Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




การอธิบายผิดเกี่ยวกับคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย

(เทศนาครั้งที่ 2 ในอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย)
MISINTERPRETING THE PRODIGAL SON
(SERMON NUMBER 2 ON THE PRODIGAL SON)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 25 เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, August 25, 2013

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็เริ่มมีความรื่นเริงยินดี” (ลูกา 15:24)


คำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหายเป็นเรื่องที่กล่าวถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในพระคัมภีร์ และเป็นหนึ่งในคำอุปมาที่ปัจจุบันนี้มีการแปลผิดเพี้ยงออกไปมากๆ ผมจะเล่าย่อๆถึงคำอุปมานี้ และจะบอกว่าทำไมนักเทศน์หลายๆคนถึงอธิบายบิดเบือนออกไป

คำเทศนาของผมในตอนเย็นนี้จะมีด้วยกันสองประการ หนึ่ง ผมจะแสดงถึงจุดสอนผิดของพวก “ตัดสินใจนิยม” สอง ผมจะแสดงว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ แล้วผมจะมาบอกว่าคุณจะประยุกต์ใช้กับชีวิตได้อย่างไร แต่เราจะเริ่มต้นโดยการพูดถึงคำอุปมานี้ทั้งหมดก่อน

พระเยซูทรงเล่าว่ามีชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน อยู่มาวันหนึ่งบุตรคนเล็กได้มาหาพ่อของเขา และขอมรดกที่เป็นส่วนของเขาก่อนที่พ่อของเขาจะเสียชีวิต พ่อก็ไม่ขัดใจแต่อย่างใดและได้แบ่งส่วนที่เป็นของเขาให้เขา ชายหนุ่มคนนี้ก็นำทรัพย์สมบัตินั้นแล้วหนีออกจากบ้าน ไปยังแดนไกลและได้ไปใช้จ่ายทรัพย์สมบัติเหล่านั้นในทางที่มิชอบและบาป

เวลาที่เขาใช้จ่ายเงินนั้นหมด ความหิวกระหายอดอยากก็เริ่มเกิดขึ้น เขาหิวมากและจำเป็นต้องกินฝักถั่วที่หมูกิน เพราะไม่มีใครให้อาหารเขาแล้ว

และแล้วเขาก็มาถึงจุดที่คิดได้ว่าพ่อของเขามีคนงานอยู่มากมายและมีอาหารมากมายที่จะกิน ในขณะที่เขานั้นอดอยากเป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านและบอกพ่อว่า “บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ทำผิดต่อสวรรค์และต่อสายตาของท่านด้วย ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านอีก” เขาลุกขึ้นเดินกลับไปหาพ่อ ตอนที่เขากลับมาถึง พ่อได้วิ่งเข้าไปสวมกอดและจุบเขา พ่อของเขานำเสื้อผ้าราคาแพงมาให้เขาใส่ และสวมแหวนที่นิ้วและสวมรองเท้าที่เท้า พ่อก็ฆ่าลูกวัวกอ้วนพีมาเลี้ยงต้อนรับ พ่อบอกว่า

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็เริ่มมีความรื่นเริงยินดี” (ลูกา 15:24)

และนี่คือโครงร่างของคำอุปมา แต่ตอนนี้ผมจะกลับไปแสดงให้คุณเห็นถึงจุดที่คนสมัยนี้แปลคำอุปมานี้ผิด และแสดงให้คุณเห็นถึงความหมายที่ถูกต้อง

I. หนึ่ง ทางที่แสดงว่านักเทศน์ในสมัยนี้แปลคำอุปมานี้ผิด

ผมเกลียดที่จะพูดว่า ดร. เจ เวอร์เนิน เมคกี้ แปลคำอุปมานี้ผิด แต่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดร. แมคกี้ กล่าวเอาไว้ไว่า “นี่ไม่ใช่ภาพของคนบาปมารับความรอด…เพราะว่ายังไงเขาก็เป็นบุตรวันยังค่ำ…คนๆเดียวที่อยากจะกลับไปหาพ่อของตัวเองก็มีแต่ลูกเท่านั้น และวันหนึ่งลูกนั้นก็บอกว่า ‘ผมจะลุกขึ้นกลับไปหาบิดาของผม’” (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, Thomas Nelson Publishers, 1983, volume IV, pp. 314, 315; notes on Luke 15:11-19)

