Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




การขออาหารให้คนบาป – ความคิดใหม่!

ASKING BREAD FOR SINNERS – A NEW THOUGHT!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนคร ลอสแอนเจลิส
เช้าวันของพระเป็นเจ้า 22 เมษายน มีนาคม ค.ศ. 2017
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Saturday Evening, April 22, 2017


จอห์น ซามูเอล คาเกน ได้อ่าน ลูกา 11: 5-13 ให้พวกเราแล้วแต่ผมอยากให้เราเปิดไปที่นานยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหน้า 1090 ในพระคัมภีร์ฉบับบ the Scofield Study Bible คำอุปมานี้กล่าวถึงเพื่อน ผมจะนำสาระสำคัญบางประการมากล่าวให้กับพวกท่านในค่ำคืนนี้

อันดับแรก อุปมานี้กล่าวถึงชายสาม

“ผู้ใดในพวกท่านมีมิตรสหายคนหนึ่ง และจะไปหามิตรสหายนั้นในเวลาเที่ยงคืนพูดกับเขาว่า เพื่อนเอ๋ย ขอให้ข้ายืมขนมปังสามก้อนเถิดพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน?” (ลูกา 11:5-6)

"เพื่อน" คนแรกคือคนที่มีขนมปังมากมาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระบิดา เพื่อนคนที่สองคือผู้ชายที่ขอขนมปัง เขาเป็นคริสเตียนที่ต้องการขนมปัง เพื่อนคนที่สามเป็นคนที่มากับคริสเตียน เขาเป็นคนที่หลงหายไป และเป็นคนที่ยังไม่ได้รับการช่วยกู้ นี่คือคนที่ต้องการขนมปัง คุณและผมที่เป็นคริสเตียนที่แท้จริงยืนอยู่ระหว่างพระเจ้ากับคนที่หลงหาย "ขนมปัง" ในคำอุปมานี้คืออะไร? ก่อนหน้านี้บางคนคิดว่าขนมปังเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง จริงอยู่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงตอบคำอธิษฐานในข้อ 13

“ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์?” (ลูกา 11:13)

แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่า "ขนมปัง" ไม่ใช่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ดร. จอห์น อาร์. ไรซ์ เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับอุปมาเรื่องนี้จากลูกา (Prayer: Asking and Receiving, Sword of the Lord, 1970, p. 70) เกี่ยวกับ "ขนมปัง" ดร. ไรซ์ กล่าวว่าเป็นพระคริสต์ "พระองค์คือขนมปัง" (ยอห์น 6:35) ก่อนหน้านี้ผมคิดว่า "ขนมปัง" คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ผมคิดผิด ขนมปังคือพระคริสต์ นี่เป็นที่ชัดเจนในพระคัมภีร์ใหม่ เกือบทุกบทพูดถึงพระเยซูว่าเป็น "ขนมปังแห่งชีวิต" ฟังสิ่งที่พระเยซูทรงตรัสไว้ในบทที่หกของยอห์น:

“เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก” (ยอห์น 6:33)

“เราเป็นอาหารแห่งชีวิต” (ยอห์น 6:35)

“เราเป็นอาหารแห่งชีวิต” (ยอห์น 6:48)

“เราเป็นอาหารที่ธำรงชีวิต” (ยอห์น 6:51)

“อาหารที่เราจะให้เพื่อเป็นชีวิตของโลกนั้นก็คือเนื้อของเรา” (ยอห์น 6:51)

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่บอกว่าพระเยซูเป็น "ขนมปังแห่งชีวิต"

เหตุใดคริสเตียนจึงพูดในลูกา 11: 6 "เพื่อนของฉัน ... มาหาฉันและฉันไม่มีอะไรจะให้เขา"? เพราะเราไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรให้พวกเขากิน "ขนมปังแห่งชีวิต" ได้! ในการประกาศและในการเทศนาของเราเราก็ไม่มีอำนาจที่จะให้ขนมปังชีวิตแก่พวกเขา! เรารู้ข่าวประเสริฐ แต่เรารู้สึกว่าเราไม่มีอำนาจ ดังนั้นเราจึงรู้ว่า "เพื่อนของฉัน ... มาหาฉันและฉันไม่มีอะไรจะให้เขา" (ลูกา 11: 6)

