Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




“แต่ถ้าไม่” – คนของพระเจ้าในบาบิโลน

“BUT IF NOT” – GOD’S MEN IN BABYLON
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนครลอสแอนเจลิส
ช่วงเย็นวันของพระเป็นเจ้า 3 ธันวาคม ค.ศ. 2017
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, December 3, 2017

“ผู้ใดที่มิได้กราบลงนมัสการ ก็ให้โยนผู้นั้นทันทีเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ เพราะฉะนั้นพอประชาชนได้ยินเสียงแตรทองเหลืองขนาดเล็ก ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่และเครื่องดนตรีทุกชนิด บรรดาชนชาติ ประชาชาติทั้งปวงและภาษาทั้งหลาย ก็กราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงจัดตั้งไว้คนยิวสามคนไม่ยอมกราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำเพราะฉะนั้น ในครั้งนั้นพวกเคลเดียบางคนมาเข้าเฝ้า และฟ้องพวกยิวด้วยใจคิดร้าย” (ดาเนียล 3:16-18)


ห่างจากบ้าน 1,500 ไมล์ พวกเขาเป็นวัยรุ่นเท่านั้น เมืองนี้เต็มไปด้วยศาสนาเท็จแอลกอฮอล์และบาป พวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้โดยที่พ่อแม่ของพวกเขาไม่รู้! แต่พวกเขารู้ว่าพระเจ้ากำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่

พวกเขาถูกพรากไปจากบ้านของพวกเขาเมื่อเนบูคัดเนสซาร์รุกรานเยรูซาเล็ม ท่ามกลางคนเหล่านั้นมีชายหนุ่มสี่คน พวกเขาไม่เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ พวกเขาแข็งแกร่งและฉลาดกว่า พวกเขาคือพวกไม่ยอมแพ้ - ที่ดีที่สุดและที่สุด พวกเขาเป็นนักกีฬา แต่พวกเขาก็นักศึกษาเกรด "A" ดังนั้น กษัตริย์จึงทรงเลือกและฝึกฝนพวกเขาให้เป็นคนฉลาด เมื่อจบการศึกษาพวกเขาจะเป็นที่ปรึกษาพิเศษของกษัตริย์ได้

พวกเขายังเด็กมาก นักวิชาการคาดว่าทั้ง 4 คนนี้เป็นวัยรุ่น - ประมาณอายุ 17 หรือ 18 ปี พวกเขาอยู่ในมหาวิทยาลัยของกษัตริย์ในดินแดนของศาสนาอิสลามห่างจากบ้านเกิด1,500 ไมล์

ทุกวันนี้ชายหนุ่มที่จะใช้ชีวิตในลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยจะ! ส่วนใหญ่พวกเขาจะเมา พวกเขาจะเข้าร่วมงานเลี้ยงปาตี้ พวกเขาจะเอาสิ่งที่เรียนรู้ในมหาวิทยาลัยนั้นมาใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปฏิเสธการดำรงอยู่ของพระเจ้า พวกเขาอาจได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกับคนในสมัยของโลท พวกเขาได้ทิ้งพระเจ้าออกจากชีวิตของพวกเขา เช่นเดียวกับโลทเองเมื่อเขาหนีออกจากงานปาร์ตี้ในเมืองโสโดม พวกเขาอาจสูญเสียชีวิตของพวกเขา "ด้วยความวุ่นวาย" - เหมือนบุตรน้อยหลงหาย พวกเขาคบหาเพื่อนที่หลงหายและหลงไหลกับวิถีชีวิตที่อยู่กับวัตถุนิยมและสูญเสียทางของพวกเขาเช่นเดียวกับอับราฮัมที่ตอนที่เออ แห่งชาล์ดีส ของ ช่น เดมัส เพื่อนของเปาโลได้ทำ "เดมัสทอดทิ้งเราไปรักโลกนี้" (2 ทิโมธี 4:10)

แต่แม้เด็กยิวเหล่านั้นอยู่ห่างไกลจากบ้านไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่บาบิโลน พวกเขาไม่เคยทำสิ่งชั่วหรือทำตัวเหลวไหล! พวกเขาอยู่ภายใต้บัญญัติของโมเสก ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรักษาความเชื่อได้ เขาไม่กระทำตัวให้เป็นมลทินด้วยเหล้าองุ่นของกษัตริย์หรืออาหารของกษัตริย์ พวกเขายังคงซื่อสัตย์กับพระเจ้าและคำสอนทางศาสนาที่พวกเขาเรียนรู้ที่บ้าน พวกเขาเหมือน FOB เด็กที่มาจากประเทศจีน พ่อแม่ของพวกเขาส่งพวกเขามาเรียนที่นี่อยู่ห่างไกลจากบ้านของพวกเขาคือจีน ขอบคุณพระเจ้าบางคนมาโบสถ์และได้รับการช่วยกู้ แล้วคุณจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายชาวยิวเหล่านี้ที่พวกเขาตกเป็นทาสในบาบิโลน

