Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




พระคริสต์ – ผู้ที่โลกเห็นว่าไร้ค่า

(บทเทศนาตอนที่ 4 ในพระธรรมอิสยาห์ 53)
CHRIST – UNIVERSALLY DEVALUED
(SERMON NUMBER 4 ON ISAIAH 53)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นวันเสาร์ของวันที่ 16 เดือน มีนาคม ค.ศ. 2013 ณ คริสตจักร
แบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Saturday Evening, March 16, 2013

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3)


ดร. เอ็ดเวิร์ด เจ ยัง กล่าวว่า

แถบไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่อิสยาห์พยากรณ์เอาไว้นั้นเหมือนกับสิ่งที่ไม่น่าที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน คนพูดดีและสิ่งนั้นกล่าวถึง [พระคริสต์] พวกเขาอาจพึงพอใจกับจริธรรม คำสอนของพระองค์ และก็ประกาศว่าพระองค์คือคนดีและเป็นผู้เผยพระวัจนะที่ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้เดียวที่สามารถจะตอบปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นในโลกสังคมปัจจุบัน ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้เลยว่า พวกเขาคือคนบาปสมควรรับการถูกลงโทษตลอดไป และนั่นคือหนทางที่พระคริสต์ทรงถวายพระองค์เป็นเครื่องบูชา เพื่อชำระบาปนั้นและนำคนบาปกับพระเจ้ากลับมาคืนดีกัน มนุษย์ไม่อาจรับสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสถึงพระบุตรของพระองค์ เพราะพวกเขาต่างก็ปฏิเสธ [พระคริสต์] และมนุษย์ก็ไม่ยำเกรงพระองค์ (Edward J. Young, Ph.D., The Book of Isaiah, William B. Eerdmans Publishing Company, 1972, volume 3, p. 344).

ท่านลูเทอณ์กล่าวว่าพระธรรมอิสยาห์บทที่ห้าสิบสามคือหัวใจสำคัญของพระคัมภีร์ และผมก็เชื่อว่าสิ่งที่ท่านกล่าวนั้นว่าถูกต้อง ถ้าคุณเชื่ออย่างนั้น พระธรรมที่เราจะกล่างถึงนี้ก็จะสำคัญมากต่อคุณทีเดียว ผมเชื่อว่าพระคัมภีร์ข้อนี้คือข้อที่กล่าวได้อย่างชัดเจนถึงการที่มนุษย์ดูถูกพระคำของพระเจ้า คำว่า “ดูถูก” เราหมายถึง “การทำให้เลวลง” คำว่า “ทั้งหมด” เราถึงหมายถึง “ทุกวิถีทาง” นั่นเป็นเพราะว่ามนุษย์กลายเป็นคนบาปอย่างสิ้นเชิงโดยบรรพบุรุษแรกของเรา อย่างที่ท่าน Heidelberg Catechism กล่าวไว้ ความชั่วช้าของมนุษย์มา “จากการหลงผิดและไม่เชื่อฟังของบรรพบุรุษของเรา นั่นคืออาดามและเอวาในสวนเอเดน การหลงผิดนี้จึงเป็นเหมือนยาพิษที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเกิดมาเป็นคนบาป – เป็นทั้งความชั่วทางด้านความคิดด้วย” (The Heidelberg Catechism, Question seven). ความชั่วนี้สังเกตุได้จากการที่มนุษย์ต่อต้านพระเจ้า

“เหตุว่าใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า” (โรม 8:7)

และการตั้งตัวเป็นศัตรูนี้มาจนถึงในยุคของพระคริสต์ ผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า ความชั่วนี้จะเห็นได้จากการที่พวกทหารโรมันได้จับกุมพระองค์

“แล้วเขาก็ถ่มน้ำลายรดพระองค์ และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์” (มัทธิว 27:30)

ความชั่วช้านี้เห็นได้จากปีลาต

“โบยตีพระเยซูแล้ว ท่านก็มอบพระองค์ให้ถูกตรึงที่กางเขน” (มัทธิว 27:26).