นั่นคือคำสารภาพของผม - "ฉันไม่มีอะไรจะให้เขา" นั่นคือสิ่งที่หนุ่ม ๆ หลายคนรู้สึกเมื่อไปเยี่ยมคริสตจักรแบ๊บติสต์ในทุกวันนี้ พวกเขารู้สึกว่าคริสตจักรไม่ได้ให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ในคริสตจักรแบ๊บติสต์ส่วนใหญ่ของพวกเขา "ไม่มีอะไรที่จะให้พวกเขา แต่เป็นเพียงเพลงร่วมสมัย" นี่คือจุดที่ผมเกลียดพวกเขา! พวกเขาทั้งหมดเป็นอย่างนั้นจริง! พวกเขาเป็นพวก "บูชาเพลง" และไม่มีอะไรที่จะทำให้คนบาปคิดว่าต้องการพระเยซู ฉันไม่มีอะไรจะให้เขา! ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไรนอกจากเพลง "นมัสการ" ที่จืดๆ ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไรที่จะให้เขา! ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไร! ไม่มีอะไรนอกจากความเหี่ยวแห้งที่เป็นเหมือนฝุ่น ไร้ชีวิตชีวา มีก็แต่อธิบายพระคัมภีร์เป็นข้อๆ ไม่มีอะไรนอกจากเพลง "นมัสการ" ที่ตายแล้วและการศึกษาคัมภีร์ที่น่าเบื่อและน่าเบื่อ ในคืนที่ผ่านมาคุณได้ยินอย่างนั้น! ไม่สามารถช่วยคนหนุ่มสาวได้เลย สิ่งเดียวที่มีชีวิตชีวาคือร้องเพลงนมัสการของวันอีสเตอร์ของ พอล แรเดอร์ ที่ชื่อ "Alive Again" เราถูกสะกดจิตโดยการนมัสการที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ผมต้องตะโกนและเหงื่อไหลเพื่อให้เราตื่นขึ้นมาร้องเพลงได้! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคริสตจักรของเราไม่สามารถนำคนหนุ่มสาวทีออกจากโลกได้! ไม่น่าแปลกใจที่เราเสียคนหนุ่มสาวที่เคยมีอยู่ในคริสตจักรไปถึง 90% ไม่น่าแปลกใจว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับผม ตอนผมยังเด็ก ไม่มีสิ่งใดในคริสตจักรที่ดึงดูดใจของผม มีก็แต่เหี่ยวแห้งและไร้ค่า ในคริสตจักรแรกที่ผมไปเป็นสมาชิกนั้นไม่มีอะไรจริงๆ การนัมสการแต่ละครั้งมีแต่ความว่างเปล่า ใจของผมว่างเปล่าเพราะพระเยซูไม่ได้อยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าการนมัสการทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเพื่อพวกผู้หญิงทั้งหลายในโบสถ์ กับผมแล้วไม่มีประโยขน์เลย! ลองดูที่ Charles Stanley ทางทีวีหรือ Paul Chappell บนอินเทอร์เน็ต มีแต่ความเหี่ยวแห้งไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรที่กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ว่าเป็นคำตอบสำหรับความบาป ความเหงา และชีวิตนิรันดร์ของพวกเขา "เพื่อนของฉันในการเดินทางของเขามาหาฉันและฉันไม่มีอะไรจะให้เขา" ผมเคยไปที่คริสตจักรของ Rick Warren ผมเคยไปที่คริสตจักรแบบติสที่หนึ่งในดัลลัส และไปที่คริสตจักรของ BBFI! พวกเขาดูเหมือนพวกขี้เหล้า แต่พวกเขากลับไม่มรู้ตัวเลยว่า "ไม่มีอะไรที่จะให้เขา”

คำตอบอยู่ในข้อ 9 และ 10

“เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน เพราะว่าทุกคนที่ขอก็จะได้ ทุกคนที่แสวงหาก็จะพบ และทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา มีผู้ใดในพวกท่านที่เป็นบิดา ถ้าบุตรขอขนมปังจะเอาก้อนหินให้เขาหรือ หรือถ้าขอปลาจะเอางูให้เขาแทนปลาหรือ หรือถ้าเขาขอไข่จะเอาแมงป่องให้เขาหรือเพราะฉะนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์?” (ลูกา 11:9-13)

พระเยซูตรัสทรงจบคำอุปมานี้ ด้วยการให้เราแสวงหา เคาะ และถามจนกว่าพระบิดาของเราในสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์ (ลูกา 11:13) ถามต่อ (นั่นคือสิ่งที่ภาษากรีกหมายถึง) หาต่อไป! เคาะต่อไป! ถามต่อไป!