ดาเนียลเป็นผู้นำของชายหนุ่มเหล่านี้ เขาอาจจะอายุน้อยกว่าอีกสามคนนั้นเสียอีก แต่ธรรมชาติเขามีความเป็นผู้นำ เขานำอีกสามคน เขามีความสามารถในการเป็นผู้นำเช่น จอห์น คาเกน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมรู้สึกว่าจอห์นต้องมาเป็นศิษยาภิบาล แม้ผู้ชายที่โตกว่าจอห์นยังต้องติดตามเขา เพราะเขาเป็นผู้นำ แบบดาเนียลเป็นนักอธิษฐาน ดาเนียลเป็นชายหนุ่มที่มีจุดมุ่งหมายและเชื่อในพระเจ้า ดาเนียลเป็นผู้เผยพระวจนะ ท่านได้สั่งสอนกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์และท่านได้เห็นบรรดาคนที่อยู่ในราชสำนักของกษัตริย์ กษัตริย์มีความเชื่อมั่นอย่างมากในแดเนียล พระองค์ทรงทำให้แดเนียลกลายเป็นชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงตอนอายุแค่ประมาณยี่สิบปี แต่ดาเนียลไม่เคยลืมเพื่อนทั้งสามของพวกเขา ชื่อของพวกเขาคือชัดรัคเมชาคและเอเบดเนโก ดาเนียลยังช่วยขอให้เพื่อนชาวฮีบรูทั้งสามคนนั้นของเขาได้รับตำแหน่งสูงในรัฐบาลบาบิโลนอีกด้วย

ชายหนุ่มทั้งสามคนนี้ได้ผ่านการทดสอบถึงความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า และตอนนี้พวกเขาได้รับตำแหน่งสูงเพราะความสัตย์ซื่อของพวกเขา เมื่อพระเจ้าทรงทราบว่าพระองค์ทรงสามารถวางพระทัยในบุคคลคนหนึ่ง พระองค์ก็จะประทานงานสำคัญให้แก่คุณด้วย บุคคลเหล่นั้นได้เตือนผมให้นึกถึง โนอาห์แจ็ค และอาโรน พวกเขายังหนุ่มอยู่ แต่พวกเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมัคนายก เพราะเรารู้ว่าพวกเขาสามารถทำพันธกิจของพระเจ้าได้ และพระเจ้ารู้ทรงดีว่าพระองค์สามารถไว้วางพระทัยว่าพวกเขาจะสามารถผ่านการทดสอบที่ยากขึ้นได้

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เริ่มมีอำนาจขึ้นและมีชื่อเสียงเลื่องลือ ในความภาคภูมิใจของเขากษัตริย์นี้ ทำให้พระองค์ทรงทำรูปปั้นขนาดใหญ่ของตัวเองขึ้นมา สูงประมาณเก้าสิบฟุตและทำด้วยทองคำหรือบุด้วยทองคำ เนบูชเนอซาร์สร้างรูปปั้นขนาดยักษ์นี้ขึ้นมาบน "ที่ราบลุ่มของดาระ" (ดาเนียล 3: 1) ตอนนี้ฟังลองฟังดาเนียล 3: 4-6

“โอ บรรดาชนชาติ ประชาชาติทั้งปวงและภาษาทั้งหลาย มีพระบัญชาแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อท่านได้ยินเสียงแตรทองเหลืองขนาดเล็ก ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ให้ท่านทั้งหลายกราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำ ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงจัดตั้งไว้ ผู้ใดที่มิได้กราบลงนมัสการก็ให้โยนผู้นั้นทันทีเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่” (ดาเนียล 3:4-6)

การตีความหลักของประสบการณ์นี้คือพระเจ้าทรงดูแลคนอิสราเอลคนแห่งพันธสัญญาระหว่างที่ถูกจองจำในบาบิโลน นั่นคือการตีความและการประยุกต์ใช้ ลองดูในพระธรรม 2 ทิโมธี 3: 16-17 บอกเราว่า "พระคัมภีร์ทุกข้อได้รับการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์" แก่คริสเตียนในทุกวันนี้ ข้อความนี้ในดาเนียลบอกเราอย่างไรว่าคริสเตียนควรดำเนินชีวิตอย่างไร ชายหนุ่มชาวฮีบรูสามคนถูกบังคับบูชารูปหล่อทองคำพร้อมกับทุกคนในบาบิโลน พวกเขาถูกกดดันให้สอดคล้องกับฝูงชนเพื่อ "ก้มลงและนมัสการรูปทองคำที่กษัตริย์ทรงหล่อขึ้น" (ดาเนียล 3: 5)