ความชั่วช้านี้เห็นได้จากการที่ฝูงชนร้องตะโกนให้ตรึงพระองค์ไว้บนไม้กางเขน
ความชั่วช้านี้แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังเห็นกันอยู่

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3)

I. หนึ่ง ความเลวทรามทำให้มนุษย์ดูถูกและปฏิเสธพระคริสต์

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง…” (อิสยาห์ 53:3)

นี่คือการปฏิเสธที่มนุษย์ได้กระทำต่อพระองค์ในยุคปัจจุบันนี้ เราจะเห็นได้จากปกนิตยสารของอเมริกาอย่างเช่น ไทม์ และหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่เขียนในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและอิสเตอร์ ข่าวนี้มักจะกล่าวถึงเรื่องราวของพระคริสต์ออกมาเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนธันวาคมและและช่วงเดือนเมษายน แต่ถ้าดูเรื่องราวของพระเยซูจากการตีพิมพ์นี้ คุณไม่มีวันที่จะเข้าใจได้ เพราะพวกเขาเลือกภาพวาดตามยุคสมัยลงไว้ในปกนิตยสารเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง พวกเขาให้พวกนักศาสนศาสตร์สายเสรีนิมมาเขียน เพราะคนเหล่านี้ปฏิเสธว่าพระองค์ว่าพระบุตรของพระเจ้า และความรอดอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าการตีพิมพ์นั้นมาจากกลุ่มปนะเทศของสหราชอาณาจักร และจากนิตยสารทั่วโลก นอกจากนี้พระองค์ยังถูกต่อต้านอย่างเปิดเผยจากทางรายการทีวีและภาพยนต์ด้วยเช่นกัน

ถ้าคุณเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย คุณจะสังเกตเห็นว่าพวกอาจารย์ที่สอนในนั้นต่างก็พูดถึงพระคริสต์และคริสเตียนไปในทางที่ผิดๆ นอกจากนี้พวกเขาเหล่านั้นยังกล่าวเพื่อโจมตีพระคริสต์ด้วยเช่นกัน

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3)

เพื่อนที่โรงเรียนหรือที่ทำงานก็ตาม พูดถึงพระคริสต์แบบแช่งด่า และก็พูดถึงพระคริสต์ไปในทางที่เสียๆหายๆ

ถ้าคุณมาจากครอบครัวที่ไม่เป็นคริสเตียน คุณไม่สามารถขอการพึ่งพาจากคนเหล่านั้น! เพราะคุณรู้อยู่แก่ใจว่าพ่อแม่ญาติพี่น้องเหล่านั้นต่างก็ปฏิเสธพระผู้ช่วย มีคนหลายคนทีเดียวที่ต้องถูกเยาะเย้ยถึงในสิ่งที่คนพูดถึงพระคริสต์ – โดยเฉพาะผู้เชื่อในพระองค์ที่อยู่ในคณะแบ๊บติสต์อย่างเอาจริงเอาจัง ผู้เชื่อเหล่านั้นล้วนถูดชาวโลกนับว่าเป็นศัตรูของพวกเขา

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3)

II. สอง การทำชั่วของมนุษย์ทำให้พระคริสต์ทรงโศกเศร้าและเสียพระทัย

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์…” (อิสยาห์ 53:3)

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระองค์ทรงเสียพระทัย? ไม่มีอะไรอีกนอกจากการตั้งตัวเป็นศัตรูและการปฎิเสธพระองค์!

ตอนที่พระองค์ยังอยู่ในโลกนี้ พวกฟารีสี พวกธรรมจารย์ต่างก็ตั้งตัวเป็นศัตรู และปฏิเสธกับพระองค์อย่างเอาจริงเอาจัง พระองค์จึงทรงร้องไห้ออกจากส่วนลึกภายในว่า:

“โอ เยรูซาเล็มๆ ที่ได้ฆ่าบรรดาศาสดาพยากรณ์และเอาหินขว้างผู้ที่ได้รับใช้มาหาเจ้าให้ถึงตาย เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนืองๆ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ” (ลูกา 13:34)

จิตใจของพระองค์ทรงแตกสลายเพราะการโศกเศร้าเสียพระทัยนี้ เพราะเหตุบาปของมนุษย์ได้ตกลงมาที่พระองค์ในสวนเกทเสมเน คืนก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงที่กางเขน

“พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44)

พระเจ้าของฉันบังเกิดเพราะบาปของฉัน
   และนี่ก็โดยพระคุณและความเชื่อ
แต่พระองค์ต้องโศกเศร้าและเสียพระทัย
   ที่ต้องบังเกิดมาทนุษย์อยู่ในโลกนี้
ไม่มีใครที่จะสามารถทำได้เหมือนเช่นพระองค์
   ในความมืด ที่สวนเกทเสมเนนั้น!
ไม่มีใครที่จะสามารถทำได้เหมือนเช่นพระองค์
   ในความมืด ที่สวนเกทเสมเนนั้น!
(“Gethsemane” by Joseph Hart, 1712-1768; altered by the Pastor;
     to the tune of “Come, Ye Sinners”).