ดังนั้น ดร. แมคกี้ แปลผิดว่าบุตรคนนี้รอดอยู่แล้ว เขาทรยศและหลงทางผิด ไปทำบาป แต่กระนั้นเขาก็ยังรอด มาตอนหลังเขาได้กลับใจจากบาปและกลับมาถวายชีวิตใหม่อีกครั้ง

ผมต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ที่ต้องบอกว่า ดร. แมคกี้ไดรับอิทธิพลจากพวก “ตัดสินใจนิยม” และนี่คือทางเดียวกันที่นักเทศน์สมัยนี้ทำกัน อย่างเช่น บิลลี่ แกรเฮ็ม ก็ได้แปลคำอุปมานี้ไปตามนี้ ทำไมพวกเขาต้องแปลอย่างนั้น? พวกเขาทำอย่างนั้นเพราะมีคนเป็นพันๆคนที่ “ตัดสินใจ” แล้วก็กลับไปทำบาปอีก นี่แหละพวกเขาถึงบอกว่าพวกเขาเป็นเหมือนบุตรน้อยในคำอุปมานั้น แต่อยู่มาวันหนึ่งพวกเขาก็จะถวายตัวใหม่อีก คุณมักจะได้ยินพวกเขาพูดว่า พวกเขา “รอดแล้ว” แม้ติดเหล้าก็ “รอด” แม้ติดยาหรือแม้แต่เป็นโสเภณีก็ยัง “รอด” จนกระทั่งมีเด็กประมาณ 88% หนีออกจากคริสตจักรของพวกเขา “ไม่เคยที่จะกลับมาอีก” (Barna) เพราะคนเหล่านั้นมีแค่ “ตัดสินใจ” ศิษยาภิบาลก็ให้ความหวังแบบลมๆแล้งๆ ให้กับพ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นว่า เด็กเหล่านี้คือคนที่หลงไปทำผิด เพียงแค่กลับมาก็รอดแล้ว พวกเขาบอกว่าคนเหล่านี้โจมอยู่กับบาปและไปเคยไปโบถส์เลย แต่ก็ยัง “รอด” เช่นเดียวกัน สิ่งที่คนเหล่านั้นต้องทำในอนาคตคือให้กลับมาถวายตัวใหม่ แต่หลายครั้งพวกเขายังบอกอีกว่าแม้ว่าไม่ทำอย่างนั้นก็ยังรอด เหมือนอย่างที่ ดร. แมคกี้ พูดว่า อย่าไปถามเลยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกหรือไม่ ยังไงเขาก็ยังเป็นลูกอยู่ดี” อย่างเช่น บิล คลินตัน เป็น “ลูก”และเป็นคนหนึ่งในคณะแบ๊บติสต์ ที่ไปมีเพศสัมพันธ์กับนาง โมนิกา ลีวีนสกี้ ที่ห้องทำงาน และอีกคนหนึ่งคือ จีมมี่ คาเตอร์ ก็คือ “ลูก” ปฏิเสธพระคัมภีร์และบอกว่าพวกมอร์มอนคือคริสเตียนที่แท้จริง! สองสามปีที่ผ่านมามีหญิงโสเภณีที่เมืองลอสแอนเจลีสคือคริสเตียน “ที่บังเกิดใหม่” แต่ยังเป็นโสเภณีอยู่ คนหนึ่งในกลุ่มอีเวนเจลีคอล์ บอกผมว่า “อย่าไปตัดสินเธอเลย” อะไรช่างบ้าถึงเพียงนั้น! และพวกอีเวนเจลีคอล์เข้าใจผิดตามกลุ่มที่เรียกว่า "แอนตีโนเมียนิยม” พวกนี้เชื่อว่าคนๆหนึ่งสามารถทำบาปและเป็นลูกของพระเจ้าในเวลาเดียวกัน พวกเขาจึงเรียกตัวเองว่า “คริสเตียนเนื้อหนัง” แต่ ดร. มาร์ติน ลอย์ด โจมส์ กล่าวว่า “มันเป็นการอธิบายผิด [ของพระธรรม โรม 8:5-8] ที่กล่าวว่า ‘คนทั้งหลายที่อยู่ในเนื้อหนัง' ถูกเรียกว่า คริสเตียนในฝ่าย ‘เนื้อหนัง’ อาจารย์เปาโลกล่าวถึงคนเหล่านั้นว่าไม่มีทางที่จะเป็นคริสเตียนอย่างแน่นอน…คริสเตียนแท้จริงอย่างที่อาจารย์เปาโลบอก คือคนทุกเปลี่ยนแปลงในทุกๆด้าน ” (D. Martyn Lloyd-Jones, M.D., Exposition of Romans 8:5-17, “The Sons of God,” The Banner of Truth Trust, 2002 reprint, p. 3)

