Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




พระเจ้าทรงนำคนบาปไปที่ไหน

WHERE GOD DRAWS SINNERS
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 12 เดือนมกราคม ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, January 12, 2014


สัปดาห์ที่ผ่านถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ผมได้รับอีเมล์จากอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ท่านหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงสอนอยู่ทีมหาลัยแห่งหนึ่ง ท่านกล่าวว่า “ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้ฟังท่านเทศนา เกี่ยวกับ คริสมาสใน ‘คริสมาสต์ในไซเบอร์สเปซ’ หรือ ‘Christmas in Cyberspace! เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ซื้อหนังสือของท่านที่ชื่อ ท่านโปลิคาร์ดเทศนาถึงชาติที่ตายแล้ว หรือ A Puritan Speaks to Our Dying Nation. ทั้งเล่มเก่าและใหม่ (จากอเมซอน) ผมนำไปให้ศิษยาภิบาลหลายคนและขอร้องพวกเขาให้อ่าน [หนังสือของท่าน]

นั่นคือคำชมเชยที่ดีเยี่ยมจากบุคคลที่สอนประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์ให้กับผู้รับใช้ที่เป็นนักเรียนมานานกว่าสี่สิบปี!

เพื่อนๆทั้งหลายเว็บไซต์นี้มีเอกลักษณ์พิเศษนั่นคือมีบทเทศนาทั้งหมด 28 ภาษาและส่งไปถึง 170 ประเทศทั่วโลก คุณรู้ไหมว่าหนึ่งในสามของโลกนี้ไม่มีมิชั่นนารีที่มาจากสหรัฐอเมริกาหรือไม่? พวกเขาไม่สามารถไป 1/3 ของโลกนี้! แต่อินเทอร์เน็ตสามารถไปได้ทุกที่ - แม้แต่ในประเทศคอมมิวนิสต์อย่างจีน คิวบาอัฟกานิสถานและอิหร่าน! คำเทศนาเหล่านี้สามารถไปได้ทุกที่ และก็มีนักเทศน์ที่เป็นชนพื้นเมืองในประเทศเหล่านี้ได้พิมพ์บทเทศน์ของผมออกมา แล้วก็นำไปเทศน์ให้กับคนของพวกเขา เพราะพวกเขามีเครื่องไม้เครื่องมือน้อยมากกับการที่จะเตรียมคำเทศนา พวกเขาใช้บทเทศนาของและผมเองก็ยินดีให้พวกเขาทำอย่างนั้นเช่นกัน ในแต่ละเดือนคุณสามารถส่งเงินประมาณ 25.00 หรือ 50.00 ดอลลาร์มาให้พวกเราได้หรือไม่ เพื่อเราจะสามารถแปลเพิ่มอีกหลายภาษา? กรุณาโปรดฟังในตอนท้ายของคำเทศนานี้ ผมจะกลับมาพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งว่าคุณจะส่งเงินบริจาคเป็นรายเดือนมาให้เราได้อย่างไร เพื่อให้เราจะสามารถแปลเพิ่มขึ้นอีกหลายภาษา!

กรุณาเปิดไปที่เยเรมีย์ 31:3

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

มาร์ตินลูเทอร์เห็นด้วยกับพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์ในภาษาฮิบรูคำกริยานี้ "มาสฮาค” หรือ “mâshak" ซึ่งหมายความว่า "นำพา" หรือ "ดึง" ฉบับแปลของ NASV ใช้คำที่มาจากภาษาฮิบรูคือ "ดึง" ตามที่ปรากฏในเรมีย์ 38:13 เราสามารถแปลข้อนี้ได้ดังต่อไปนี้:

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงดึงเจ้าขึ้นมา” (เยเรมีย์ 31:3)

พระเจ้าทรงรักคุณ ดังนั้นพระองค์ถึงดึงคุณขึ้นมา!