คุณเห็นไหมเราต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการรับใช้ เราต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ก็พระเยซูดูเหมือนไม่สำคัญ - และหากพระเยซูจะไม่ได้สถิตอยู่ และจะไม่มีใครที่รอดได้! ในข้อ 8 พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า "

“เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้เขาจะไม่ลุกขึ้นหยิบให้คนนั้นเพราะเป็นมิตรสหายกัน แต่ว่าเพราะวิงวอนมากเข้า เขาจึงจะลุกขึ้นหยิบให้ตามที่เขาต้องการ” (ลูกา 11:8)

คำภาษากรีกที่แปลว่า "importunity" ใน KJV หมายถึง "ความเพียรที่ไร้ยางอาย" ความคงอยู่ – หมายความว่าเราต้องอธิษฐานขอฤทธิ์อำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับทุกการนมัสการ "มานา" ในถิ่นทุรกันดารจะเน่าถ้าชาวอิสราเอลพยายามที่จะรักษามันไว้ชั่วข้ามคืน เหมือนทุกวันนี้ การประชุมอธิษฐานและการรับใช้จะ "เน่าเสีย" เว้นแต่เราจะทำแบบไม่ "ละอายใจ" ในการอธิษฐาน การประชุมอธิษฐานทุกครั้งและนมัสการ!

เราได้ไล่พระเยซูออกจากการนมัสการของเรา – เช่นเดียวกับที่พระองค์ถูกขับไล่ออกจากคริสตจักรในเลาดีเซีย ในหนังสือวิวรณ์ เป็นเพียงแต่อุ่น ๆ ไม่มีไฟ! ไม่มีฟ้าร้อง! ไม่มีการร้องเพลงแบบไดนามิก! ไม่มีการเทศนา - เฉพาะแต่การอธิบายพระคัมภีร์! คุณไม่จำเป็นต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ได้สำหรับการเทศนาที่อธิบายพระคัมภีร์แบบนี้! เพราะเป็นสุนทรพจน์หรือเทศนาแบบใช้สมอง! การเทศนาประกาศข่าวดีนั้นมาจากใจ! จากใจ! จากใจ! " ด้วยว่าความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม" (โรม 10:10) ด้วยหัวใจ - ไม่ใช่ด้วยสมอง! ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใจของคนๆเดียว! พระคริสต์ต้องตรัสให้กับใจของคนๆนั้น หากไม่ใช่อย่างนั้นก็จะไม่มีใครที่รอดได้ หรือไม่มีใครจะฟื้นขึ้นมาได้ หรือไม่มีใครจะลิ้มรสอาหารแห่งชีวิตได้! พระเยซูคริสต์ถูกปิดจากการนมัสการแบบเป็นเพียงอุ่นๆ! ปิด! ปิด! ปิดประตูไม่ให้เข้ามา! ไม่ยอมให้เข้า ปิดประตูไม่ให้เข้ามา! ไม่ยอมให้เข้า ปิดประตูไม่ให้เข้ามา! พระเยซูตรัสว่า "เรายืนอยู่ที่ประตูและเคาะ" (วิวรณ์ 3:20) ทำไมพระองค์ถึงอยู่นอกคริสตจักรและเคาะประตู เพราะเราได้ปิดกั้นพระองค์ไว้ข้างนอก นั่นคือเหตุผล ถ้าเราไม่อ้อนวอนพระวิญญาณบริสุทธิ์ในทุกการนมัสการของเรา เราก็จะไม่มีพระเยซูทรงสถิตอยู่ในการนมัสการนั้นๆ! พระเยซูเสด็จมาเฉพาะเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่เฉพาะเมื่อเราอธิษฐานถึงพระองค์เท่านั้น! มีเฉพาะเมื่อเราอธิษฐานถึงพระองค์เท่านั้น! มีเฉพาะเมื่อเราอธิษฐานถึงพระองค์เท่านั้น! การนมัสการต่างๆของเราไม่มีชีวิตชีวามากไปกว่าพิธีกรรมของคาทอลิกตามคุณเคยเห็นแล้ว คุณเคยเห็นแล้ว ในความเป็นจริงมันแย่กว่าพวกคาทอลิกเสียอีก! และคุณรู้ว่าผลพูดถูกต้อง!

“เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน” (ลูกา 11:6)

และ "ขนมปัง" ที่ชายคนนั้นถามในเวลาเที่ยงคืนนั้นคืออะไร? เขาต้องการอะไรเมื่อเขาเคาะประตูของเพื่อนบ้าน ขนมปังที่เขาหาและขนมปังที่เขาเคาะ และขนมปังที่เขาขอคือพระเยซูคริสต์ อะไรที่คนบาปต้องการ? ในตอนท้ายของข้อ 13 พระเยซูตรัสว่า "พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงมอบพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ถามพระองค์" (ลูกา 11:13) หมายเหตุ Scofield บอกว่าพลาดจุดที่นี่ นักอธิษฐานไม่ได้ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับตัวเอง เขากำลังอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับเพื่อนที่สูญหายของเขา นั่นคือผู้ที่จะไม่วางใจพระเยซู เว้นเสียแต่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดใจของเขาและพาคนนั้นไปหาพระเยซู!

“เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน”

ถ้าพระเจ้าไม่ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามคำอธิษฐานของคุณ คุณก็จะไม่มีอะไรที่จะให้คนบาปที่หลงหายไป! ดร. จอห์น อาร์. ไรซ์ กล่าวว่า

พระเยซูไม่ได้ใช้คำพูดแบบเจาะจง จนกว่าจะถึงตอนท้ายของบทเรียนนี้ ... การอธิษฐาน ว่าพระองค์กำลังสอนเหล่าสาวกให้อธิษฐานเพื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์... ผู้ซึ่งนำการฟื้นฟู การทำให้คนบาปสำนึก และเปลี่ยนแปลงพวกเขา ผู้ทรงให้สติปัญญาและอำนาจและความเป็นผู้นำแก่คนของพระเจ้า! เมื่อเราอธิษฐานขอขนมปังสำหรับคนบาป เราหมายความตามนั้นจริงๆ... พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า (Rice, ibid., p. 96)

ตอนนี้ผมกำลังพูดให้กับคนที่ยังไม่ได้รับความรอด พระเยซูคริสต์คือขนมปังในคำอุปมานี้ พระเยซูคริสต์คือสิ่งที่คุณต้องการมากกว่าสิ่งอื่นใด! เว้นไว้แต่ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาหาคุณในช่วงการนมัสการในคริสตจักรของเรา หากไม่เป็นเช่นนั้นท่านจะไม่มีวันสำนึกบาปของท่าน พระเยซูตรัสว่า "

“เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้สึกถึงความผิดบาป” (ยอห์น 16:8)

เรากำลังอธิษฐานขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาเพื่อทำให้คนบาปที่หลงหายไปเช่นที่คุณรู้สึกถึงบาปใหญ่ที่อยูในใจของคุณ เพื่อทำให้คุณรู้สึกถึงความบาปที่อยู่ลึกในหัวใจที่แข็งกระด้างของคุณ ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เคยทำให้คุณรู้สึกใด ๆ คุณก็จะไม่รู้สึกว่าต้องการพระคริสต์

จากนั้นเราต้องอธิษฐานขอด้วยว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำคุณไปหาพระคริสต์เพื่อความรอด เพราะพระผู้ช่วยให้รอดทรงตรัสว่า

“พระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้สึกถึงความผิดบาป และถึงความชอบธรรม และถึงการพิพากษา” (ยอห์น 6:44)

เราต้องอธิษฐานขอพระเจ้าทรงนำคุณมาที่พระคริสต์ เพราะว่าพระเยซูเท่านั้นที่ทรงสามารถช่วยคุณให้รอดจากบาปและนรกได้