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระองค์ต้องพบกับความทุกทั้งทางด้านร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณ ใช่บาปของคุณหรือเปล่า? อะไรคือสาเหตุทำให้พระองค์มีความเศร้าโศกและเสียพระทัย? ถ้าไม่ใช่การตั้งตัวเป็นศัตรูและความชั่วช้าของคุณ ที่ทำให้การพิพากษาของพระเจ้าต้องลงมาที่พระองค์ ที่ทำให้พระองค์ต้องแบกเอาบาปของคุณที่สวนเกทเสมเนและจนถึงที่กางเขน?

เมื่อพระองค์ ผู้เป็นกษัตริย์ผู้ทรงพระสง่าราศี เสด็จมา
เพื่อนำผู้ที่พระองค์ไถ่ไว้กลับบ้าน
เมื่อนั้นเราจะร้องบทเพลงบทใหม่
สรรเสริญพระเจ้า! องค์พระผู้ไถ่!

ทรงแบกความอัปยศและการดูถูก
พระองค์ทรงถูกกระทำเพราะตัวฉันเอง
ทรงอภัยบาปของฉันโดยพระโลหิตของพระองค์
สรรเสริญพระเจ้า! องค์พระผู้ไถ่!
   (“Hallelujah! What a Saviour!” by Philip P. Bliss, 1838-1876).

อะไรที่ยังอยู่ภายในตัวคุณที่ทำให้พระองค์ต้องเศร้าและเสียพระทัย ตอนที่พระองค์ทรงมองดูคุณจากสวรรค์? พระองค์ทรงเศร้าและเสียพระทัยเพราะคุณ เหตุที่คุณดูถูกและต่อต้านพระองค์ แม้คุณอาจจะบอกว่าคุณรักพระองค์ก็ตาม แต่ใบหน้าของคุณบ่งบอกว่าคุณเกลียดและปฏิเสธพระองค์ กรุณาสัตย์ซื่อกับตัวเอง! ถ้าคุณไม่ดูถูกและปฏิเสธพระองค์ แล้วเหตุใดที่ทำให้คุณไม่ยอมที่จะวางใจในพระองค์? การทีคุณปฏิเสธที่จะวางใจในพระองค์นั้นคือเหตุผลใหญ่ที่ทำให้พระองค์เศร้าและเสียพระทัยในตอนเย็นนี้

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้…” (อิสยาห์ 53:3)

III. สาม การลุ่มหลงอยู่ในกิเลสทำให้มนุษย์ต้องหลบหน้าพระคริสต์

กรุณาดูไปที่ข้อนี้ในประโยคที่สาม

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ …” (อิสยาห์ 53:3)

ดร. กิลล์ กล่าวว่า “และเราหลบหน้าคือการที่เราไม่รับพระองค์ ทำยังกับพระองค์เป็นคนที่น่าขยะแขยงและน่ารังเกียจ และเหมือนกับพระองค์เป็นที่น่าเกลียด และเกลียดชังพระองค์ เยาะเย้ยพระองค์ ดูพระองค์ไร้ค่า” (John Gill, D.D., An Exposition of the Old Testament, The Baptist Standard Bearer, 1989 reprint, volume I, pp. 311-312).