ผมเกลียดที่จะมาแก้ไขคำพูดของ ดร.แมคกี้ เพราะท่านเคยสอนพระคัมภีร์ให้ผมปี 1960 และต้นปี 70 และผมก็ฟังท่านเทศนาผ่านทางวิทยุ ผมไม่อยากวิจารณ์ท่าน ตามที่ท่านสอนคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่นอีก ดร. แมคกี้ บอกว่า ท่านรับความรอดตอนที่อยู่ในคณะอีเวนเจลีคอล์ ทางตอนใต้ของรัฐ โอกราโฮมา ในหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ฟังคำเทศนาในคำอุปมานี้…วันที่ได้ยินคำเทศนาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย ในคืนนั้นผมก็ได้เดินออกไปข้างหน้า (เล่มเดียวกัน หน้า 314) แต่ ดร. แมคกี้ บอกว่า “อุปมาบุตรน้อยหลงหายไม่ใช่เรื่องของคนบาปมารับความรอด” (เล่มเดียวกัน) เขาบอกว่าสิ่งสำคัญคือพระเจ้าทรงนำ “บุตรน้อยคนนั้นออกจากบาปต่างหาก”

ดร. แมคกี้ ไม่ได้รับคำสอนเรื่องบุตรน้อยหลงหายนี้จากคนในสมัยตอนที่เขากลับใจใหม่ที่รัฐ โอกราโฮมา แต่เขารับคำสอนนี้มาจาก กลุ่มนักเทศน์อย่างพวกอีเวนเจลีคอล์สมัยใหม่อย่างท่าน บิลลี่ แกรเฮ็ม ผู้ที่ชอบเรียกคนให้ “ถวายตัวใหม่” แทนที่บอกให้กลับใจใหม่ นี่คือ “ทาง” ใหม่ที่มองเรื่องบุตรน้อยหลงหายที่ประยุตก์ใช้ว่าคือการ “กลับตัวกลับใจมาเป็นคริสเตียน” ซึ่งโดยแทจริงไม่เคยกลับใจใหม่เลย ดร. ลอย์ โจมส์ กล่าวว่า มันเป็น “ไปไม่ได้ที่คนเหล่านั้นจะมาเป็นคริสเตียน”

ล่าสุดนี้ผมไปอ่านบทความของนักประกาศท่านหนึ่งมีใจความว่า

ผมอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และผมก็ชอบภาคใต้ด้วย ผมไม่ได้เยาะเย้ยคนที่นั่น แต่ดูเหมือนว่าทุกคนที่นั่นจะรอดไปหมด!...บางรัฐทางตอนใต้มีคริสตจักรเกือบแถบทุกมุมถนน แม้แต่ดารานักแสดงหรือนักการเมืองก็ล้วนแต่รอดแล้วกันทั้งนั้น…แต่เรายังมีการฆาตกรรม การข่มขืน ติดเหล้า ภาพลามก การอย่าร้าง การโกโหก มากขึ้นเรื่อยๆ…เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคริสตจักรของเราถึงไร้ทิศทางในการเจริญเติบโตและการประกาศ? ปัญหาคืออะไร? (Jerry Sivnksty, “Gospel Soaked or Gospel Thirsty?”, Frontline Magazine, July/August 2013, p. 38)

