Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




คนในฝ่ายเนื้อหนังและคริสเตียนที่แท้จริง

THE CARNAL MAN AND THE REAL CHRISTIAN
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าวันที่ 28 เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, July 28, 2013

“เพราะว่า คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งของต่างๆซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็ปักใจในสิ่งของต่างๆซึ่งเป็นของพระวิญญาณ ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข เหตุว่าใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า เพราะหาได้อยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัติของพระเจ้าไม่ และที่จริงจะอยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัตินั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังจะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้ ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้ว ท่านก็มิได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง แต่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ แต่ถ้าผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์” (โรม 8:5-9)


พระธรรมข้อเหล่านี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างคนที่มีจิตใจละโมบและเต็มด้วยตัณหากับคนที่มีจิตใจฝักฝ่ายในฝ่ายพระวิญญาณ ให้เราดูในข้อที่หก

“ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข” (โรม 8:6)

ให้เราหยุดตรงนี้โปรดเข้าใจว่า “ใจอยู่กับเนื้อหนัง” คือผู้ที่ไม่ใช่คริสเตียน คำว่า “เต็มไปด้วยตัณหา” ตามภาษากรีกคือคำว่า “ซารส์” หมายถึง “เนื้อหนัง” การเป็นคนที่มีใจ “เต็มไปด้วยตัณหา” หมายถึงการอยู่ภายใต้การควบคุมของเนื้อหนัง โปรดจำคำพูดของอาจารย์เปาโลในที่นี้ ““ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย” ดังนั้นตามคำพูดนี้ไม่ใช่กล่าวว่า “การปักใจอยู่กับเนื้อหนังของพวกคริสเตียน” ดร. เจมส์ มอนท์โกเมรี่ บอยส์ กล่าวว่า “สิ่งที่อาจารย์เปาโลกล่าวถึงนี้เป็นการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคริสเตียนและพวกที่ไม่ใช่คริสเตียน และคือคนสองประเภทที่พระคัมภีร์กล่าวเท่านั้น ไม่ใช่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านไม่ได้พูดว่า “การปักใจอยู่กับเนื้อหนังของคริสเตียน” ไม่ได้กล่าวถึงบุคคลที่ต้องการที่จะเป็นสาวกขององค์พระผู้เจ้าอย่าแท้จริง (James Montgomery Boice, Ph.D., Romans, Volume 2, Baker Books, 2008 edition, p. 807)

ดร. มาร์ติน ลอย์โจนส์ ก็กล่าวไว้อย่างขัดเจนว่าอาจาย์เปาโลไม่ได้กล่าวถึงคริสเตียนสองประเภทในพระธรรมข้อเหล่านี้ ท่านกล่าวว่า “อาจจะเป็นการอธิบายผิดที่พูดว่า ‘คนที่ปักใจอยู่กับเนื้อหนังเรียกว่า พวกคริสเตียนที่มี ‘ตัณหา’…เพราะหากเป็นเช่นนี้แล้วคนเช่นนั้นไม่ใช่คริสเตียนอยู่แล้ว” (D. Martyn Lloyd-Jones, M.D., Romans: An Exposition of Chapter 8:5-17, The Banner of Truth Trust, 2002 edition, p. 3)