จากธรรมชาติแห่งความชั่วของมนุษย์ทำให้พวกเขาหลบหน้าพระคริสต์ พวกเขาอาจจะเหมือนอย่างที่ ดร. ยัง กล่าวเอาไว้ “พูดสิ่งที่ดีๆและขอบคุณสิ่งต่างๆเกี่ยวกับพระองค์…[แต่] พวกเขาไม่เคยเลย แต่อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นคนบาป ที่สมควรที่จะถูกลงโทษตลอดไป และการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ที่ตายแทน เพื่อเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดาและเพื่อนำคนบาปกัลคืนดีกับพระเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่เคยรับในสิ่งที่อยู่ในพระบุตรของพระเจ้า” (เล่มเดียวกัน)

ศาสนาของคนที่ไม่เชื่อพระเจ้านั้นปฏิเสธพระคริสต์อย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้นยังบอกว่าพระองค์เป็นเพียวแค่ “ผู้เผยพระวัจนะ” หรือครูสอนศาสนา” นั่นแหละเหตุที่พวกเขาปฏิเสธความเป็นจริงเกี่ยวกับพระองค์อย่างที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ ลัทธิต่างๆก็ปฏิเสธพระองค์ พวกเขาปฎิเสธคริสต์ศาสนาดั้งเดิมและความเป็นจริงเกี่ยวกับพระองค์ “เพราะว่าถ้าคนใดจะมาเทศนาสั่งสอนถึงพระเยซูอีกองค์หนึ่ง” (2 โครินธ์ 11:4) พระเยซูทรงกล่าวล่วงหน้าว่า “ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้พยากรณ์เทียมเท็จเกิดขึ้นหลายคน” (มัทธิว 24:24) มีพระคริสต์เดียวที่แท้จริงนั่นคือผู้ที่พระคัมภีร์เดิมและใหม่กล่าวเอาไว้ ความคิดต่างๆที่พูดถึงพระคริสต์นั้นต่าง “เท็จการทั้งนั้น” หรืออย่างที่อาจารย์เปาโลกล่าวเอาไว้ “เพราะว่าถ้าคนใดจะมาเทศนาสั่งสอนถึงพระเยซูอีกองค์หนึ่ง” พวกมอร์มอนก็มีพระคริสต์เท็จ พวกพยานพยะโฮวาห์ก็มีพระคริสต์เท็จ พวกอีเวนจีลีคอล์ก็มี “พระวิญญาณของพระคริสต์ที่เท็จ” พวกจีนอสติส (gnostic) อย่างที่ ดร. มิเชลล์ ฮอร์ตัน อธิบายในหนังสือของท่านที่ชื่อ คริสเตียนที่ไม่มีพระเจ้า หรือ Christless Christianity (Baker Books, 2008). ผู้คนที่เชื่อในพระคริสตืเทียมเท็จนั้นก็จะพยายามหลบหน้าพระคริสต์ที่ปรากฏในพระคัมภีร์

และก็น่าเศร้าเพราะมันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในกลุ่มที่เรียกอีเวนจีลีคอล ดร. เอ ดับบริว์ โทเซอร์ ท่านเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีชื่อเสียงของกลุ่มอีเวนจีลีคอล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

      มีพระคริสต์จอมปลอมอยู่มากมาย [ปลอม] ท่ามกลางพวกเรา [อีเวนจีลีคอล] ในทุกวันนี้ จอห์น โอเวน ท่านเตือนผู้คนว่าในสมัยของท่านว่า “พวกได้จินตนากันพระคริสต์อย่างคุณเห็นและก็พอใจในพระคริสต์และความรอดตามที่พวกคุณจินตนากันไว้”…แต่ในความเป็นจริงนั้นมีพระคริสต์แท้เพียงผู้เดียว และพระเจ้าก็ตรัสว่านี่คือพระบุตรองค์เดียวของพระองค์…แม้ว่าแต่คนที่รึถึงฐานะของพระองค์ก็ยังไม่สามารถจำพระองค์ได้ เราได้รับการยืนยันว่าตอนที่พระองค์อยู่ในโลกนี้พระองค์คือพระเจ้าอยู่กับมนุษย์ แต่เราก็มองข้ามความสำคัญและความจริงเกี่ยวกับพระองค์ นั่นคือตอนนี้พระองค์สถิตอยู่บนบังลังก์ [บนสวรรค์] พระองค์คือมนุษย์ที่อยู่กับพระเจ้า ตามที่ปรากฏพระคมภีร์ใหม่จะกล่าวไว้ว่า ณ ตอนนี้ เวลานี้ มีมนุษย์คนหนึ่งอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้าเพื่อพวกเรา พระองค์ทรงเป็นมนุษย์อย่างกับอาดาม หรือโมเสส หรืออาจารย์เปาโล พระองค?คือมนุษย์ที่ทรงด้วยสง่าราสี ทุกวันนี้พระองค์ก็ยังเป็นมนษย์ และเชื้อแห่งการเป็นมนุษย์