จนถึงบัดนี้คุณถึงเคยได้ยินข่าวประเสริฐเท่านั้น คุณเคยได้ยินว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปของคุณ คุณเคยได้ยินมาว่าพระโลหิตของพระเยซูสามารถล้างบาปของคุณ และทำให้คุณชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า คุณได้ยินมาว่าพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ และคุณได้ยินว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ในสวรรค์อธิษฐานเผื่อคุณ คุณเคยได้ยินข้อเท็จจริงเหล่านี้แล้ว แต่คุณไม่เคยมีประสบการณ์ส่วนตัวเหล่านั้นมาก่อนในชีวิตของตัวเอง และคุณจะไม่มีวันสัมผัสกับข้อเท็จจริงที่น่าอัศจรรย์เหล่านั้นได้หากคุณเพียงแค่นั่งอยู่ในโบสถ์ในวันอาทิตย์ เพียงแค่ได้ยินเกี่ยวกับพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำอีก บางสิ่งบางอย่างที่ต้องมากกว่านั้น นอกจากได้ยินข้อเท็จจริงเหล่านั้นแล้ว ต้องเกิดขึ้นกับคุณเองหรือมีประสบการณ์โดยตรงด้วย หากไม่เป็นเช่นนี้คุณจะไม่มีวันได้รับการช่วยกู้!

พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องเสด็จลงมาและทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองมีบาป พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องเสด็จลงมานำคุณมาหาพระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องเสด็จลงมาและทำให้การเป็นสภาพมนุษย์ของคุณพบกับพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ แต่จะต้องอาศัยการอัศจรรย์สำหรับคุณที่จะนำมาถึงผู้ช่วยให้รอด การอัศจรรย์เท่านั้นสำหรับคุณที่จะบังเกิดใหม่อีกครั้ง และพระวิญญาณของพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถทำให้ความมหัศจรรย์เหล่านั้นเกิดขึ้นได้ในชีวิตของคุณ ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทรงสถิตอยู่เพื่อช่วยชีวิตฝ่ายวิญญาณของคุณ ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่อยู่ในการรับใช้ของเรา ถ้าพระองค์ไม่สถิตอยู่ ที่เราสามารถทำได้ก็เพียงแค่พูดเท่านั้น

“เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน” (ลูกา 11:6)

นั่นคือเหตุผลที่เราได้อธิษฐานเผื่อความรอดของคุณ นั่นคือเหตุผลที่เรายังคงถามต่อไป นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังแสวงหาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังเคาะอย่างต่อเนื่องและเราจะทำเช่นนั้นจนกว่าพระเจ้าจะทรงเปิดสวรรค์ และทรงประทานพระวิญญาณของพระองค์ให้เปลี่ยนแปลงคุณ และประทานชีวิตนิรันดร์! พระเยซูตรัสว่า "พระบิดา [จะ] ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ทูลถามพระองค์" (ลูกา 11:13) และเรากำลังอธิษฐานเพื่อคุณ เรากำลังขอให้พระเจ้าส่งพระวิญญาณของพระองค์ทำให้คุณทราบถึงความบาป และนำท่านเข้าสู่พระคริสต์ด้วยประสบการณ์แห่งการเปลี่ยนใจใหม่! พระคริสต์จะทรงชำระล้างบาปของคุณด้วยโลหิตของพระองค์ พระคริสต์จะทรงทำให้คุณกลายเป็นคนที่ธรรมของคุณและมอบใจที่รักพระเจ้าและเกลียดชังบาป พระองค์จะทรงเอาใจหินออกเสียและประทานจิตใจของเนื้อหนังให้แก่ท่าน "ฉันอธิษฐานเพื่อคุณ" หรือ “For you I am praying” ร้องเพลงนี้ในท่อนรับ!

ฉันอธิษฐานเพื่อคุณ ฉันอธิษฐานเพื่อคุณ
   ฉันอธิษฐานเพื่อคุณ
ฉันอธิษฐานเพื่อคุณ
(“I Am Praying For You,” S. O’Malley Clough, 1837-1910)

คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเราอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตอนที่ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ผมนั่งกับ ดร. เกน ตอนนั้น ทอม เซิย ได้เข้ามาและได้รับความรอดเพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์งตอบคำอธิษฐานแล้ว! อาเมนและอาเมน!

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ท่าน โนอาห์ ซอง: ลูกา 11:5-13.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคท กรี่ฟฟี่:
          “I Am Praying For You” (S. O’Malley Clough, 1837-1910).