“เราจูง (ดึง) เขาด้วยสายแห่งมนุษยธรรมและด้วยปลอกแห่งความรัก” (โฮเชยา 11:4)

ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้กำลังชี้ให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรง "นำ" ชนชาติอิสราเอลในสมัยก่อนออกมาจากอียิปต์และนำพวกเขาเข้าไปในดินแดนแห่งพันธสัญญา และแสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าก็ทรงนำคนบาปออกไปจากชีวิตแห่งความบาป – เข้าสู่ความรอดในพระเยซูคริสต์!

ข้อพระคัมภีร์ที่ปรากฏในพระธรรมโฮเชยา 11:4 และเรมีย์ 31:3 กล่าวค่อนข้างชัดเจนว่าพระเจ้า "ดึง" คนบาปจากที่ไหนสักแห่งเพื่อช่วยพวกเขา แต่พระธรรมข้อที่อยู่ในเยเรมีย์และโฮเชยาเพียงบอกเป็นนัยถึงที่ๆพระองค์ทรงฉุกดึงพวกคุณ แต่พระธรรมเล่มอื่นๆนั้นบอกเราอย่างชัดเจนถึงสถานที่ๆพระเจ้าทรงนำเรา และช่วยเราให้รอดโดยผ่านทางพระคุณของพระองค์

I. ประการแรก พระเจ้าทรงนำเราเข้าสู่คริสตจักรท้องถิ่น

ผมเข้ามาในคริสตจักรตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่และเป็นเพราะมีคนนำผมเข้ามา ผมอ่านการสำรวจล่าสุดพบว่า 82% ของคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้ามาที่คริสตจักรเพราะถูกชักชวญนำโดยเพื่อน และมีน้อยเปอร์เซ็นต์ของสมาชิกคริสตจักรที่ยังมาคริสตจักรเป็นประจำ เพราะพวกเขาอ่านใบปลิวต่างๆ และนั่นคือวิธีที่นำผมเข้ามาที่คริสตจักร มีคนพาผมไปที่คริสตจักรและก็ทำอย่างนั้นเป็นประจำ มีมัคนายกท่านหนึ่งในคริสตจักรชื่อ มิสเตอร์บีน จะมาเยี่ยมผมทุกครั้งที่ผมขาดการไปโบถส์ เขาหนุนใจผมให้กลับมา ในความทรงจำของผมตอนนี้ยังสามารถมองเห็น มิสเตอร์บีนและภรรยาของเขากำลังยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านของป้าของผมที่ชื่อ ไมร์เทิล ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมัคนายกทั้งหญิงและชายนี้ เขามักจะแต่งตัวในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มและผูกเน็คไท และส่วนเธอก็สวมหมวก แต่งตัวดีอย่างที่ผู้หญิงแต่งสำหรับการไปโบสถ์ ในทุกครั้งที่พวกเขามาเยี่ยมเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุสิบห้าปี เพื่อให้แน่ใจว่าผมจะกลับไปที่คริสตจักร ไม่วันที่ผมจะลืมเหตุการณ์นี้ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมัคนายกคนนั้นและภรรยาของท่าน

พระเจ้าทรงใช้คนอย่างเช่นท่านบินและภรรยาของท่านนำคนเข้าไปที่คริสตจักร ตอนผมเล็กๆนั้นดร. แมคโกแวนและภรรยาของท่านพาผมไปที่คริสตจักรพร้อมกับลูกๆของพวกเขา ผมไม่ได้เป็นคริสเตียนจนกระทั่งผมมีอายุยี่สิบปี แต่ผมถูกดึงเข้าไปในคริสตจักรผ่านทางการทำงานของดรและนางแมคโกแวน และถูกดึงกลับไปที่คริสตจักรผ่านทางการมาเยือนของนายและนางบิน พระคัมภีร์กล่าวว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ที่กำลังจะรอด เข้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุก ๆ วัน” (กิจการ 2:47)

พระวจนะยังกล่าวอีกว่า

“คริสตจักรทั้งปวงจึงเข้มแข็งในความเชื่อ และจำนวนคนได้ทวีขึ้นทุก ๆ วัน” (กิจการ 16:5)