ผมยอมรับว่าความคิดที่ว่าคริสเตียนสองประเภท (อีกฝ่ายคือเนื้อหนังอีกฝ่ายอยู่ฝ่ายวิญญาณ) ความคิดนี้มาจากพวกที่เชื่อเรื่อง “การตัดสินใจนิยม” เพราะ “พวกที่เชื่อแบบการตัดสินใจนิยม” เป็นหลักข้อเชื่อที่ผิดที่พยายามอธิบายถึงคนซึ่ง “ใช้การตัดสินใจของตัวเองเป็นหลัก” แต่ยังมีชีวิตที่เต็มไปด้วยบาป “พวกใช้การตัดสินใจนิยม” อธิบายว่าพวกเขาคือ “คริสเตียนที่ใจยังปักอยู่กับเนื้อหนัง” – และสิ่งเราควรต้องทำให้มากกว่านั้นคือ “ติดตามพวกเขา” และ “สอนพวกเขา” ให้เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณ คำสอนเหล่านั้นล้วนเทียมเท็จ และล้วนเป็นอันตรายต่อคริสตักรของเรา ที่เรียกกันว่า “คริสเตียนที่ใจยังปักอยู่กับเนื้อหนัง” จริงๆคือไม่ใช่คริสเตียน – มันเป็นความคิดในฝ่ายโลก! เราคงเมาแล้วถ้าจะมาพูดว่า “คริสเตียนที่ใจยังปักอยู่กับเนื้อหนัง” เราไม่มีสมาชิกที่มาที่คริสตจักรที่ยังเรียกตัวเองว่า “คริสเตียนที่ใจยังปักอยู่กับเนื้อหนัง” ตอนผมหยุดพักร้อนได้ไปร่วมนมัสการที่คริสตจักรแห่งหนึ่ง ผมได้ยิน “คำพยาน” จากผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าเธอได้รับการ “ช่วยกู้” จากพระคริสต์ตอนที่เธอเป็นหญิงโสเภณีและตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ – เพราะเธอเป็น “คริสเตียนที่ใจยังปักอยู่กับเนื้อหนัง” ตอนนี้เธอกลับมาที่คริสตจักรอีกครั้งและได้ “ถวายตัวใหม่” เปลี่ยนชีวิตมาเป็น “คริสเตียนในฝ่ายจิตวิญญาณ” ตอนนั้นแม่ของผมก็ไปร่วมนมัสการกับผมด้วย แม้ว่าแม่ของผมเป็นคริสเตียนได้ไม่นาน ท่านก็สามารถสังเกตเห็นถึงอันตรายของคำสอนเทียมเท็จนั้น ท่านบอกว่า “โอ้ โรเบริต์ พวกเขาไม่ควรอนุญาติให้ผู้หญิงคนนี้พูดต่อหน้าพวกอนุชน เพราะพวกเขาจะเชื่อว่าแม้พวกเขาทำชั่วก็ยังได้รับความรอด” ผมจำๆได้ว่าแม่ของผมพึ่งมารับเชื่อและรับความรอดได้ไม่กี่เดือนเอง ยังรู้ว่าอะไรว่าถูกอะไรผิดมากกว่าศิษยาภิบาลที่คริสตจักรนั้นด้วย! ตอนหญิงโสเภณีที่เรียกตัวเองว่า “คริสเตียน” พูดจบ ศิษยาภิบาลคนนั้นก็พูดว่า “นั่นยิ่งใหญ่ขณะไหน?” คนที่คริสตจักรนั้นตะโกนพร้อมกันว่า “อาเมน” ถึงไม่แปลกใจอะไรเลยที่คริสตจักรของเราทั้งหลายต่างอยู่ในสถานภาพที่น่าเป็นห่วง! ไม่เลย! มีแค่สองประเภทเท่านั้นตามเนื้อหาของเรานี้ – “ใจที่ปักอยู่กับเนื้อหนัง” คือคนทั้งหลายที่หลงหาย และ “ใจที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณ” คือคนที่ได้รับความรอด! ผมหวังว่านักเทศน์ของเราคงได้อ่านหนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์ของ ดร. บอยส์ และ ดร. ลอย์ด โจนส์!