ผมจะบอกคุณว่าปัญหาคืออะไรกันแน่ – เรา มี คน เป็น หมื่น ที่ตัดสินใจแต่ ไม่ กลับใจใหม่! นั่นแหละคือคือปัญหา! ไม่ใช่เพียงเกิดขึ้นทางภาคใต้เท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วอเมริกา! มีศิษยาภิบาลคนหนึ่งบอกผมว่าทุกๆประตูที่เขาไปเคาะเพื่อทำการประกาศ คนเหล่านั้นบอกเขาให้ไปห่างๆ เพราะว่าพวกเขารอดแล้ว! เขา บอกว่า พวก เขา ไม่ ไป โบถส์เพราะ พวก เขา คิด ว่า ตัว เอง รอด แล้ว! นั่น แหละ คือ สาเหตุ ที่ ทำให้ เกิด พวก “ตัดสินใจนิยม” และ ความคิด ผิด ที่ ว่า บุตร น้อย นั้น คือ คริสเตียน แล้ว! ผมบอกว่า “นั่นเป็นการอธิบายพระกิตติคุณที่ผิดๆ” และเริ่มมาจากอเมริกา!” ลงที่นั่น! และสำเร็จที่นั่น จงทิ้งมันออกไป! เพราะมันทำลายจิตวิญญาณคนเป็นล้านๆคน พวกเขาทำให้คนหนีออกจากคริสตจักรของเรา และทำลายจิตวิญญาณของคนในประเทศของเรา! ผมไม่สนว่าใครจะสนับสนุนความเชื่อนี้ – ไม่ว่าดร. แมคกี้ บิลลี่ แกรเฮ็ม พระสันตะปะปา ฟรานซิส หรือผู้ต่อต้านพระคริสต์ – ช่างเป็นคำสอนที่แย่มากๆ และเป็นยาพิษของซาตาน! ตอนนี้ให้เรากลับมาที่เนื้อหาของเรา

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็เริ่มมีความรื่นเริงยินดี” (ลูกา 15:24)

(กดที่นี่เพื่ออ่านคำเทศนาของผมอีกบทหนึ่งที่เทศน์เรื่องบุตรน้อยหลงหาย ในหัวข้อ “แม่แบบของการกลับใจใหม่” คุณควรอ่านควบคู่ไปกับคำเทศนานี้

II. สอง พระเยซูทรงเล่าคำอุปมานี้เพื่อยืนยันว่าคนบาปที่หลงหาย ตายเพราะการล่วงละเมิดและทำบาปต่างๆ กลับมารับความรอด!

ครั้งหนึ่งผมรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งหนีภรรยาของตัวเองไปมีภรรยาใหม่ เขานำปืนไปปล้นธนาคาร สุดท้ายเขาถูกจำของในคุกเป็นเวลาหลายปี เขาคือผู้ล่วงประเวณี โจรปล้นธนาคาร แต่ เขา ยัง บอก ว่า เขา ยัง รอด! ผมถามเขาว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาถูกจับกุมในขณะที่กำลังปล้นธนาคารด้วยอาวุธปืน เขาตอบด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านว่า “ปืนจะหล่นลงที่พื้นในขณะที่ผมลอยไปพบกับพระเจ้าบนท้องฟ้า!” ผมบอกว่าที่เขาพูดนั้นผิด เพราะเขาไม่เคยกลับใจใหม่ เขาไปเชื่อเรื่องบุตรน้อยหลงหายตามที่มีการอธิบายผิดตามที่ผมพึ่งบอกมาก่อนหน้านั้นว่า ยังไงเขาก็ยังเป็น “บุตร” วันยังค่ำ แล้วผมก็เปิดพระคัมภีร์ ผมจับมือของเขาแล้วชี้ไปที่พระธรรมลูกา 15:24 ผมบอกให้ “เขาอ่าน” ผมต้องบอกเขาสามถึงสี่ครั้งกว่าเขาจะอ่านด้วยท่าทีที่ไม่เต็มใจสักเทาไหร่

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก…” (ลูกา 15:24)

เขาเริ่มมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่พอใจ อย่างตอนที่เขาถูกจับกุม! เขาก็พูดเสียงดังออกมาว่า “แล้วนั่นมันหมายถึงอะไร!” ผมบอกว่า “ผมไม่ได้บอกคุณว่านั่นหมายถึงอะไร แค่บอกให้คุณอ่านเท่านั้น” แล้วผมก็อ่านให้เขาฟัง

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก…”

แล้วผมจึงบอกว่า “พ่อของชายคนนั้นบอกด้วยตัวเองว่าบุตรของเขานั้น ‘ตายแล้ว’ พ่อของชายคนนั้นบอกด้วยตัวเองว่าบุตรของเขานั้น ‘หลง’ หายไป ถ้าพ่อของเขาบอกชัดเจนเอาไว้อย่างนั้นแล้วคุณยังจะเอาอะไรไปเปรียบอีก? อย่างไรก็ตามถ้าคุณไปดูหนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์ของ ดร. แมคกี้ แล้วเขาไม่ได้กล่าวอะไรถึงพระธรรมลูกา 15:24 เลย! ที่เขาไม่ทั้งอย่างนั้นเพราะมันจะเป็นการทำลายศาสนศาตร์ทั้งหมดของเขา! ตามพระธรรมลูกา 15:24 พ่อของชายคนนั้นบอกด้วยตัวเองว่าบุตรของเขานั้น “ตายแล้ว” – นั่นหมายถึง “ตายเพราะการล่วงละเมิดและทำบาปต่างๆ” (เอเฟซัส 2:1, 5) แล้วพ่อของเขาก็พูดว่า “เขาได้หลงหายไป” ยังมีอะไรอีกล่ะที่สามารถอธิบายให้ชัดเจนมากไปกว่านี้? อุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหายคือภาพของคนที่หลงหายไป!