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เป็นประเภทหรือภาพของซาตานในที่นี้ พันธสัญญาใหม่เรียกซาตานว่า "เจ้าแห่งโลกนี้" (2 โครินธ์ 4: 4) ซาตานเรียกร้องให้เราก้มกราบนมัสการมัน แต่พระเยซูคริสต์ทรงเรียกเราแตกต่างออกไป พระคริสต์ตรัสว่า

“ไม่มีใครสารถรับนายสองคน...เจ้าไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเงินทอง (สิ่งของ)” (มัทธิว 6:24)

คุณต้องเลือกระหว่างซาตานที่เรียกคุณให้ก้มลงกราบวัตถุนิยม หรือพระเจ้าผู้ทรงเรียกคุณให้นมัสการพระองค์เพียงผู้เดียว พระเจ้าตรัสว่า "เจ้าอย่ามีพระอื่นใดนอกจากเรา" (อพยพ 20: 3) นั่นเป็นหนึ่งในบัญญัติสิบประการ

ชายหนุ่มชาวฮีบรูสามคนนี้คือชัดรัคเมชาคและเอเบดเนโกก็ต้องเลือก พวกเขาก้มลงกราบรูปหล่อทองคำนี้หรือ? หรือว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะก้มลงกราบนมัสการรูปเคารพทองคำนี้? ชายหนุ่มเหล่านี้มีหลายทางเลือก พวกเขากล่าวได้ว่า "เป็นหน้าที่ของเราในฐานะพลเมืองที่จะกราบไหว้และเชื่อฟังพระมหากษัตริย์" หรืออาจกล่าวได้ว่า "นี่เป็นเรื่องของรูปเคารพเท่านั้น พระเจ้าทรงรู้ดีว่าในใจของเรา เรารักพระองค์แม้ว่าเราจะก้มลงกราบรูปเคารพ" พระคัมภีร์กล่าวว่า "ท่านจงเลือกในวันนี้เพื่อที่จะปรนนิบัติ" (โยชูวา 24:15)

เมื่อเราเข้าใกล้สิ่งที่โลกเรียกว่า "วันหยุดพักผ่อน" ทุกคนจะต้องเลือกว่าจะเอาทางไหน คุณจะก้มหัวให้ซาตานหรือคุณจะซื่อสัตย์กับพระเจ้า? คุณจะอยู่ในคริสตจักรในวันคริสต์มาสหรือจะวิ่งหนีไปที่ลาสเวกัส? คุณจะอยู่ในโบสถ์ในวันส่งท้ายปีเก่าหรือจะวิ่งหนีไปร่วมงานเลี้ยงอื่น? คุณจะน้อมตัวลงกับรูปหล่อทองคำแห่งวัตถุนิยมในอเมริกันหรือคุณจะอยู่ในคริสตจักรกับคนของพระเจ้าหรือไม่? ผมถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากคริสเตียนพวกอีเวนเจลิคอล์สที่อ่อนแอ พวกเขากล่าวว่าผมเข้มงวดเกินไป พวกเขากล่าวว่าตามกฎหมายคุณมีสิทธิ์เลือกระหว่างพระเจ้าและแมมมอน แต่พวกเขาลืมไปว่าผมไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยกดังกล่าว ผมไม่ได้ทำให้เกิดการแตกแยกกันและกัน แต่พระคริสต์เป็นผู้กระทำ พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า "ไม่มีผู้ใดสามารถปรนนิบัตินายสองคนได้" พระคริสต์ตรัสว่า “ท่านไม่สามารถปรนนิบัติพระเจ้าและเงิน" (มัทธิว 6:24) พระเยซูตรัสกับเราว่า"

“จงแสวงหาแผนดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองคืก่อน” (มัทธิว 6:33)

พระคัมภีร์ฉบับ The Reformation Study Bible กล่าวถึงมัทธิว 6:33 ว่า "เราต้องทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าก่อน และความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระองค์เป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุดในชีวิต ... พระเจ้าจะตอบสนองทุกความต้องการของผู้ที่แสวงหาพระองค์ก่อน" (อ้างจากมัทธิว 6:33)

ครอบครัวและเพื่อนฝูงของคุณจะทำดีให้คุณเพื่อพยายามดึงคุณออกไปจากคริสตจักรในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ พวกเขาจะเรียกคุณว่าเป็นคน "แปลกๆ" หรือ "คลั่งไคล้" ถ้าคุณอยู่ในคริสตจักรในช่วงเวลาเหล่านั้นแทนการวิ่งไปที่ลาสเวกัสซานฟรานซิสโกหรือที่อื่น! คุณจะต้องตัดสินใจว่าจะกราบไหว้รูปเคารพของพวกเขาหรือรับใช้พระเจ้าที่คริสตจักรนี้! คุณจะต้องตัดสินใจ!