และในคริสตจักรนี้เองที่คุณสามารถได้ยินข่าวประเสริฐของพระคริสต์และได้รับความรอด และ 82% ของทุกคนที่เข้ามาในคริสตจักรเช่นนี้ ตอนทีการประกาศข่าวประเสริฐ และถูกนำมาโดยใครบางคน ดังนั้นจึงเป็นที่แน่ชัดจากผลของการสำรวจความคิดเห็นนี้และจากพระคัมภีร์ที่ว่าพระเจ้ามักจะใช้คนที่จะพาคุณไปยังคริสตจักร

พระกิตติคุณถูกสอนในคริสตจักร นี่คือสิ่งที่อาจารย์ดเปาโลบอกให้กับผู้เชื่อในเมืองโครินธ์:

“ยิ่งกว่านี้ พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่ และซึ่งทำให้ท่านรอดด้วย ถ้าท่านยึดหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้แก่ท่านทั้งหลายนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่ออย่างไร้ประโยชน์ เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลายก่อน คือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น” (I โครินธ์15:1-4)

เปาโลเตือนผู้เชื่อที่อยู่ในคริสตจักรโครินธ์ว่าท่านได้ "เทศนาให้แก่" พวกเขาเกี่ยวกับพระกิตติคุณแห่งความการสิ้นพระชนม์ตและการฟื้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์แพราะความบาปของพวกเขา

มีพวกเสรีนิยมที่ปฏิเสธพระคัมภีร์อยู่มากมายในคริสตจักรของทุกวันนี้ – และก็มีลัทธิและศาสนาเทียมเท็จอยู่มากมาย คุณจะสามารถบอกได้อย่างไรว่าใครคือพวกที่ใช่? คำตอบนั้นง่ายมาก: พวกเขาบอกคุณพรือเปล่าว่าจะได้รับความรอดจากโทษการลงโทษโดยการที่พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน! การเทศนาของพวกเขาเน้นหนักถึงเรื่องนี้หรือเปล่า? แต่ที่คริสตจักรของเรานั้นจะบอกพวกคุณถึงการรับเอาความรอดทุกครั้งที่การนมัสการ เพราะนี่คือคริสตจักรแห่งการประกาศพระกิตติคุณ เหมือนกับคริสตจักรที่อยู่ในพันธสัญญาใหม่และในสมัยของพระคัมภีร์

พระเจ้าได้ทรงนำผมให้มารับใช้ที่นี่เพื่อประกาศบอกคุณว่าการรับเอาความรอดนั้นก็โดยทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น! พระเจ้าทรงนำเอาโลให้ไปประกาศที่คริสตจักรโครินธ์ว่า "ข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่" (1 โครินธ์ 15:1) และพระเจ้าทรงนำผมให้มาที่นี่เพื่อทำในสิ่งเดียวกัน – นั่นคือประกาศให้คุณถึงการรอดจากบาปโดยเชื่อในพระเยซู

อีกเหตุผลหนึ่งที่พระเจ้าทรงนำคุณให้เข้าร่วมกับคริสตจักรท้องถิ่น ก็เพื่อให้คุณสามารถกลับใจใหม่และรับการเสริมกำลัง:

“ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่จงเตือนสติกันและกัน และให้มากยิ่งขึ้นเมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว” (ฮีบรู 10:25)

บางคนอาจบอกว่าคุณสามารถเป็นคริสเตียนโดยที่ไม่ต้องไปคริสตจักร แต่คนเหล่านั้นผิด เพราะคุณไม่ทางได้ยินพระกิตติที่กล่าวถึงการกลับใจใหม่ยกเว้นไปที่คริสตจักรเท่านั้น ไม่มีทางที่คุณจะกลับใจใหม่และรับการหนุนใจถ้าขาดการไปคริสตจักร พระคัมภีร์กล่าวว่า "คริสตจักรของพระเจ้าผู้ดำรงพระชนม์ เป็นหลักและรากแห่งความจริง” (1 ทิโมธี 3:15) พระเจ้าได้ทรงวางความจริงไว้ในคริสตจักรแห่งพันธสัญญาใหม่ – ดังนั้นคุณต้องไปคริสตจักรในทุกวันอาทิตย์ถึงจากค้นพบความจริงนั้นได้ ต้องเป็นริสเตียนที่แท้จริงและเรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตอย่างคริสเตียน