พระเยซูทรงให้สามอุปมาในพระธรรมลูกาบทที่สิบห้าเพื่อตอบคำถามของพวกฟารีสี เหตุที่พวกเขาด่าว่าพระเยซูร่วมรับประทานอาหารกับคนบาปทั้งหลาย (ลูกา 15:2) พระองค์ทรงเล่าสามคำอุปมานี้เพื่อแสดงว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยขณะไหนการที่คนบาปได้รับความรอด! คำอุปมาแต่ละอย่างนั้นล้วนชี้ว่าพระเจ้าทรงรับคนบาปและอภัยบาปให้พวกเขา พระองค์ทรงให้คำอปมาเรื่องแกะที่หายไปในข้อที่ 3 ถึง 7 พระองค์ทรงให้คำอุปมาเรื่องเหรียญที่หายไปในข้อที่ 8 ถึง 10 แล้วพระองค์ก็มาให้คำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหายในข้อที่ 11 ถึง 32 หัวใจสำคัญของสามอุปมานี้คือพระเจ้าทรงชื่นชมยินดีที่ “คนบาปได้กลับใจใหม่” (ลูกา 15:7, 10, 24) จึงไม่แปลกใจที่ ดร. ไรย์รี ก็ยังไม่เห็นด้วยกับ ดร. แมคกี้ และ บิลลี่ แกรเฮ็ม ที่ดร. ไรย์รี ทำอย่างนั้นถูกต้องแล้ว ท่านเขียนถึงพระธรรม ลูกา 15:4 ท่านใช้คำว่า “หลงหาย” มีอยู่แปดครั้งด้วยกันในพระธรรมบทนี้ที่ใช้คำว่าหลงหายเพื่อเป็นการเน้นถึงคนที่หลงหายไป พบได้ในข้อที สี่ [สองครั้ง] 6, 8, 9, 17, 24, 32” (Charles C. Ryrie, Th.D., Ph.D., The Ryrie Study Bible, Moody Press, 1978, p. 1576; note on Luke 15:4) เพื่อเน้นถึงคนที่หลงหายไปนั้น” ถูกต้องแล้ว!

ดร. แมคกี้กล่าวผิดที่ว่าคำอุปมานี้เป็นการแสดงถึงฐานะการเป็น “บุตร” คนหนึ่ง แต่จริงๆแล้วตามคำอุปมานี้การที่เขาเป็นบุตรไม่ได้หมายความว่าเขานั้นรอดแล้ว ดร. จอห์น แมคอาร์เธอร์ ท่านกล่าวถึงต้องที่ว่าคำอุปมานี้คือ “ภาพของคนบาปทั้งหลาย (เกี่ยวข้องกับพระเจ้าพระบิดาโดยการทรงสร้าง) ได้ปฏิเสธพระองค์ [พระเจ้า ]ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับพวกเขา พวกเขาเลือกที่จะทำบาปตามความปราถนาของตัวเอง” (John MacArthur, D.D., The MacArthur Study Bible, Word Bibles, 1997, p. 1545; note on Luke 15:12).

ดร. แมคอาร์เธอร์ กล่าวถูกต้องว่าอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย “คือผู้แสวงหาความรอด” ตอนที่คนนั้น “กลับมาที่ตัวเขาเอง” (เรื่องเดียวกันเขียนถึงลูกา 15:17) นี่จึงยืนยังว่าการที่ ดร แมคอาร์เธอร์ กล่าวถึงคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหายนั้นถูกต้องทีเดียว ผมเห็นด้วยกับ ดร. แมคกี้ ที่ต่อต้าน ดร. แมคอาร์เธอร์ ในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องพระโลหิตของพระคริสต์ เพราะ ดร. แมคกี้ พูดถึงต้องถึงความสำคัญของพระโลหิต แต่จอห์น แมคอาร์เธอร์ กลับพูดผิดไป แต่คำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย เนื้อหาของเราได้บังคับผมให้เห็นด้วยกับ ดร. จอห์น แมคอาร์เธอร์