พ่อของผมเองก็โกรธและตะโกนใส่ผม ตอนที่ผมเลือกอยู่กับพี่น้องในคริสตจักรจีนในช่วงวันส่งปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พ่อตะโกนใส่ผมว่า "ทำไมร่วมฉลองปีใหม่กับคนจีนแทนครอบครัวของคุณ?" ผมไม่ได้โต้แย้งกับพ่อ ผมยังคงอยู่ในคริสตจักรในวันคริสต์มาสและปีใหม่ ผมเชิญท่านไปคริสตจักรกัลผม แต่พ่อปฏิเสธและบอกว่า "เจ้าเป็นคนที่สร้างความแตกแยกในครอบครัว! พ่อก็ไม่ยอมไปคริสตจักรกับผม! "

คุณเห็นหรือยังว่านี่คือนิสัยที่แตกต่างกันระหว่างคริสเตียนที่มีแต่ชื่อและคริสเตียนที่แท้จริง! ถ้าคุณติดต่อกับพวกอีเวนเจลิคอลส์ใหม่ คุณจะเห็นว่าศาสนาของพวกเขาคือการประนีประนอม - ประนีประนอมกับมาร! จริงๆแล้วมันทำให้คุณไม่สามารถแต่งงานกับคนหนุ่มสาวคนหนึ่งของเราที่เป็นคริสเตียนอย่างจริงจังได้ พวกเขาประนีประนอมและละทิ้งความจริงของพวกเขา หรือคุณละทิ้งการประนีประนอมของคุณและกลายเป็นคริสเตียนที่แท้จริงแทนชื่อผู้เผยพระวจนะ สำหรับเราแล้วจะไม่ยอมประนีประนอม! ดังนั้นคุณอาจจะคุ้มเคยกับสิ่งเหล่านี้ - ไม่ว่าจะไปที่คริสตจักรอื่น! ซี เอส ลุยส์ กล่าวว่า "ฉันเป็นคนต่างชาติที่ได้กลับใจใหม่ อยู่ท่ามกลางโปลิตาน” อย่างที่ปลิงกล่าวว่า "ตะวันออกอยู่ทิศตะวันออกและตะวันตกอยู่ทิศตะวันตกและไม่มีวันที่สองฝ่ายนี้จะมาเจอกันได้" พวกอีเวนเจลิคอลศนิยมคือ พวกอีเวนเจลิคอลศนิยมe และ ฟันดาเมนทอล์นิยมคือฟันดาเมนทอล์นิยม และไม่มีวันที่สองอย่างนี้จะมาเจอกัน และมาร่วมกับเราและกลายเป็นคริสเตียนที่แท้จริงได้! จงละทิ้งศาสนาแห่งอีเวนเจลิคอลศนิยม ใหม่! ยอมแพ้! มากับเราและกลายเป็นคริสเตียนแท้จริง

คุณรู้ไหมว่า ไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ถึงผู้ประกาศข่าวประเสริฐของพวกอีเวนเจลิคอลส์ที่ทำลายคน เหล่านี้เลย พระเจ้าทรงสถิตกับพวกเขาในระยะสั้นหรือไม่กี่เดือน - ที่โรงเรียนหรือคริสตจักรของพวกเขา - และต้องใช้ปาฏิหาริย์ของพระเจ้าเพื่อให้คุณมาร่วมกับเรา! มันจะนำความมหัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คุณคิดเช่นเรา! จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ กล่าวว่าคนที่เรียนรู้ศาสนาคริสต์เพียงเล็กน้อยไม่ค่อยได้รับสิ่งที่เป็นจริง ดร. เคอร์ติ ฮัทสันเขียนหนังสือเล่มเล็ก ๆ ชื่อว่า “New Evangelicalism, the enemy of Fundamentalism” เขาพูดถูกต้อง พวกเขาเป็นศัตรูของเรา เราทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้กับพวกเขา - แต่พวกเขาจะโจมตีเราเสมอ! ทำไม? เพราะพวกเขาไม่ชอบคริสเตียนที่จริงจังนั่นคือเหตุผล! ผมเป็นคนนอกที่กลับใจที่อยู่ท่ามกลางนักประกาศเหล่านั้น! ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้ว่าไม่จำเป็นที่จะให้พวกเขาชอบความเชื่อของผมและพูดกับผม! คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยว่าถ้าคุณต้องการประสบการณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงและกลายเป็นคริสเตียนที่แท้จริง!