คำสอนที่ว่ามี “คริสเตียนสองประเภท” มันเป็นคำสอนเทียมเท็จและผิด และในตอนที่เรียกกันว่า “คริสเตียนที่ใจยังปักอยู่กับเนื้อหนัง” ได้ถวายชีวิตใหม่ของพวกเขา นั่นเป็นการลงโทษตัวของพวกเขาเอง – เพราะว่าความรอดไม่ได้มาโดยการ “ถวายตัวครั้งใหม่” แต่โดยการที่ “คุณต้องบังเกิดใหม่” (ยอห์น 3:7) มีคนแบ๊บติสต์เป็นร้อยเป็นพันได้หลงหายเพราะเงื่อนไขแห่งคำสอนเทียมเท็จนี้ ฝ่ายลูกพูดกันว่า “เป็นคริสเตียนในฝ่ายเนื้อหนัง” ซึ่งสามารถที่จะ “ถวายตัวใหม่! แต่ฝ่ายพ่อของเด็กนั้นบอกว่าเขาหลงหายตายจากไป เช่นพ่อบอกว่า “ลูกของเราคนนี้ตายแล้ว” (ลูกา 15:24) ลูกคนนั้นคือภาพของคนที่ “หลงหาย” ที่ได้รับการช่วยกู้ ไม่ใช่เพียงแค่ถวายตัวใหม่! ตอนนี้ให้มุ่งไปที่ข้อที่ 6 ให้เรายืนขึ้นและอ่านออกเสียงดังๆ

“ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข” (โรม 8:6)

พวกคุณนั่งลงได้ พระธรรมโรม 8:6 อธิบายได้อย่างชัดเจนถึงคนสองชนิดนี้ คุณอาจจะเป็นคนที่ใจปักอยู่กับเนื้อหนังและหลงหาย หรือใจที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณหรือรอดแล้ว เราจะมาดูคนสองประเภทนี้ด้วยกัน

I. หนึ่ง คนที่ใจฝักฝ่ายอยู่กับเนื้อหนัง

อย่างที่ผมพูด คำว่า “ตัณหา” มาจากภาษากรีกคือคำว่า “ซารส์” – ซึ่งหมายถึง “เนื้อหนัง” การมี “ใจที่ฝักฝ่ายอยู่กับเนื้อหนัง” หมายถึงคนที่ใจของเขานั้น “จดจ่ออยู่กับเนื้อหนัง” ดังนั้นคนที่ใจ “จดจ่ออยู่กับเนื้อหนัง” นั้นอยู่ในสถารการณ์ที่อันตรายมาก

พวกเขาคือใคร? ในข้อที่ 5 กล่าวว่า “เพราะว่า คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งของต่างๆซึ่งเป็นของเนื้อหนัง…” พระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์แปลว่า “สำหรับคนที่ดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนัง ใจก็จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เป็นเนื้อหนัง….” นั่นแหละคือสิ่งที่ใจของพวกเขาหมกมุ่งอยู่– “สิ่งของต่างๆซึ่งเป็นของเนื้อหนัง” ใน 1 ยอห์น 2:15-16 เราจะให้ภาพซึ่งเป็นการบอกถึงสิ่งที่ใจของคุณจดจ่ออยู่ “สิ่งของต่างๆซึ่งเป็นของเนื้อหนัง” โดยกล่าวว่า

“อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนัง และตัณหาของตา และความเย่อหยิ่งในชีวิตไม่ได้เกิดจากพระบิดา แต่เกิดจากโลก” (I ยอห์น 2:15-16)

ตัณหาในฝ่ายเนื้อหนัง ตัณหาในสิ่งที่ตามองเห็น ความภาคภูมิใจของชีวิต นั่นคือสิ่งที่ใจในฝ่ายเนื้อหนังจดจ่ออยู่ จอห์น บูนเย็น เรียกคนที่มีใจฝักฝ่ายเหล่านี้ว่า “ใจที่อยู่ในฝ่ายโลก” นี่คืออีกชื่อหนึ่งของ “ใจที่จดจ่ออยู่กับตัณหา” บูนเย็น เรียกว่า “ใจที่อยู่ในฝ่ายโลก” ดร. ลอย์ โจนส์ อธิบายถึงใจที่ฝักฝ่ายอยู่กับเนื้อหนังไว้ดังนี้

มันเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน มันไม่เกี่ยวข้องใดๆกับความยั่งยืน ซึ่งเป็นการกล่าวถึงคนแห่งโลกนี้เท่านั้น มันเป็นชีวิตที่ล้อมรอบไปด้วยเนื้อหนังและสิ่งต่างๆที่มาจากฝ่ายเนื้อหนัง…”ใจในฝ่ายเนื้อหนัง” ยังรวมถึงการสนใจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ไม่มีพระเจ้า สังคมที่ไม่มีพระเจ้า วัฒนธรรมที่ไม่มีพระเจ้า นั่นคือใจในฝ่ายเนื้อหนัง นั่นคือหมายถึงสิ่งที่อยู่ในใจของอาจารย์เปาโลที่กล่าวว่าการแสวงหาความรู้ในขั้นสูง ปรัชญาของเขา ศิลปะของเขา ดนตรีของเขา นั่นคือสิ่งที่ไม่อาจหลีกหนีจากเนื้อหนัง ไม่มีพระเจ้าอยู่ในนั้นเลย พระองค์ไม่มีส่วนในนั้น…พวกเขาอาจจะเป็นนักพูดที่พูดเกี่ยวกับเรื่องของยูโตเปีย แม้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างผลงานศิลปะและงานเพลงที่ดีเลิศ แต่ก็ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ไม่มีพระวิญญาณสถิตในนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นฝ่าย “เนื้อหนัง” (Lloyd-Jones, ibid., page 6)

คนหนุ่มสาวที่ชื่นชอบเพลง “ในแนว” แร็ปซึ่งเป็นเพลงที่เกี่ยวข้องกับใจที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง สำหรับคนที่อยู่ “ใน” ยุคสมัยนี้ การแต่งตัวก็ล้วนแต่ส่อไปทางฝ่ายเนื้อหนัง สำหรับคนที่ “ยุ่งใน” การเล่นวีดีโอเกมส์เหมือนกับ “World of Warcraft” และวีดีโอเกมส์ที่ใช้ความรุนแรงเช่นการยิงกันและอื่นๆ ซึ่งเป็นจิตใจที่จดจ่ออยู่ในฝ่ายโลก สำหรับคริสเตียนที่ “ใจฝักฝ่ายในฝ่ายวิญญาณ” ไม่เคยที่จะเสียเวลามานั่งเล่นกับเรื่องขยะเหล่านี้! ถ้าคุณเป็นอย่างนั้น มันไม่แปลกอะไรเลยที่คุณไม่ได้รับความรอด นั่นยังรวมถึง “จดจ่อกับภาพยนตร์ไร้สาระ การ์ตูนญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับวิญญาชั่ว และภาพลามก คนเหล่านี้คือคนที่ “อยู่ใน” ฝ่ายเนื้อหนัง คนหนุ่มสาวที่จดจ่อ “ใน” การเป็นคนเจ้าชู้ และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหนัง สำหรับคนที่ไม่ยอมอ่านพระคัมภีร์ และไม่เคยอธิษฐานก็คือพวกที่มีใจฝักฝ่ายอยู่กับเนื้อหนังด้วย!

สิ่งที่เลวร้ายที่เกี่ยวข้องกับ “ใจที่ฝักฝ่ายเนื้อหนัง” ในข้อที่ 6 “ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย” ความตาย! คือสิ่งที่คุณจะได้รับเพราะการมีใจที่ฝักฝ่ายอยู่กับเนื้อหนัง ดร. ลอย์ โจนส์ กล่าวว่าข้อนี้ควรจะแปลว่า “การมีใจในฝ่ายเนื้อหนังคือความตาย” (เล่มเดียวกัน หน้า 7) อาจารย์เปาเคยกล่าวเอาไว้ว่าคน “ที่ใจอยู่กับเนื้อหนัง” ไม่ใช่คริสเตียน ตอนนี้อาจารย์เปาโลยังกล่าวไกลไปกว่านั้นว่า “ใจแห่งโลกนี้คือคนที่ “ตายแล้ว” คนที่มีใจฝักฝ่ายอยู่กับสิ่งที่อยู่ในโลกนี้ตายแล้ว! ข้อความนี้ “ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย” หมายถึงคนที่ฝักฝ่ายกับราคะตัณหาคือคนที่จิตวิญญาณนั้นได้ตายแล้ว ในพระธรรม เอเฟซัส 2:1 อาจารย์เปาโลกล่าวถึงคนพวกนี้ว่า “ท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป” และอีกครั้งหนึ่งในพระธรรมเอเฟซัส 2:5 ยังกล่าวว่า ท่านพูดถึงพวกนี้ว่า “ตายในบาป” คนเช่นนี้ไม่เคยรู้จักว่าความรอดนั้นคืออะไร

“แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ” (I โครินธ์ 2:14)

คุณสามารถสอนและเทศนาจนหน้าคุณเขียวก็ไม่อาจทำให้คนเหล่านี้เข้าใจพระกิตติคุณได้! ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? “เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ” และคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังนั้นตายในบาปแล้ว จึงไม่อาจที่จะเข้าใจความจริงง่ายๆที่อยู่ในพระกิตติคุณนั้น! “เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ” – คนเช่นนี้ใจฝักฝ่ายอยู่กับตัณหาจึงไม่อาจรับความจริงได้! นี่คือเหตุผลหลักที่เราต้องสอนพระกิตติคุณครั้งแล้วครั้งเล่า! แต่คนที่จิตใจฝักฝ่ายในฝ่ายโลกก็ไม่อาจที่จะเข้าใจได้ ผมจึงสังเกตเห็นว่ามีคนที่ตอบสนองและเข้าไปในห้องอธิษฐานได้หลายเดือนแล้วยังไม่ได้รับความรอดเลย ทำไมล่ะ? เพราะว่า “ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย” (โรม 8:6)

และนี่คือตัวอย่างทั้งหมดที่ ดร. ลอย์ โจนส์ กล่าวเอาไว้ หลายๆคนคงเคยเห็นหนังที่เกี่ยวกับการประกาศเรื่อง “พระคุณพระเจ้า” ซึ่งตอนที่เรานำมาฉายที่คริสตจักรของเรา ซึ่งในเรื่องกล่าวถึงเรื่องราวของ วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ (1759-1833) โดยที่ท่านคือผู้นำที่นำการเลิกทาสในสหราชอณาจักร ตอนนั้น วิลเลียม พิทท์ (1759-1806) คือนายกรัฐมนตรี คนทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่วิลเบอร์ฟอร์ซคือคนที่เชื่อในพระเจ้าและกลับใจใหม่แล้ว ในขณะเดียวกัน วิลเลียม พิทท์ เป็นเพียงแค่คริสเตียนคนหนึ่งที่ไปโบถส์เท่านั้นแค่นั้น เพราะท่านไปโบถส์แต่ไม่เคยคิดที่จะกลับใจใหม่ ส่วนวิลเบอร์ฟอร์ซนั้นเป็นห่วงท่านนายกที่ยังไม่ได้บังเกิดใหม่ สุดท้ายท่านก็เชิญชวน พิทท์ ไปร่วมงานประกาศกับเขาเพื่อไปฟังนักประกาศที่ชื่อ ริชาร์ด เซซิว สุดท้ายแล้วท่าน พิทท์ ก็ตกลงที่จะไปกับเขา ตอนนั้นอาจารย์เซซิว เทศน์ได้ดีมาก วิลเบอร์ฟอร์ซ ฟังแล้วดูเหมือนว่ากำลังอยู่บนสวรรค์ แต่หลังจากนั้น ท่านนายกพิทท์ กลับบอกเขาว่า “วิลเบอร์ฟอร์ซ คุณรู้มั้ยผมรับไม่ได้อะไรเลยจากการเทศนานั้น” ส่วนด้านวิลเบอร์ฟอร์ซนั้นกลับรับพระพรมากมายจากคำเทศนานี้ แต่ส่วนพิทท์นั้นกลับเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ ท่านไม่เข้าใจเลย ดร. ลอย์ โจนส์ กล่าวว่า “ริชาร์ด เซซิว กำลังเทศนาให้กับคนที่ตายแล้ว” เพราะคนที่ตายแล้วไม่อาจรับรู้และขอบคุณถึงสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมานั้น อย่างที่ วิลเลียล พิทท์ พูดนั้น…มีคนมากมายก็เป็นเช่นนั้น พวกเขามานมัสการพระเจ้า และรับฟังสิ่งที่ [น่าพึงพอใจ] ด้วยใจแห่งผู้เชื่อ แต่พวกเขาก็มองไม้เห็นอะไรเลย…นั่นเป็นเพราะว่าคนเกล่านั้นไม่มีชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณ พวกเขาตายแล้ว ตายต่อพระเจ้า ตายต่อพระเยซูคริสต์ ตายในฝ่ายจิตวิญญาณและฝ่ายวิญญาณจริงๆ จิตวิญญาณของเขาตายแล้ว สิ่งที่เกี่ยวกับนิรันดร์นั้นไม่มีอยู่ในคนเหล่านั้น พวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับพระเจ้าเลย นั่นคือปัญหาของพวกเขา นั่นคือสิ่งที่อาจารย์เปาโลบอกให้กับพวกเขา ใจบาปของพวกเขาปิดไม่ยอมที่รับอาหารแห่งชีวิตของพระเจ้า…ถ้าเขาตายด้วยเงื่อนไขนี้ก็จะปิดทางของพระเจ้า ไม่มีอะไรที่จะบรรยายได้อีกแล้ว นั่นคือการตายในฝ่ายจิตวิญญาณ” (Lloyd-Jones, ibid., pp. 10-11)

“ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข” (โรม 8:6)

II. สอง คนที่ใจฝักในฝ่ายวิญญาณ

เราต้องกำจัดความคิดที่ว่าคริสเตียนใน “ฝ่ายเนื้อหนัง” อาจารย์เปาโลได้เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างผู้ไม่เชื่อและคริสเตียนที่แท้จริง ซึ่งอาจารย์เปาโลกล่าวไว้ในข้อเหล่านี้ “ซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุขb” อาจารย์เปาโลกล่าวไว้ดังนี้

“ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้ว ท่านก็มิได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง แต่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ แต่ถ้าผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์” (โรม 8:9)

ถ้าคนๆนั้นไม่มีพระเจ้าอยู่ในตัวเขาแล้ว คนนี้ไม่ใช่คริสเตียนอย่างแน่นอน การเปรียบเทียบระหว่างคนที่อยู่ฝ่าย “เนื้อหนัง” และคนที่อยู่ในฝ่าย “จิตวิญญาณ” ซึ่งระหว่างฝ่ายที่หลงหายและฝ่ายที่ได้รับความรอด

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กลับใจใหม่แล้ว คุณจะไม่อยู่ “ฝ่ายเนื้อหนังอีกต่อไป” ในเวลาที่คุณมาอยู่ใน “ฝ่ายวิญญาณ” ทันใดนั้นคุณก็บังเกิดใหม่ และโรม 8:9 จบอย่างนี้: ถ้าผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์” ถ้าผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระคริสต์

ตอนนั้น คุณไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ในเวลาที่คุณกลับใจใหม่และวางใจในพระคริสต์ “พระวิญญาณของพระคริสต์” (พระวิญญาณบริสุทธิ์) จะเข้ามาในใจของคุณและเป็นหนึ่งเดียวกับคุณพร้อมกับองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเยซูคริสต์ แต่คนโง่กลับพูดว่า “ฉันจะมาที่พระคริสต์ได้อย่างไร” แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของคุณ นั่นเป็นเพราะว่าพระวิญญาณจะทำให้คุณรับรู้เรื่องบาป ในเวลานั้นคุณจะรู้สึกเอือมระอากับชีวิตเดิมๆของคุณนั่นคือ “ใจในฝ่ายเนื้อหนัง” ทางเก่านี้ก็จะกลายเป็นเรื่องแปลกให้กับคุณ แล้วคุณก็วางใจในพระคริสต์ และพระวิญญาณก็จะมาเป็นหนึ่งเดียวกับคุณ ผมเคยได้ยินคนบอกว่า “ทำไม ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจิตใจขาวสะอาด ตอนนี้ฉันวางใจพระคริสต์!” ตอนนี้แหละคือเวลาที่พระวิญญาณมาเป็นหนึ่งเดียวกับคุณพร้อมกับพระเยซู นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์และองค์พระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์! พระวิญญาณเท่านั้นที่ทรงทำอย่างนั้นได้เพื่อคุณ

