป หากความผิดบาปของคุณไม่ได้ชดใช้โดยการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์บนไม้กางเขนและชำระล้างโดยโลหิตของพระคริสต์ คุณไม่อาจไปสวรรค์ พระคริสกล่าวว่า "ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้ นอกจากมาทางเรา" (จอห์น 14:6)

ผมขอร้องคุณให้กลับใจใหม่ หันหลังให้กับบาป และจงมาที่พระเยซูคริสต์โดยทางความเชื่อ จงเชื่อในพระเยซูรับการชำระบาปโดยพระโลหิตของพระองค์ แล้วไปที่คริสตจักรในทุกวันอาทิตย์! เพลงเก่านาย กริฟฟิร้องไปก่อนหน้าที่ผมจะเทศนา พูดได้ดีมากดังนี้

มาคนบาปทั้งหลายคนที่สูญหายและสิ้นหวัง
   โลหิตของพระเยซูสามารถทำให้คุณมีอิสระ
เพราะพระองค์ทรงช่วยกู้คนเลวร้ายในหมู่พวกท่าน
   ตอนพระองค์ทรงช่วยคนชั่วอย่างฉัน
และฉันรู้ว่าใช่ ฉันรู้
   โลหิตของพระเยซูสามารถทำให้คนบาปขาวสะอาด
และฉันรู้ว่าใช่ ฉันรู้
   โลหิตของพระเยซูสามารถทำให้คนบาปขาวสะอาด
(“Yes, I Know!” by Anna W. Waterman, 1920)

คุณสนใจอยากมาเป็นคริสเตียนที่แท้จริงหรือเปล่า? คุณอยากจะรับการชำระบาปโดยโลหิตของพระเยซูหรือไม่? คุณอยากจะคุยกับพวกเราเกี่ยวกับการรับการชำระบาปโดยโลหิตของพระเยซูหรือไม่? ถ้าคุณอยากจะคุยกับพวกเราเกี่ยวกับการรับการชำระบาปโดยโลหิตของพระเยซู กรุณาออกจากที่นั่งของคุณตอนนี้และเดินไปที่ด้านหลังของห้องนมัสการนี้ ดร. คาเกน จะนำพวกคุณไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่อให้คำปรึกษาและอธิษฐานเผื่อ ถ้าคุณอยากคุยกับฟมถึงคำเทศนานี้ ให้ไปรออยู่ด้านหลัง ไปได้ในตอนนี้ ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ไว้วางใจในพระเยซูนี้ด้วย อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย อาเบล พลูโฮมมี: ปฐมกาล 6:1-14.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“Yes, I Know!” (by Anna W. Waterman, 1920).


โครงร่างของ

โนอาห์มีจริงการพิพากษาก็มีจริง!

THE REAL NOAH AND THE REAL JUDGMENT!

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้รอด และด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ปรับโทษแก่โลก และได้เป็นผู้รับมรดกแห่งความชอบธรรม ซึ่งบังเกิดมาจากความเชื่อ” (ฮีบรู 11:7)

(2 เปโตร 3:3; 2 เธสะโลนิเก 2:11)

I. ประการแรก ความเชื่อของโนอาห์ ฮีบรู 11:7ก;
ปฐมกาล 6:13; ยูดาห์ 15; โรม 10:17, 14; ปฐมกาล 6:5, 13, 3.

II. ประการที่สอง คำเทศนาของโนอาห์ ฮีบรู 11:7ข;
2 เปโตร 2:5.

III. ประการที่สาม ยุคของโนอาห์ “โลก” ของเขา
ฮีบรู 11:7ค; มัทธิว 24:37-39; ยอห์น 14:6.