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก…” (ลูกา 15:24)

อย่างไรก็ตาม หนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์ทุกเล่มต่างก็บอกว่าคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยนี้ชี้ถึงการ “หลงหาย” ในคำอุปมานี้ก็กล่าวถึงการกลับใจใหม่ด้วย ไม่มีหนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์เล่มใดที่บอกว่าเขาเพียงแค่ “ถวายตัวใหม่” พร้อมกับชีวิตของเขาที่รอดแล้ว! มัทธิว พูล (1624-1679) กล่าวเช่นเดียวกับเนื้อหาของเรา “จิตวิญญาณที่ทำบาปนั้นตายแล้ว…การกลับใจใหม่ของจิตวิญญาณบาปนั้นคือการเป็นขึ้นมาจากความตาย หรือจิตวิญญาณที่กลับเข้ามาสู่ความจริง ตอนที่คนๆนั้นกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางพระโลหิตของพระคริสต์” (note on Luke 15:24; A Commentary on the Holy Bible, The Banner of Truth Trust, 1990 reprint, volume III, p. 247).

มัทธิว เฮนรี่ (1662-1714) กล่าวว่า “คำอุปมานี้แสดงถึงการที่พระเจ้าเป็นพ่อของมนุษย์ทุกคน ที่เป็นหนึ่งในครอบครัวของอาดาม…” มัทธิว เฮนรี่ ยังพูดไปไกลกว่านั้นว่าคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหายนี้แสดงถึง “เราทุกคนโดยตามธรรมชาติแล้วคือคนบาปคนหนึ่ง…โดยตามเงื่อนไขในบุตรน้อยหลงหาย…แสดงว่าพวกเราทุกคนคือคนบาป เพราะการหลงผิดไปของมนุษย์” มัทธิว เฮนรี่ ยังแสดงถึงเก้าอย่างที่บุตรน้อยหลงหายแสดงถึงคนบาปทั้งหลาย (Matthew Henry’s Commentary on the Whole Bible, Hendrickson Publishers, 1996 reprint, volume 5, pp. 599-600)

ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ ได้มองกลับไปที่หนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์ในสมัยก่อน ดร. ไรซ์ ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของ ดร. แมคกี้ ที่ว่า “นี่ไม่ใช่ภาพของคนบาปที่มารับเอาความรอด” ดร. ไรซ์ กล่าวตรงกันข้ามกัน ท่านบอกว่า บุตรน้อยหลงหายคือภาพของคนบาปที่หลงหายไป” (John R. Rice, D.D., The Son of Man, Sword of the Lord Publishers, 1971, p. 372; note on Luke 15:11-16)

ซี เฮช สเปอร์เจียน เจ้าชายแห่งนักเทศน์ของนักเทศน์ทั้งหลายกล่าวเช่นเดียวกัน ในบทเทศนาของท่านที่ว่า “หัวใจสำคัญของคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย” (The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1975 reprint, volume XLI, pp. 241-249) ในเนื้อหาของเรากล่าวว่า

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็เริ่มมีความรื่นเริงยินดี” (ลูกา 15:24)

สเปอร์เจียน กล่าวเช่นเดียวกับเนื้อหาของเราว่า “การกลับใจใหม่ของจิตวิญญาณก็เพียงพอต่อการที่จะรับความชื่นยินดีและเป็นคนชอบธรรมตลอดไป” (เล่มเดียวกัน อรรถธิบายของบทที่ หน้า 251) หนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์เหล่านี้ต่างก็ลงน้ำหนักเรื่องบุตรน้อยคนนี้ไปที่คนที่หลงหายไป และคำอุปมานี้ก็แสดงถึงการกลับใจใหม่นั้นว่าเป็นไปอย่างไร และนี่คือข้อเท็จจริงที่นักวิชาการทั้งหลายกล่าวกันมาตามหลายยุคหลายสมัย – จนกระทั่งมาถึงยุค “หลักการตัดสินใจนิยม” ทำให้การกลับใจใหม่ของเราดู “ไม่มีความหมาย” และคลุมเคลือออกไป!