ผมไม่เคยเรียนรู้ถึงวิธีการดำเนินชีวิตอย่างคริสเตียนในโรงเรียน ผมจบสองการศึกษาจากสถาบันทั่วไปและสามจากสถาบันพระคริสตธรรม แต่ผมไม่เคยเรียนรู้ถึงวิถีทางแห่งการดำเนินชีวิตอย่างคริสเตียนในสถาบันเหล่านั้นเลย สิ่งที่ผมเรียนรู้คืออธิษฐาน เทศนาและการดำเนินชีวิตอย่างคริสเตียนจากคริสตจักรท้องถิ่น จากศิษยาภิบาลขอลผมและจากผู้นำคริสตจักรในคริสตจักรเท่านั้น ผมขอบคุณพระเจ้าที่ผมมีศิษยาภิบาลชาวจีนซื่อสัตย์และคอยสอนผมถึงวิธีการดำเนินชีวิตอย่างคริสเตียน! ชื่อของท่านคือ ดร. ทิโมธี หลิน ผมเคยไปร่วมงานวันเกิดครบรอบเก้าสิบปีของท่าน และก็ไปเทศนาในงานศพของท่าน! ส่วนมากที่ผมรู้มาจากการสอนของศิษยาภิบาลของผม และขอบคุณพระเจ้าสำหรับท่าน พระเจ้าทรงตรัสว่า:

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

พระเจ้าได้ทรงนำคุณเข้ามาที่คริสตจักรนี้ในเช้านี้ ผมหวังว่าคุณคงมีความเชื่อเพียงพอที่จะอยู่ที่นี่เหมือนกับตอนที่ผมยังเป็นหนุ่มอยู่ อยู่ที่นี่และเพื่อรับเอาความรอด! อยู่ที่นี่เพื่อเรียนพระคัมภีร์! อยู่ที่นี่และเรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตอย่างคริสเตียน!

มีผู้ชายหนุ่มคนหนึ่งมาที่คริสตจักรคนเดียวและเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ เขาฟังผมเทศนาและเขาก็เรียนรู้อยู่มากมาย จากนั้นแฟนสาวบอกเขาว่า "ทุกคริสตจักรต่างก็ดีเหมือนกัน ดังนั้นอาทิตย์หน้าให้ไปที่คริสตจักรของฉันนะ" อาทิตย์นั้นเขาเชื่อฟังผู้หญิงคนนี้ เขาก็ไม่มาที่นี่อีกอย่างที่เคยมา! เขาตามผู้หญิงคนนั้นไปเข้าคริสตจักรที่ไม่มีการเทศนาเกี่ยวกับพระกิตติคุณ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมเจอเขา คุณทราบหรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นให้กับผู้ชายคนนี้? เขาได้สูญเสียความรู้ทั้งหมดที่เขามี เขากลับไปทำบาปตามวิถีชีวิตเดิมของเขาอย่างเมื่อก่อน คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไม? เพราะซาตานพูดผ่านผู้หยิงคนนั้นด้วยคำพูดนี้ หนึ่งในคริสตจักรเป็นที่ดีเป็นอื่น มากับฉันไปที่โบสถ์ของฉัน "ทุกคริสตจักรต่างก็ดีเหมือนกัน ไปที่คริสตจักรของฉันนะ!”