ดร. คาเกนเคยต่อต้านพระเจ้าได้ประมาณสองปี สุดท้ายท่านก็บอกว่า “พระเยซูพร้อมที่จะเป็นของผม” อีกไม่กี่นาทีถัดมาผมก็เข้ามาใกล้พระองค์” เขาก็รอด ณ เวลานั้น ส่วนการมาพบพระคริสต์ของผมนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ได้ฟังคำเทศนาเมื่อเดือนกันยายนปี 1961 ที่พระคริสต์ธรรมไบโอรา สิ่งที่ผมสามารถพูดได้นั่นคือพระเยซูทรงประทับที่นั่นและผมก็วางใจในพระองค์ด้วย และก็เป็นอย่างนั้นจริง! ตอนนี้ผมถึงรู้ว่าพระวิญญาณทรงทำให้ผมและเพื่อผม แต่ ณ เวลานั้นผมก็พบกับพระเยซูคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ และทุกสิ่งที่เป็นของพระคริสต์ก็เป็นของผม พระโลหิตของพระคริสต์ทรงชำระบาปของผม! พระองค์ก็ประทานชีวิตนิรันดร์ให้ผม! ผมบังเกิดใหม่แล้ว!

เราไม่สามารถที่จะศึกษารายละเอียดทั้งหมด หรือพยายามที่จะเลียนแบบสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ดร. คาเกน และผม ไม่อาจทำอย่างนั้น! ลองมองชีวิตที่ตายแล้วของคุณ ชีวิตในฝ่ายเนื้อหนังนั้น คุณจะรู้สึกเบื่อสิ่งเหล่านั้น หันจากชีวิตฝ่ายเนื้อหนังมาที่พระคริสต์ พระองค์จะช่วยคุณให้รอด พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้คุณ คุณก็จะบังเกิดใหม่!

มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเขียนจดหมายให้ผมว่า “กรุณาอธิษฐานเผื่อพี่ชายของผมเพื่อเขาจะเห็นว่าโลกนี้ให้เขาไม่ได้อะไรเลย” นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสนทนาว่า โดยบอกว่าโลกนี้ไม่สามารถให้อะไรคุณได้เลย นั่นคือจุดที่เริ่มต้นของความรู้สึก “ใจที่ฝ่ายอยู่กับเนื้อหนังนั้นตายแล้ว” แล้วคุณก็หันมาที่พระคริสต์และรับรู้ว่า “ชีวิตฝ่ายวิญญาณซึ่งเป็นชีวิตที่เต็มด้วยสันติสุข” (โรม 8:6)

ผมหวังว่าผมยังคงมีคำพยานดีๆที่จะนำมาเล่า แต่ที่ดีกว่านั้นนั่นคือ คาวินไม่เคยกลัวที่จะกล่าวคำพยาน ผมก็คิดอย่างนั้น และบางคนก็พยายามเลียนแบบตามนั้น ผมไม่อาจเป็นพยานดีเท่ากับนักพูดอย่างสเปอร์เจียน สิ่งที่ท่านรู้สึกก็เหมือนกับที่ผมมีนั่นคือพระคริสต์ทรงช่วยผมให้รอดพ้นจากความบาป ตอนที่ท่านสเปอร์เจียนอายุสิบห้าปี ท่านกล่าวว่า

      มันไม่มีอะไรจริงให้กับผมเท่ากับมือที่มีเลือดไหลออกมาและหนาม – มงกุฏบนศีรษะ บ้าน เพื่อน สุขภาพ ความสะดวกสบาย – นั่นคือเงาที่ปรากฏและจะจางหายไป…พระองค์คือพระเป็นเจ้าพระผู้ให้ชีวิตที่ดีที่สุด คือพระองค์ผู้ทรงเป็นน้ำพุแห่งชีวิตนิรันดร์ อย่างที่ผมเห็นพระคริสต์บนไม้กางเขนด้วยตัวเอง และเหมือนกับที่ผม [คิด] ท่ามกลางการทนทุกข์และความตาย [ผมคิดว่า] ผมเห็นความรักของพระองค์มาให้ผม และจากนั้นผมมองที่พระองค์ และร้องว่า -.