คุณเห็นว่าพวกอีเวนเจลิคอลส์สมัยใหม่ไม่เชื่อในพระคัมภีร์จริงๆ พวกเขาไม่เชื่อจริงๆว่าใจของพวกเขาเป็น "หลอกลวงและสิ้นหวังชั่วร้าย" ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่เชื่อตามที่กล่าวเอาไว้ในเยเรมีย์ 17: 9 พวกเขาคิดว่าพวกเขาไม่เลวเท่าคนอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงจะเข้าสู่สวรรค์เพราะพวกเขาไม่ชั่วเท่าคนอื่น ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่เชื่อพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า "เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง" (ลูกา 18:14); "ขอทรงค้นดูข้าพระองค์ และทรงทราบจิตใจของข้าพระองค์ ขอทรงลองข้าพระองค์ และทรงทราบความคิดของข้าพระองค์ และทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใด ๆ ในข้าพระองค์หรือไม่" (สดุดี 139: 23, 24) ผู้พวกอีเวนเจลิคอลส์สมัยใหม่ไม่เชื่อเรื่องบาป เพราะพวกเขาไม่ได้ถือเอาพระคัมภีร์เป็นหลัก พวกเขาแก้ตัว เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถกลับใจใหม่ได้ พวกเขาเป็นพวกนอกรีตได้ ดร. ดับบรัว โทเซอร์ กล่าวว่า "หนังสือที่กล่าวถถึงความจริงมากที่สุดในโลกคือพระคัมภีร์ พระเจ้าทรงเป็นความจริง และความบาปก็เป็นเช่นนั้นแหละ ความตายและนรกผลของความบาปที่นำไปสู่นรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" (Born After Midnight).

ชายหนุ่มเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ - อีเวนเจลิคอลส์ พวกเขาไม่เคยถูกวางยาพิษด้วยความรู้สึกที่ผิดเท็จและพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาบาป แคร์รัค เมชาค และเอเบดเนโกเป็นแกนนนำหลัก พวกเขาเกรงกลัวพระเจ้า พวกเขากลัวพระเจ้ามากจนเต็มใจที่จะถูกเผาทั้งเป็นมากกว่าที่จะยอมกราบไหว้รูปเคารพของกษัตริย์ พระคัมภีร์กล่าวว่า "ความเกรงกลัวพระเจ้าคือจุดเริ่มต้นของความรู้" (สุภาษิต 1: 7) แต่พวกอีเวนเจลิคอลส์ใหม่ไม่กลัวพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า "ในแววตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้า" (โรม 3:18) เอาตัวเองทดสอบ ว่าคุณกลัวพระเจ้าเหมือนคนหนุ่มหล่านี้หรือไม่? หรือมี "ในแววตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้า"? ถ้าไม่มีการเกรงกลัวพระเจ้า คุณก็เป็นพวกอีเวนเจลิคอลส์สมัยใหม่ คุณควรจะกลัวพระเจ้า! คุณได้รับการบอกเล่าจากพระคัมภีร์ว่าคุณหลงหาย! นี่เตือนสติคุณไหม? มันทำให้คุณตื่นขึ้นในเวลากลางคืนและตกกลัวนรกหรือไม่? ถ้าคุณไม่ได้รับสารพิษจากคนใหม่ที่คุณสัมผัส เป็นพิษ! เป็นพิษ! เป็นพิษ! คุณควรจะกลัวพระอัชญาของพระเจ้า!

กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า "ถ้าเจ้าไม่นมัสการ จะต้องโยนเจ้าทันทีเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ และผู้ใดเล่าจะเป็นพระเจ้าที่จะช่วยให้เจ้าพ้นจากมือของเราได้?" (ดาเนียล 3:15)

ชายหนุ่มทั้งสามคนนี้กลับใจใหม่แล้ว พวกเขาเกรงกลัวพระเจ้า พวกเขาเชื่อในพระเจ้า พวกเขาได้เรียนรู้หลายปีก่อนที่จะไม่ปฏิบัติตามบาปของชาวบาบิโลน พวกเขาเรียนรู้ที่จะยืนอยู่ฝ่ายพระเจ้า!

กล้าเหมือนดั่งดาเนียล
   กล้าที่จะอยู่ฝ่ายพระเจ้าเท่านั้น!
กล้าที่จะยืนหยัดตามเปาหมาย!
   กล้าที่จะให้คนอื่นรู้!
(“Dare to be a Daniel,” Philip P. Bliss, 1838-1876)

ยืนขึ้นและร้องเพลง!