พระเจ้าทรงนำผู้ชายหนุ่มคนนั้นเข้ามาในคริสตจักรของเรา แต่ซาตานก็ดึงเขาไปอีกทางหนึ่ง - ออกจากคริสตจักรไป – ไปฟังพระกิตติคุณเทียมเท็จที่เป็นผลงานของมนุษย์ – แทนที่มีชีวิตที่บริสุทธิ์อย่างโปรเตสแตนต์ การกลับใจใหม่ตามหลักของพระคัมภีร์โดยทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์เพียงเท่านั้น พระเจ้าตรัสว่า:

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวน (หรือดึง)เจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

จงอย่าต่อต้านพระเจ้าถ้าพระองค์ทรงคุณเข้ามาที่คริสตจักรนี้ จงกลับมาพร้อมกับพวกเราให้เพื่อที่จะได้ยินพระกิตติคุณแห่งความจริงและรอด จงอย่าต่อต้านหรือกบฏต่อพระเจ้าในเมื่อพระองค์นำพาคุณให้มาที่นี่แล้ว อย่าปล่อยให้ซาตานใช้ใครบางคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือญาติพี่น้องเพื่อฉุกดึงคุณออกจากคริสตจักรแห่งนี้ซึ่ง "เป็นหลักและรากแห่งความจริง (1 ทิโมธี 3:15)

พระคัมภีร์กล่าวว่า "คนเหล่านี้ก็ต่อต้านความจริง" (2 ทิโมธี 3:8) ถ้าคนเหล่านั้นสามารถต้านทานความจริงเพื่อให้คุณสามารถ คุณก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่สตีเฟ่นกล่าวว่า "เจ้าไม่อาจขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์" (กิจการ 7:51) ถ้าคนเหล่านั้นที่พระคัมภีร์ยังไม่สามารถต้านการทรงนำของพระเจ้าได้ แล้วคุณจะทำได้หรือ นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้ ดังนั้นผมจึงยึดถือพระคัมภีร์เป็นหลักสำคัญ ลูเทอร์ กล่าวว่าเรามีสิทธิ์ที่จะบอกว่า "ไม่" แต่ไม่มีอำนาจที่จะพูดว่า "ใช่" สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีหนุ่มสาวสามถึงสี่คนเติบโตในคริสตจักรนี้และได้ต่อต้านการทรงนำของพระเจ้า พวกเขามาที่คริสตจักรนี้ แต่ยังคงต่อต้านพระเจ้า

และพวกคุณก็เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงนำให้เข้ามาที่คริสตจักรห่งนี้ยังกลับมาต่อต้านพระองค์อีก ตอนที่มีมัคนายกคนใดคนหนึ่งของเราโทรศัพท์ไปหาคุณ แต่คุณกลับพูดว่า "ฉันไม่กลับไปอีกแล้ว" หรือที่แย่กว่านั้นคือให้แม่หรือสมาชิกในครอบครัวคนใดคนหนึ่งคุยทางโทรศัพท์และโกโหกว่าคุณไม่อยู่บ้านวิธีนี้แสดงว่าคุณสามารถต้านทานพระเจ้าและปฏิเสธที่จะกลับมาที่คริสตจักรเพื่อฟังพระวจนะและรับความรอด พระเจ้าตรัสว่า

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

หากคุณต่อต้านและไม่ยอมรับการทรงนำของพระเจ้า และไม่ยอมกลับมา ไม่มีวันที่คุณที่จะรอดได้ บางทีคุณยังอาจจะเป็นคริสเตียนที่แท้จริงได้

II. ประการที่สอง พระเจ้าทรงนำคุณเข้าสู่พระเยซูคริสต์

พระเจ้าทรงนำคุณไปที่พระเยซูคริสต์ และรับความรอด

“เราจูง (หรือดึง) เขาด้วยสายแห่งมนุษยธรรมและด้วยปลอกแห่งความรัก เราเป็นผู้ถอดแอก (เชือก) ที่ขากรรไกรของเขาออก” (โฮเชยา 11:4)

การกระทำหรือการมาเชื่อในพระเยซูเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่ยังต้องอาศัยการอัศจรรย์และพระคุณที่จะเกิดขึ้นในตัวคุณ คุณจะถูก "ดึง" ให้เข้ามาที่พระคริสต์หรือคุณจะไม่มีวันที่จะเชื่อในพระองค์ แม้ว่ามันดูเหมือนเป็นสิ่งที่ง่ายๆที่จะทำก็ตาม