III. สาม คำอุปมานี้ชี้ว่าคุณต้องกลับใจใหม่ตามนี้

ถ้าคุณอยากจะกลับใจใหม่ และต้องการเป็นคริสเตียนที่แท้จริง คุณต้องทำตามอย่างที่คำอุปมานี้สอนเอาไว้ ถ้าไม่เช่นนั้น พระเจ้าไม่อาจที่จะตรัสให้กับคุณว่า

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก…” (ลูกา 15:24)

ตอนนึ้คุณก็รับฟังคำอธิบายทั้งหมดและเนื้อหาหลักไปแล้ว ใจของคุณยังดูเหมือนปิดอยู่ ได้โปรดยืนขึ้น! ได้โปรดยืนขึ้น! ตอนนี้ผมอยากจะบอกให้คุณว่า! คุณจะเดินตามคำอุปมานี้หรือจะลงไปที่นรก! คุณต้องมีประสบการณ์อย่างที่บุตรน้อยนั้นมี หรือคุณจะลงไปในบึงไฟนรกรับการทรมาณโดยมารซาตานไปชั่วกาลนาน มันจะฉีกใจของคุณออกเป็นชิ้นๆ! นี่คือทางที่คุณจะต้องเดินผ่านไป คุณต้องมารับเอาความรอด เพราะพระเยซูสิ้นพระชนม์แทนที่ของคุณ เพื่อไถ่บาปของคุณอยู่บนไม้กางเขน พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อประทานชีวิตให้คุณ แต่ไม่ใช่การง่ายต่อการที่จะมาที่พระคริสต์ ลองดูจุดต่างๆข้างล่างนี้ซึ่งนำมาจากคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย:

1.  จงยอมรับด้วยใจจริงว่าคุณคือคนที่เห็นแก่ตัว และต้องการที่จะหนีห่างจากพระเจ้ามากเท่าที่มากได้ เรารู้ถึงคนที่มาที่ห้องอธิษฐาน และพูดว่าพวกเขาต้องการความรอด แต่ในขณะเดียวกันยังวางแผนที่จะหนีออกจากคริสตจักรไป! นี่คือใจที่เห็นแก่ตัวเอามากๆ เป็นไปได้หรือที่พระเจ้ายังทรงประทานพระคุณให้กับคนที่มีใจฝักฝ่ายในโลก? “อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น” (1 ยอห์น 2:15) “พระองค์ได้ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดโดยพระวจนะแห่งความจริงตามน้ำพระทัยของพระองค์ เพื่อเราทั้งหลายจะได้เป็นอย่างผลแรกแห่งสรรพสิ่งซึ่งพระองค์ทรงสร้างนั้น” (ยากอบ 1:18)

2.  อธิษฐานขอพระเจ้าทรงสำแดงให้คุณเห็นถึงความว่างเปล่าแห่งโลกนี้ คุณไม่จำเป็นต้องกลายเป็นคนที่อยู่ตามท้องถนน เป็นที่ทราบกันว่าคุณก็ไม่ต้องการไปอยู่ที่นั่นด้วย! พระเจ้าทรงสามารถสำแดงให้คุณเห็นถึงความไร้ค่าของการดำรงชีวิตตามวัตถุในฝ่ายโลกนี้ ขอพระเจ้าทรงสำแดงให้คุณเห็นถึงความว่างเปล่าของชีวิตที่ไม่มีพระเจ้า “ท่านทั้งหลายอยากได้ และไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน ท่านโลภและไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่มีเพราะท่านไม่ได้ขอ” (ยากอบ 4:2)

3.  จงตื่นเถิด! กลับมาที่ตัวคุณเอง! อธิษฐานขอพระเจ้าทรงสำแดงให้คุณเห็นว่าคุณได้ “หายนะเพราะความอดอยาก” ในขณะที่สามารถที่จะมีสันติสุขได้! ตอนที่คุณเป็นอยู่นี้ คุณไม่มีความสุขอยู่ภายในเลย! ทำไมถึงเข้าไปทำบาปแทนกลับมาขอพระเยซูคริสต์อภับบาปของคุณ? “ไม่มีสันติสุขแก่คนชั่วร้าย” (อิสยาห์ 57:21)