กล้าเหมือนดั่งดาเนียล
   กล้าที่จะอยู่ฝ่ายพระเจ้าเท่านั้น!
กล้าที่จะยืนหยัดตามเปาหมาย!
   กล้าที่จะให้คนอื่นรู้!

ผมเป็นแค่เด็กหนุ่ม ผมอยู่คนเดียว! ผมไม่มีเงิน! ไม่มีใครสนับสนุนผม! ดร. กรีน มองมาที่ผมและพูดว่า "ถ้าคุณไม่หยุดตอบคำถามของอาจารย์ และปฏิเสธพระคัมภีร์ คุณจะไม่สามารถเป็นศิษยาภิบาลคริสตจักรเคลือแบ๊บติสต์ใต้ได้” ผมได้เรียนรู้ที่จะยืนอยู่คนเดียวเพื่อพระเจ้า ผมได้ทำหน้าที่ของผมผ่านทางวิทยาลัย ผมทำงาน 16 ชั่วโมงในวันเจ็ดวันต่อสัปดาห์ – เพื่อที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนในวิทยาลัยและวิทยาลัย ผมเรียนรู้ถึงการเกรงกลัวพระเจ้ามากกว่ากลัวมนุษย์ ดร. กรีน กล่าวว่า ว่า "ถ้าคุณไม่หยุดตอบคำถามของอาจารย์ และปฏิเสธพระคัมภีร์ คุณจะไม่สามารถเป็นศิษยาภิบาลคริสตจักรเคลือแบ๊บติสต์ใต้ได้”

ผมมองเท่านและพูดว่า "หากนี่คือสาเหตุ ผมก็ไม่อยากเป็นด้วย!" ผมไม่ต้องการอย่างใดอย่างหนึ่ง หากนั่นคือสาเหตุ! ผมไม่อยากเป็นด้วย!

กล้าเหมือนดั่งดาเนียล
   กล้าที่จะอยู่ฝ่ายพระเจ้าเท่านั้น!
กล้าที่จะยืนหยัดตามเปาหมาย!
   กล้าที่จะให้คนอื่นรู้!

ผมไม่ได้รับความปลอดภัย! ผมคิดว่านี่เป็นจุดสิ้นสุดของอาชีพของผม ผมคิดว่าสามสี่ปีที่เรียนในพระคริสตธรรมนั้นก็สูญเปล่า แต่ผมไม่สนใจอีกต่อไป ผมต้องยืนหยัดเพื่อพระคัมภีร์! ผมต้องทำถึงแม้ว่าจะทำให้ผมไม่มีคริสตจักรที่จะรับใช้! แม้ว่าพวกเขาจะโยนผมเข้าไปในเตาเผาที่เร่าร้อนก็ตาม! แม้ว่าผมอาจรับใช้ในคริสตจักรอีกก็ตาม!

ถ้านั่นเป็นอุปสรรค – ผมก็ไม่ต้องการอีก! ผมกลัวหรือไม่? แน่นอนต้องกลัว! แต่ผมเพิ่งเขียนเรื่องราวชีวิตของผมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นี่คือชื่อของหนังสือชีวะประงัติของผม - Against All Fears!

นักเทศน์ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงหลายคนได้รับรองหนังสือของผม โดยข้อความของพวกเขาอยู่บนหน้าปกหนังสือ! ดร. บิล มอนโร อดีตผู้อำนวยการสมาคมพระคัมภีร์แบ๊บติสต์กล่าวว่า "ไฮเมอร์ส เป็นดาเนียลในสมัยนี้ และเหมือนดาเนียลในสมัยในสมัยบาบิโลน - ท่ามอยู่ในเมืองลอสแอนเจลิส อ่านเรื่องราวของเขาแล้วจะได้รับพระพรเช่นเดียวกับที่ผมได้รับ! " ดร. นีล วีเวอร์ ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแบ็บติสต์รัฐหลุยเซียนาเขียนว่า "ไฮเมอร์สไม่กลัวที่จะต่อสู้กับความเชื่อผิดทั้งหมด ผู้ชายคนนี้ ดร. อาร์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เป็นเพื่อนที่ดีไปตลอต"

ดร. เฮอร์เบิร์ต เอ็ม รอลิงส์ ลูกชายของ ดร. จอห์น ลิงส์และซีอีโอขององค์กรรอลิงส์ กล่าวว่า “ไฮเมอร์ส คือ "อต้นฉบับเมริกันดั้งเดิม! มีวิสัยทัศน์! ชีวิตของเขาแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของเขาในการกระตุ้นให้คนอื่นยืนหยัดเพื่อพระคริสต์" ดร. เดน เดวิดสัน ผู้เป็นศิษยาภิบาลในซานตาอานาแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า "สิ่งกีดขวาง ... ไม่อาจรั้นในเส้นทางแห่งการทำพันธกิจของ ดร. ไฮเมอร์ส – แต่ ดร.ไฮเมอร์ส เอาชนะพวกเขาทั้งหมด!"