      ความรอดไม่ได้มาโดยทาง “การยอมรับในการงานทำไว้สำเร็จ” หรือ “การตัดสินใจเพื่อพระคริสต์” สิ่งทั้งหมด การดำรงอยู่ ชัยชนะของพระเจ้า คือพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่อย่างมนุษย์ ผู้ที่ทรงไถ่ถอน [บาป] ของเรา และพระองค์ก็จ่ายค่าบาปนั้นโดยการสิ้นพระชนม์และเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อช่วยเราให้มีอิสระจากบาป นี่คือพระคริสต์ที่แท้จริง และไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เหมือนกับพระองค์ (A. W. Tozer, D.D,. “Jesus Christ is Lord,” Gems From Tozer, Christian Publications, 1969, by permission of Send the Light Trust – 1979, pp. 24, 25).

ธรรมชาติแห่งความชั่วแห่งใจของมนุษย์นั้นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเราต้องหลบหน้าจากพระคริสต์

“และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้” (อิสยาห์ 53:3)

IV. สี่ ความชั่วคือสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มองพระคริสต์อย่างไร้ค่า

ให้ดูตอนท้ายของข้อนี้ ขอให้เรายืนขึ้นและอ่านดังๆในตอนประโยคสุด้ทาย เริ่มด้วยคำพูดเหล่านี้ม “พระองค์ถูกเกลีดชัง….”

“ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3)

นั่งลงได้ ในขณะที่พูดถึงคำเหล่านี้ “เราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” นับเทศน์อย่าง “สเปอร์เจียนกล่าวว่า”

นี่น่าจะเป็นหลักการอธิษฐานสารภาพบาปให้กับคนทั่วโลก จากจุดที่สุงที่แห่งการเป็นพระมหากษัตริย์ลงมาถึงจุดต่ำต้อย [ต่ำสุด] อย่างลูกชาวไร่ชาวนา จากผู้ที่มีความรอบรู้ไปที่ๆไม่มีอะไรเลย จากที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกคนสู่ที่ๆไม่มีใครรู้จักและให้ความสำคัญ นี่ควรจะอยู่คำสารภาพบาปของเรา: เราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน”…จากจุดๆหนึ่ง “ไม่ได้นับถือท่าน [ก่อนที่พวกเขาจะกลับใจ]” (C. H. Spurgeon, “Why Christ is Not Esteemed,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1978 reprint, volume LIII, p. 157).

ในบทเทศนาเดียวกัน ชื่อหัวข้อ “พระคริสต์ไม่ได้รับการยอมรับนับถือ” ท่านสเปอร์ให้เหตุผลสี่อย่างที่กล่าวถึงทำไมคนถึงไม่นับถือพระองค์ม ทำไม้คนที่ไม่เชื่อถึงไม่เห็นคุณค่าของพระองค์ ไม่นมัสการพระองค์ เหตุผลของท่านสเปอร์เจียนมีไว้ดังนี้:

(1)  มนุษย์ไม่ให้เกียรติพระองค์เพราะว่าพวกเขาตั้งตัวสูงกว่าที่จะเป็น “การนับถือตัวเอง” ท่านกล่าวว่า “เอาพระคริสต์ออก…และก็นับถือตัวเองให้มากขึ้น ยิ่งเรายิ่งเชิดชูตัวเรา [ปิด] ประตูต่อพระองค์และต่อต้านพระองค์ การรักตัวเองป้องกันการรักพระผู้ช่วยให้รอด”

(2)  มนุษย์ไม่นับถือพระองค์เพราะว่าพวกเขายกโลกนี้สุงเกินไป สเปอร์เจียนกล่าวว่า “พวกเขาเทิดทุนโลกนี้ไม่ใช่เพราะเรารักมันแต่เพราะความโง่”

(3)  เราไม่เห็นพระองค์ไร้ค่าเพราะว่าพวกเขาไม่รู้จักพระองค์ สเปอร์เจียนกล่าว่า “ต่าวกันมากกับสองคำนี้การรู้เกี่ยวกับพระคริสต์ และการรู้จักกับตัวของพระคริสต์เอง…คนที่คิดพระองค์ไปในทางที่ผิดไม่เคยรู้จักพระองค์…’เราไม่นับถือพระองค์’…เพราะว่าไม่รู้จักกับพระองค์”