พระเยซูตรัสว่า "เจ้าเชื่อในพระเจ้าจงเชื่อในตัวเราด้วย" (ยอห์น 14:1) นั่นคือการเชื่อในพระเยซู เพียงแค่คุณเชื่อในพระองค์เช่นเดียวกับการที่คุณเชื่อในพระเจ้า และเป็นความเชื่อง่ายๆที่คุณมีอยู่แล้วในพระเจ้า และเช่นเดียวกับการที่คุณเชื่อในพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า นี่คือทั้งหมดที่คุณต้องทำและเพื่อที่จะรอดได้ พระคัมภีร์กล่าวว่า "เชื่อในพระเยซูคริสต์และท่านจะรอด" (กิจการ 16:31) ผมอยากให้คุณเชื่อในพระเยซูแบบเดียวกันกับที่คุณเชื่อในพระเจ้า "เจ้าเชื่อในพระเจ้าจงเชื่อในตัวเราด้วย" (ยอห์น 14:01)

มันดูเหมือนว่าง่าย และก็ง่ายจริงๆ ใช่หรือไม่? แต่ก็ยังมีคนที่หลงหายไม่อาจที่จะทำได้ พวกเขาสะดุด 100% ในทุกครั้ง นักเทศน์ถามคนที่ต้องการมารับความรอดด้วยคำถามที่ง่ายๆ นักเทศน์ถามแบบง่ายและรอฟังคำตอบ – นักเทศน์เหล่านั้นต้องรู้ว่าผมพูดถูกต้อง มีผู้อำนวยการพระคริสตธรรมแห่งหนึ่งบอกว่า เขาคิดว่ามีเพียงแค่หนึ่งใน 100 คนที่เป็นมืออาชีพจริงๆเท่านั้นถึงจะรอด!

บางคนบอกว่า "คุณทำให้มันซับซ้อนเกินไป" สิ่งที่คนเหล่านี้หมายถึงก็คืออย่างที่พวก "ตักสินใจนิยม" บอกว่ารอดได้โดยทุกอย่างในทางประสบการณ์ ที่เรียกว่ากลับใจใหม่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น เพราะนักเทศน์ยอมรับเขาและประกาศว่าเขา "รอดแล้ว" แต่พระเจ้าจะไม่ยอมรับในวืธีนี้ พระเจ้าทรงยืนยันว่าสิ่งเดียวที่คุณต้องทำคือ: คุณต้องเชื่อในพระเยซู (กิจการ 16:31) ถ้าคุณทำอย่างอื่นคุณจะไม่รอด ดังนั้นเทศน์ที่ฉลาดจะฟังดูคนๆหนึ่งทำในสิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่สุด ส่วนนักเทศน์ที่ไม่มีความรู้เช่นนี้จะไม่พอใจในสิ่งที่เรายืนยันที่ว่า "เชื่อในพระเยซูคริสต์แล้วท่านจะรอด" (กิจการ 16:31) นักเทศน์โง่เช่นนั้นจะประท้วงเพราะพวกเขาเองก็ไม่เคยทำในสิ่งหนึ่งสิ่งหนึ่งที่จำเป็น - และพวกเขาเองก็ไม่มีวันรอด

โอ้ช่างดูเหมือนง่ายมากที่จะมาเชื่อในพระเยซู! พระเยซูตรัสว่า "เจ้าเชื่อในพระเจ้าจงเชื่อในตัวเราด้วย" (ยอห์น 14:1) และยังมีคริสเตียนจำนับล้านคนที่คิดว่าพวกเขารอดแล้วแต่ไม่ได้ทำตามพระคัมภีร์ข้อนี้ พวกเขาไม่เคยเชื่อ "ในองค์พระเยซูคริสต์." พวกเขาทำอย่างอื่นและยังคงนับเป็นผู้ที่หลงหายอยู่ (มัทธิว 7:21-23)

การที่ว่าง่ายนั้นก็เพราะอาศัยพระคุณของพระเจ้าในการดึงคนให้มาพระเยซูโดยทางความเชื่อ พระเจ้าฉุกดึงคนผ่านทรงการประกาศพระพระกิตติคุณ พระคัมภีร์กล่าวว่า