4.  ลองคิดถึงบาปของคุณ คิดถึงบาปที่เป็นส่วนบุคคล พร้อมไปกับใจบาปของคุณ ให้คิดลึกๆถึงบาปของคุณจนกระทั่งคุณสามารถพูดแช่นเดียวกับบุตรน้อยคนนั้น “ข้าพเจ้าได้ทำผิดต่อสวรรค์และทำผิดต่อหน้าท่านด้วย” (ลูกา 15:18) ศิษยาภิบาลของผมที่ชื่อ ทิโมธี หลิน ไม่สามารถมารับความรอดจนกระทั่งท่านได้มาจดบันทึกบาปที่ละอย่างที่ท่านมี ท่านกลับไปดูบาปเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งพระเจ้าทรงทำให้ท่านเชื่อ และให้เขาเห็นว่าตัวเองเป็นคนบาป! ผมไม่ได้พูดว่าคุณต้องทำอย่างนั้น แต่บางครั้งอาจช่วยใครบางคนได้

5.  จงเข้ามาหาพระบุตรของพระเจ้า “ด้วยเหตุว่า มีพระเจ้าองค์เดียวและมีคนกลางแต่ผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพเป็นมนุษย์” (1 ทิโมธี 2:5) พระเยซูตัรสว่า “จงเพียรเข้าไปทางประตูคับแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเป็นอันมากจะพยายามเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้” (ลูกา 13:24) คนที่พึ่งคิดว่าจะมาที่พระเยซูตอนนี้ยังไม่รอด อาจจะเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ! “พยายามที่จะเข้าไปข้างใน”! ตอนที่คุณพบกับพระคริสต์จะเป็นช่วงเวลาทีมีค่ามากกว่าความ “พยายาม” ในที่อื่นๆ พระเยซูตรัสว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข” (มัทธิว 11:28) “และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น” (1 ยอห์น 1:7)


ขอให้บทเพลงนมัสการเก่าๆนี้คือคำอธิษบานของคุณในค่ำคืนนี้ -

ฉันเคยเดินห่างไกลจากพระเจ้า
   ตอนนี้ฉันกลับมาบ้าน;
เส้นทางของบาปที่ฉันเคยเหยียบช่างยาวไกล
   พระเจ้าฉันกลับมาบ้าน

ฉันได้สูญเสียหลายปีที่มีค่านั้นไป
   ตอนนี้ฉันกลับมาบ้าน
ตอนนี้ฉันกลับใจด้วยน้ำตาที่ขมขื่น
   พระเจ้าฉันกลับมาบ้าน
กลับมาบ้าน, กลับมาบ้าน
   ไม่เคยคิดที่จะกลับเที่ยวเตร่อีก
ขอเปิดแขนแห่งรักของพระองค์ออก
   พระเจ้าฉันกลับมาบ้าน
(“Lord, I’m Coming Home” โดย William J. Kirkpatrick, 1838-1921).

ถ้าคุณอยากจะคุยกับเราถึงการช่วยกู้ กรุณาลุกจากที่นั่งของท่านเดินออกไปข้างหลังของห้องนี้ ดร. คาเกน จะนำพวกคุณไปที่ห้องอธิษฐาน ออกไปได้ในตอนนี้ ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่มาที่ตัวของเขาเองและเชื่อในพระเยซูนี้ด้วย อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย อาเบล พลูโฮมมี: ลูกา 15:21-24
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“Now I Belong to Jesus” (โดย Norman J. Clayton, 1903-1992)


โครงร่างของ

การอธิบายผิดเกี่ยวกับคำอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย

(เทศนาครั้งที่ 2 ในอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็เริ่มมีความรื่นเริงยินดี” (ลูกา 15:24)

I.   หนึ่ง ทางที่แสดงว่านักเทศน์ในสมัยนี้แปลคำอุปมานี้ผิด ลูกา 15:24.

II.  สอง พระเยซูคือผู้เล่าเรื่องคำอุปมานี้เพื่อยืนยันว่าคนบาปที่หลงหาย
ตายเพราะการล่วงละเมิดและทำบาปต่างๆ มารับความรอด! เอเฟซัส 2:1, 5;
ลูกา 15:7, 10, 24.

III. สาม คำอุปมานี้ชี้ว่าการกลับใจใหม่ที่แท้จริงต้องเป็นไปตามนี้ I ยอห์น 2:15;
ยากอบ 1:8; 4:2; อิสยาห์ 57:21; ลูกา 15:18; I ทิโมธี 2:5; ยอห์น 14:6; ลูกา 13:24; มัทธิว 11:28; I ยอห์น 1:7.