(4)  คนไม่เห็นคุณค่าของพระคริสต์เพราะว่าพวกเขาตายแล้วในด้านจิตวิญญาณ สเปอร์เจียนกล่าวว่า “ไม่ควรแปลกใจกับการที่เราไม่นับพระองค์ เพราะเราตายแล้วในฝ่ายวิญญาณ…เรา ‘ตายแล้วเหตุการล่วงละเมิดและบาป’ และเหมือนอย่างลาซารัสที่อยู่ในถ้ำเก็บศพ เราจะกลายเป็นคนชั่วและชั่วในทุกๆขณะที่ผ่านพ้นไป”


นี่คือเหตูผลต่างๆที่ท่านสเปอร์เจียนกล่าวถุงทำไมคนถึงปฏิเสธพระผู้ช่วยให้รอด นั่นคือความจริงที่พวกเขาเห็นพระองค์ไร้ค่า ผมก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าพระธรรมข้อนี้กำลังจะประยุกต์ใช้กับพวกคุณกันอย่างไร?

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3)

พระคำตอนนี้ทำให้คุณว่าคุณคือคนชั่วคนหนึ่งด้วยหรือเปล่า ใจของคุณยังแข็งกระด้างต่อพระคริสต์หรือไม่? ใจของคุณคิดสักนิดหรือเปล่าว่าคุณทำสิ่งชั่วเอาไว้ นั่นคือการปฏิเสธพระคริสต์และไม่ให้เกียรติพระองค์ ถ้าใจของคุณรู้สึกถึงสิ่งชั่วเช่นนี้ ผมขอบอกว่ามีทางเดียวที่ช่วยคุณได้นั่นคือพระคุณของพระเจ้า อย่างที่จอห์น นิวตันแต่วบทเพลงนี้เอาไว้

พระคุณพระเจ้า นั้นแสนชื่นใจ
   ช่วยได้คนชั่วอย่างฉัน
ครั้งนั้นฉันหลง พระองค์ตามหา
   ตาบอดแต่ฉันเห็น แล้ว

บ่วงมารวางไว้ ทุกข์ภัยหลายอย่าง
   ตามทางฉันพ้นมาแล้ว
แต่เพราะพระคุณ ฉันจึงคลาดแคล้ว
   พระองค์นำฉัน กลับบ้าน
(“Amazing Grace” by John Newton, 1725-1807).

ถ้าคุณยังรู้สึกว่ายังมีใจที่แข็งกระด้างและต่อต้านพระคริสต์ และคุณรู้สึกถึงความชั่วร้ายทุกอย่างที่ได้ปฏิเสธพระองค์ คุณจะยอมจำนนต่อพระคริสต์ในเวลานี่หรือไม่ คุณจะวางใจในพระคริสต์ คนที่ชาวโลกต่างพากันเกลียดชังและปฏิเสธหรือไม่? ตอนที่คุณเข้ามาวางใจในพระเยซูคุณจะได้รับความรอดและรอดจากบาปโดยสิ้นเชิง โดยทางพระโลหิตของพระคริสต์ผู้ทรงชอบธรรม อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยศิษยาภิบาล: อิสยาห์ 52:13-53:3
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“พระคุณพระเจ้า” (โดย John Newton, 1725-1807).


โครงร่างของ

พระคริสต์ – ผู้ที่โลกเห็นว่าไร้ค่า

(บทเทศนาตอนที่ 4 ในพระธรรมอิสยาห์ 53)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3)

(โรม 8:7; มัทธิว 27:20, 26)

I.   หนึ่ง ความเลวทรามทำให้มนุษย์ดูถูกและปฏิเสธพระคริสต์
อิสยาห์ 53:3ก.

II.  สอง การทำชั่วของมนุษย์ทำให้พระคริสต์ทรงโศกเศร้าและเสียพระทัย
อิสยาห์ 53:3ข; ลูกา 13:34; 22:44.

III. สาม การลุ่มหลงอยู่ในกิเลสทำให้มนุษย์ต้องหลบหน้าพระคริสต์
อิสยาห์ 53:3ค; 2 โครินธ์ 11:4; มัทธิว 24:24.

IV. สี่ ความชั่วคือสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มองพระคริสต์อย่างไร้ค่า อิสยาห์ 53:3d.