“แต่คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ: แต่ถ้าผู้ใดเสื่อมถอย ใจของเราจะไม่มีความพอใจในคนนั้นเลย’ ” (ฮีบรู 10:38)

หากคุณดึงตัวกลับหรือหันหลังกลับตอนที่พระเจ้าทรงนำคุณเข้ามาที่พระเยซู พระเจ้าจะไม่อดทนต่อคุณต่อไปอีกแล้วจะปล่อยคุณออกไป ถึงตอนนั้นก็จะสายเกินไปที่คุณจะมารับความรอด นั่นคือบาปอภัย พระเยซูตรัสว่า

“ไม่มีผู้ใดมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย” (ยอห์น 6:44)

การเข้า “มา” ที่พระเยซูนั้นหมายความว่าอย่างไร? มันหมายถึง “เชื่อ” ในพระองค์ พระเยซูตรัสไว้ในอีกสามข้อต่อมาว่า พระองค์ตรัสว่า

“ผู้ที่เชื่อในเราก็มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 6:47)

แต่คุณไม่สามารถเชื่อในพระเยซูเว้นแต่พระเจ้าจะทรงนำคุณ (ดู ยอห์น 6:44)

เชื่อง่ายๆในพระเยซูและไม่ง่ายหากปราศจากการทรงนำโดยพระเจ้า

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

พระเจ้าทรงรักคุณมากพระองค์ถึงได้นำคุณเข้าไปในคริสตจักร คุณอาจถูกนำเข้ามาที่โดยแผนการของพระเจ้าให้มาเกิดที่นี่โดยให้แม่ของคุณนำคุณมาที่นี่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรือว่ามีเพื่อนบางคนนำคุณมาที่คริสตจักร ไม่ว่าพระเจ้าทรงนำคุณมาที่นี่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรือพระองค์นำคุณมาที่นี่ผ่านการคุยทางโทรศัพท์ก็ตา ใช่เราทุกๆคนในที่นี่รวมถึงตัวผมด้วยต่างก็ถุกนำเข้ามายังคริสตจักรของพระเจ้า

แต่ตอนนี้พระเจ้าทรงนำคุณมาที่พระเยซู และรับความรอดโดยไว้วางใจง่ายๆในพระองค์ "แต่ถ้าผู้ใดเสื่อมถอย [พระเจ้าตรัสว่า] ใจของเราจะไม่มีความพอใจในคนนั้นเลย’" (ฮีบรู 10:38) คุณต้องวางใจในพระเยซูเดี่ยวนี้ ในขณะที่พระเจ้ายังทรงนำคุณอยุ่ ขืนรอช้าเดี๋ยวก็สายเกินไป โอ้เชื่อในพระเยซูเดี๋ยวนี้ – ในขณะที่พระเจ้ายังทรงนำคุณอยู่!

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

III. ประการที่สาม พระเจ้าทรงนำคุณเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์

พระเจ้าแรกดึงคุณไปที่โบสถ์ท้องถิ่น ประการที่สองของพระเจ้าดึงคุณพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ แต่ประการที่สามพระเจ้าดึงคุณขึ้นสู่สวรรค์ หากคุณเป็นผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์พระเจ้าจริงจะดึงคุณขึ้นไปสวรรค์! พระเยซูตรัสว่า อันดับแรกพระเจ้าทรงนำคุณเข้าร่วมกับคริสตจักรท้องถิ่น อันดับที่สองพระเจ้าทรงนำคุณเข้ามาที่พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ ถ้าคุณคือคริสเตียนที่แท้จริงพระเจ้าก็จะนำคุณเข้าไปในแผ่นดินสววรค์

“ไม่มีผู้ใดมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย” (ยอห์น 6:44)

การทรงนำของพระเจ้าสามารถพาคุณเข้ามาถึงที่พระเยซู และการทรงนำนี่ก็เช่นเดียวกัน นั่นคือพระองค์สามารถดึงคุณออกจากหลุมแห่งความตายแล้วดึงคุณขึ้นสู่แผ่นดินสวรรค์! พระเจ้าทรงนำคุณเข้าร่วมกันกับคริสตจักร พระเจ้าทรงนำคุณมาที่พระเยซู พระเจ้าก็จะนำคุณออกจากหลุมฝังศพและเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์!