ศจ. โรเจอร์ ฮอฟแมน เขียนว่า "ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทศน์หรือไม่ก็ตาม มันจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณและเพิ่มความเชื่อของคุณ"

ดร. โรเบิร์ต เอล ซอมเนอร์กล่าวว่า "ผมชื่นชมกับผู้ชายคนหนึ่งที่เต็มใจที่จะยืนหยัดเพื่อความจริง แม้ว่าจะมีเรื่องขัดแย้งกับเขามากมายก็ตาม โรเบิร์ต เลสลีย์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์เป็นแบบอย่างให้กับคริสเตียนทุกคน"

ดร. เพจ แพตเตอร์สัน ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยพระคริสตธรรมแบ๊บติสต์ใต้ (the Southern) ได้เขียนว่า "Against All Fears เป็นหนังสือที่กล่าวถึงเรื่องราวที่น่าทึ่งและน่าอัศจรรย์ของ โรเบิร์ต เอล ไฮเมอรส์ นักเทศน์ที่ซื่อสัตย์ต่อการประกาศข่าวประเสริฐ จงอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคุณจะได้รับพระพร"

ดร. บ๊อบ โจนส์ที่สาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยบ๊อบโจนส์เขียนว่า "อัตชีวประวัติของเขา ทำให้เขาเป็น ... เหมือนผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิม ... ผมกับพ่อภูมิใจที่มีเพื่อนอย่าง ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์”

ดร. กรีนตัน เอล ชาน เขียนว่า "อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วความกลัวของความล้มเหลวจะบินออกไปทางหน้าต่าง! คุณจะได้รับการเติมพลังจากชีวิตของ ดร. ไฮเมอร์ส จงอ่านหนังสือเล่มนี้! มันจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ"

ดร. เอดิ พูร์วานโต แห่งอินโดนีเซียกล่าวว่า "เมื่อพระเจ้าทรงสถิตกับชายคนหนึ่ง พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้ใครเอาสามารถเอาชนะได้ ดร. ไฮเมอร์ส เป็นวีรบุรุษผู้รอดชีวิตจากสงครามแห่งความตาย"

ผมสามารถอ่านและเขียนต่อไปได้ แต่พอแล้ว ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเช่นเดียวกับเชดรัคเมชาคและเอเบดเนโก เป็นเพียงแค่ผู้ชายที่เกรงกลัวพระเจ้าพอที่จะไม่ยอมก้มหัวให้กับพวกเสรีนิยมที่ปฎิเสธพระคัมภีร์เท่านั้น – ปฏิเสธเสรีนิยมโดยไม่ให้ฮอลลีวู้ดสร้างหนังใส่ร้ายพระเยซู เพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมก้มหัวลงให้กับริชาร์ดโอลิเวียสหรือลอสแอนเจลิสไทม์สหรือทุกทีวีข่าวในอเมริกา เพียงแค่ผู้ชายคนหนึ่งเช่นเชดรัชเมชาคและเอเบดเนโก!

เราจะไม่ระวังที่จะตอบคุณในเรื่องนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพระเจ้าผู้ซึ่งเรารับใช้จะช่วยเราให้พ้นจากเตาผิงไฟลุกลามและพระองค์จะทรงช่วยเราให้พ้นจากพระหัตถ์ของพระองค์ แต่ถ้าไม่ใช่ (ฮ่าฮ่า - นั่นแหล่ะ!) "โอ ข้าแต่เนบูคัดเนสซาร์ ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องตอบพระองค์ในเรื่องนี้ ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระองค์ผู้ซึ่งพวกข้าพระองค์ปรนนิบัติ สามารถช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ โอ ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ก็จะทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นพระหัตถ์ของพระองค์ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น โอ ข้าแต่กษัตริย์ ขอพระองค์ทรงทราบว่า พวกข้าพระองค์จะไม่ปรนนิบัติพระของพระองค์ หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดตั้งขึ้น"