         รัก ผู้รักจิตวิญญาณของฉัน
         โปรดให้ฉันเข้ามาที่อ้อมกอดของพระองค์

ท่านกล่าวว่า “มา” และฉันจะบินไปที่พระองค์ และตอนที่พระองค์ปล่อยให้ฉันไปอีกครั้งหนึ่ง ฉันสงสัยว่าภาระของฉันอยู่ตรงไหน มันไปแล้ว! ในอุโมงค์นั้น คือที่ๆ… “ฉันพบพระองค์” ฉัน [เด็กผู้ชาย] คนหนึ่งได้พบพระเป็นเจ้าผู้กอปรด้วยสง่าราศี ฉันคือทาสของบาปคนหนึ่ง ที่ได้มาพบพระผู้ไถ่ ฉันเป็นลูกแห่งความมืด ได้มาพบพระผู้ช่วยและพระเจ้าของฉัน (C. H. Spurgeon, Conversion: The Great Change, Pilgrim Publications, n.d., p. 22)

เราจะอธิษฐานอย่างไรให้กับคุณเพื่อจะมีประสบการณ์แห่งสันติสุขสักนิดหนึ่งของท่านสเปอร์เจียนเหมือนตอนที่ท่านยังเด็กและอยู่ในช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคมปี 1850! “เด็กน้อยที่เป็นนักเทศน์” อย่างท่านสเปอร์เจียนพูดให้กับคนเป็นพันๆคนที่กรุงลอนดอนในระยะเวลาห้าปี! คุณอยากจะวางใจในพระเยซูคริสต์ในค่ำคืนนี้หรือไม่ พระเยซูเป็นเหมือนตอนนี้และสืบๆไป ถ้าคุณวางใจพระองค์ พระเยซูก็จะชำระความบาปของคุณโดยพระโลหิตอันประเสริฐของพระองค์ อาเมน

คุณอยากจะคุยกับเราเกี่ยวกับความรอด และการกลายมาเป็นคริสเตียนที่แท้จริงหรือเปล่า? ถ้าเช่นนั้น กรุณาลุกจากที่นั่งของท่านออกไปข้างหลังของห้องนี้ ดร. คาเกนจะนำพวกท่านไปยังห้องอธิษฐาน ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ตอบสนองนี้ด้วย

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย อาเบล พลูโฮมมี: โรม 8:5-9
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“How Helpless Guilty Nature Lies” (by Anne Steele, 1717-1778;

to the tune of “O Set Ye Open Unto Me”).

โครงร่างของ

คนในฝ่ายเนื้อหนังและคริสเตียนที่แท้จริง

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“เพราะว่า คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งของต่างๆซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็ปักใจในสิ่งของต่างๆซึ่งเป็นของพระวิญญาณ ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข เหตุว่าใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า เพราะหาได้อยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัติของพระเจ้าไม่ และที่จริงจะอยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัตินั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังจะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้ ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้ว ท่านก็มิได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง แต่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ แต่ถ้าผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์” (โรม 8:5-9).

(ยอห์น 3:7; ลูกา 15:24; โรม 8:6)

I.  หนึ่ง คนใจที่ฝักฝ่ายอยู่กับเนื้อหนัง I ยอห์น 2:15-16; เอเฟซัส 2:1, 5; 
 I โครินธ์ 2:14; โรม 8:6; ยอห์น 3:7.

II. สอง คนที่ใจฝักในฝ่ายวิญญาณ โรม 8:6, 9.