“ไม่มีผู้ใดมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย” (ยอห์น 6:44)

เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำเรามาไกลแล้ว แล้วก็จะนำพวกเราทุกคนกลับไปถึงบ้าน – แผ่นดินสวรรค์! พระเจ้าจะนำงเราไปสู่แผ่นดินสวรรค์1

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

“ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์” (1 เธสะโลนิกา 4:16-17)

จะถูกรับขึ้น…ไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ” ( เธสะโลนิเก 7:17) รับขึ้นเข้าไปในฟ้าอากาศ!

“เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

นำเราเข้าไปในฟ้าอากาศ!นำเราเข้าไปในพระเยซู! นำเราเข้าไปในแผ่นดินสวรรค์ชั่วนิรันดร์!

“เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

พระเจ้าได้ทรงนำคุณให้เข้ามาที่คริสตจักรนี้ อย่าขัดขืนพระองค์ จงกลับมาในทุกวันอาทิตย์ พระเจ้าทรงนำคุณเข้ามาที่พระเยซู อย่าต่อสู้พระองค์ จงเชื่อในพระเยซู "เจ้าเชื่อในพระเจ้าจงเชื่อในเราด้วย" แล้วในวันหนึ่งเร็ว ๆ นี้พระเจ้าจะนำคุณเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์

โอ้ความสุข โอ้สันติสุข! เราควรจะไปโดยไม่ต้องตาย
ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บไม่เศร้าไม่กลัวและไม่ร้องไห้
เข้าผ่านเมฆกับพระเจ้าแห่งพระสิริ
ตอนที่พระเยซูทรงรับ "ด้วยพระองค์เอง"
โอพระเยซูอีกนานแค่ไหนอีกนานแค่ไหน
ก่อนที่เราตะโกนโห่ร้องเพลงดีใจ
พระคริสต์เสด็จกลับ! ฮาเลลูยา!
ฮาเลลูยา! อาเมนฮาเลลูยา! อาเมน
   (“Christ Returneth” โดย H. L. Turner, 1878)

ถ้าคุณอยากจะคุยกับพวกเราถึงการมาที่พระเยซูคริสต์ กรุณาออกจากที่นั่งของคุณตอนนี้และเดินไปที่ด้านหลังของห้องนมัสการนี้ ดร. คาเกนจะนำพวกคุณไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่อให้คำปรึกษาและอธิษฐานเผื่อ ไปได้ในตอนนี้ ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ไว้วางใจในพระเยซูนี้ด้วย อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย อาเบล พลูโฮมมี: ยอห์น 6:37-44
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“The Master Hath Come” (โดย Sarah Doudney, 1841-1926)


โครงร่างของ

พระเจ้าทรงนำคนบาปไปที่ไหน

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์: เพราะฉะนั้นเราจึงชวนเจ้ามาด้วยความเมตตา” (เยเรมีย์ 31:3)

I.   ประการแรก พระเจ้าทรงนำเราเข้าสู่คริสตจักรท้องถิ่น กิจการ 2:47; 16:5; I โครินธ์ 15:1-4; ฮีบรู 10:25; I ทิโมธี 3:15;
II ทิโมธี 3:8; กิจการ 7:51

II.  ประการที่สอง พระเจ้าทรงนำคุณเข้าสู่พระเยซูคริสต์ โฮเชยา 11:4; ยอห์น 14:1; กิจการ 16:31; มัทธิว 7:21-23;
ยอห์น 12:32; ฮีบรู 10:38; ยอห์น 6:44, 47

III. ประการที่สาม พระเจ้าทรงนำคุณเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ ยอห์น 6:44; I เธสะโลนิเก 4:16-17