เพื่อนรักที่เป็นวัยหนุ่มสาวทั้งหลายของผม คุณเคยได้ยินผมสอนมาหลายครั้ง ผมภูมิใจในตัวคุณ! ผมดีใจที่คุณมารับความรอดในที่ทุกที่ๆผมไป แต่บางคนยังไม่ได้รับความรอด คุณต้องโยนกุญแจมือและโซ่ของพวกอีเวนเจลิคอลส์ใหม่ทิ้ง! คุณต้องมาหาพระเยซู คุณต้องโยนตัวเองในพระผู้ช่วยให้รอดที่สิ้นพระชนม์เพื่อคุณ มาที่พระเยซู พระองค์ทรงช่วยคุณได้ พระองค์ทางสามารถอภัยบาปของคุณและประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่คุณ คุณพูดว่า "พระองค์อาจจะไม่ทรงช่วยฉัน" ผมขอตอบโดยใช้คำพูดของวีรบุรุษชาวฮีบรูนั้นว่า "แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น โอ ข้าแต่กษัตริย์ ขอพระองค์ทรงทราบว่า พวกข้าพระองค์จะไม่ปรนนิบัติพระของพระองค์ หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดตั้งขึ้น”! "

อะไรที่ทำไห้พวกเขาถึงมั่นใจเช่นนั้น? หากพวกเขาเชื่อมั่นในตัวเอง มารจะบอกว่าพวกเขาอ่อนแอมากแค่ไหน แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง พวกเขาวางใจในพระคริสต์ (เพราะพระองค์ทรงอยู่ในเตาหลอมกับเขา) "วางใจในพระเยซูคริสต์" คุณพูดว่า "นั่นคือทั้งหมดที่ฉันต้องการ ใช่หรือไม่?" นั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผมรู้เพราะมีหลายครั้งที่ผมไม่มีใครที่จะไว้ใจได้! ผมรู้สึกอ่อนแอและหมดหนทาง แต่พระเยซูคริสต์ทรงช่วยผมเสมอแม้ในความอ่อนแอของผม ผ่านทุกความอ่อนแอและการทดลองพระเยซูทรงทำให้ผมปลอดภัย ท่านสเปอร์เจียนกล่าวว่า "ถ้าคุณไว้ใจพระคริสต์และถูกสาปแช่ง ผมก็จะถูกสาปแช่งพร้อมกับคุณ เพราะความหวังเดียวของผมที่ได้รับความรอดอยู่ในพระคริสต์ ผมไว้ใจพระเยซูและพระองค์ทรงเป็นกำลังและความรอดของผม" มีเสียงหนึ่งจะบอก "พระองค์จะไม่ทรงช่วยกู้เจ้า" นั่นคือเสียงของพญามาร อย่าฟังมัน! พระเยซูไม่เคยทอดทิ้งทุกดวงวิญญาณที่วางใจพระองค์ ไม่ใครคนเดียวที่สูญหายไปยามที่มาวางใจในพระเยซู! และพระองค์เองก็ไม่ทรงประสงค์เช่นนั้นด้วย

การวางใจพระองค์คืออะไร? เหมือนกับการนอนบนเตียงในเวลากลางคืน ผมเชื่อว่าเตียงสามารถรับน้ำหนักของผมไว้ ผมนอนลงบนมันอย่างสบายใจ นั่นคือวิธีการไว้ใจพระเยซู ให้นอนลงที่พระคริสต์ จงวางใจในพระองค์ "ไม่ว่าในที่สูงหรือพายุแรง" จงเชื่อพระองค์แม้ว่า "ทุกดวงวิญญาณจะละทิ้งพระองค์ไป" "ฉันไม่กล้าไว้ใจเปลวไฟ แต่จะพึ่งพาพระนามของพระเยซูคริสต์" ยันหยัดกับพระเยซู แอนกายลงนอนที่พระองค์โยนเหมือนที่คุณล้มตัวลงนอนบนเตียงในเวลากลางคืน เตียงจะไม่ทำให้คุณตก พระเยซูจะไม่ยอมให้คุณล้มเหลว วางใจพระองค์ในขณะที่คุณวางใจในเตียงของคุณในเวลากลางคืน พระองค์จะค้ำจุนคุณแม้ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ผมรู้จากประสบการณ์ "แต่ถ้าไม่เป็นที่รู้จักแก่เจ้าโอข้า แต่กษัตริย์ข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่ปรนนิบัติพระทั้งหลายของพระองค์และนมัสการรูปทองคำซึ่งพระองค์ทรงตั้งไว้" วางใจในพระคริสต์! วางใจในพระเยซูคริสต์! พระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์ในสถานที่ของคุณเพื่อช่วยคุณรอด จงวางใจในพระองค์และพระองค์จะทรงช่วยคุณ "ในที่สูงและพายุแรง" ของชีวิต! ทุกสิ่งที่ล่อใจและความกลัว ความตาย พระเยซูจะไม่ทอดทิ้งคุณไป!

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงพิเศษก่อนเทศนาโดย นาย เบนจามิน คิมเกด กรีฟิฟฟี่:
“Dare to be a Daniel” (Philip P. Bliss, 1838-1876) .