Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




เมื่อพระเจ้าเห็นเลือด

WHEN GOD SEES THE BLOOD
(Thai)

เทศนาโดยดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนครลอสแอนเจลิส
ช่วงเย็นวันของพระเป็นเจ้า 27 สิงหาคม ค.ศ. 2017
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, August 27, 2017

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป”
(อพยพ 12:13)


คนฮีบรูย้ายไปที่อียิปต์ในช่วงกันดารอาหาร ในตอนแรกพวกเขาได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพนับถือ เพราะโยเซฟผู้บุตรชายของยาโคบที่เป็นผู้ปกครองประเทศและอยู่ภายใต้ฟาโรห์ผู้เดียวเท่านั้น ต่อมาคนอิสราเอลเติบโตขึ้นและทวีขึ้น พร้อมกับที่มีฟาโรห์องค์ใหม่ซึ่งไม่รู้จักโยเซฟมาปกครองประเทศ พระองค์กลัวว่าคนฮีบรูที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและจำนวนมากขึ้นเช่นนี้ จะเข้ามายึดครองแผ่นดินอียีต์ ดังนั้นพระองค์จึงกำจัดพวกเขาโดยให้ทำเป็นทาส และแล้วชาวฮีบรูได้อธิษฐาร้องทูลพระเจ้า แล้วพระองค์จึงทรงใช้โมเสสให้ไปปลดปล่อยพวกเขา แต่ฟาโรห์กลับทรงใช้ความรุนแรงและโหดเหี้ยมให้กับคนฮีบรู พระองค์ไม่ยอมปล่อยคนของพระเจ้าไป และแล้วพระเจ้าจึงส่งภัยพิบัติเก้าอย่างเข้ามายังอียิปต์ โมเสสได้มาหาฟาโรห์และกล่าวว่า "พระเจ้าของชาวฮีบรูตรัสดังนี้ว่า จงปล่อยคนของเราไปเสีย" แต่ฟาโรห์ไม่ยอมฟัง เพราะมีใจที่แข็งกระด้าง ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าจะส่งโรคระบาดอย่างที่สิบลงมา

“และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เราจะนำภัยพิบัติมาสู่ฟาโรห์และอียิปต์อีกครั้งเดียว หลังจากนั้นเขาจะปล่อยพวกเจ้าไป…” (อพยพ 11:1)

แล้วโมเสสมาหาฟาโรห์อีกครั้ง และกล่าวว่า

“และโมเสสพูดว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า ‘เวลาประมาณเที่ยงคืน เราจะออกไปท่ามกลางอียิปต์ และบุตรหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินแห่งอียิปต์จะต้องตาย เราจะผ่านไปในแผ่นดินแห่งอียิปต์ และเราจะประหารบุตรหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินแห่งอียิปต์” (อพยพ 11:4-5; 12:12)

แต่พระเจ้าไม่ทรงต้องการให้คนของพระองค์ถูกลงโทษ พระองค์ตรัสกับโมเสสว่า ให้คนฮีบรูแต่ละครอบครัวเอาลูกแกะมาฆ่า

“และพวกเขาจะเอาเลือดนั้นทาที่วงกบประตูทั้งสองข้าง และที่ไม้ข้างบน ณ เรือน…” (อพยพ 12:7)

ตอนนี้ให้ยืนขึ้นและอ่านพระธรรมอพยพ 12: 12-13 ดัง ๆ

“เพราะในคืนวันนั้น เราจะผ่านไปในแผ่นดินแห่งอียิปต์ และเราจะประหารบุตรหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินแห่งอียิปต์ ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ และเราจะพิพากษาลงโทษพระทั้งปวงของอียิปต์ เราคือพระเยโฮวาห์ และเลือดที่บ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกเจ้า และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป และภัยพิบัตินั้นจะไม่แตะต้องพวกเจ้าเพื่อทำลายพวกเจ้า ขณะที่เราประหารแผ่นดินแห่งอียิปต์ (อพยพ 12:12-13)

เป็นเวลาเกือบ 1,500 ปีแล้วที่ชาวยิวยังยึดถือปฏิบัตฺตามเทศกาลปัสกา พวกเขากินขนมปังไร้เชื้อ และเนื้อแกะ และอ่านพระคัมภีร์ในช่วงฉลองเทศกาลปัสกาเพื่อรำลึกถึงการปลดปล่อยจากการเป็นทาสจากชาวอียิปต์ นั่นคือชื่อ "ปัสกา" ซึ่งมาจากพระคำตอนนี้

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

ผมอยากให้พวกคุณนึกถึงข้อความนี้ตามสามประการนี้ ประการแรกความหมายของเลือด ประการที่สองประสิทธิภาพของเลือด และประการที่สามเลือดกับการนำไปประยุกต์ใช้

I. หนึ่ง ความหมายของเลือด

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

พระคำข้อนี้สำคัญอย่างไรกับเราในปัจจุบันนี้ ใช่เต็มไปด้วยความหมายเพราะเลือดที่หลั่งในเทศกาลปัสกาแรกชี้ไปที่พระโลหิตซึ่งพระเยซูเจ้าจะต้องหลั่งในเทศกาลปัสกา โอ้ใช่แล้ว วันปัสกาตคือวันที่พระเยซูถูกตรึงที่กางเขน

“พวกสาวกของพระองค์มาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงปรารถนาจะให้ข้าพระองค์ทั้งหลายไปจัดเตรียมปัสกาให้พระองค์เสวยที่ไหน?” (มาระโก 14:12)

พวกเขาเดินเข้าไปในห้องชั้นบนเพื่อกินอาหารและอ่านพระธรรมอพยพ 12:13,

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

อันดับแรก พระเยซูได้ทรงประทานขนมปังไร้เชื้อให้แก่เขา

“แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วย ขอบพระคุณและส่งให้เขา เขาก็รับไปดื่มทุกคน แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อคนเป็นอันมาก” (มาระโก 14:23-24)

พระคริสต์ได้ทรงสำแดงให้พวกเขาว่าเลือดที่พรมที่ประตูทางเข้าในอพยพ 12:13 เป็นภาพทชี้ถึงพระโลหิตซึ่งเป็นพันธสัญญาใหม่ ซึ่งพระองค์ทรงหลั่งลงบนไม้กางเขนในวันรุ่งขึ้น

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

ไม่ได้พูดถึงเลือดใด ๆ แต่พูดถึงโลหิตของ

“จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29)

เลือดที่ประตูบ้าน นั่นคือให้เรามองไปข้างหน้าและเป็นภาพโลหิตวาดที่ไถ่บาปของคนบาปจากการถูกทำลาย และเตรียมไว้ให้พวกเขาเข้ามาข้างใน

“และเพื่อจะได้บำรุงเลี้ยงคริสตจักรของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง” (กิจการ 20:28)

คุณอาจจะถามว่าทำไมโลหิตนี้จึงมีฤทธิ์เดช สเปอร์เจียนบอกว่า

หากพระคริสต์ทรงเป็นเพียงแค่มนุษย์ ... โลหิตของพระองค์คงล้างบาปของเราไม่ได้ แต่พระคริสต์ทรงเป็น “พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้า” พระโลหิตของพระคริสต์ที่หลั่งลงมาคือพระโลหิตของพระเจ้า มีนเป็นเลือดของมนุษย์ เพื่อพระองค์เป็นมนุษย์เหมือนอย่างเรา แต่พระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้า และมนุษย์โลหิตของพระองค์จึงมีฤทธิ์เดช ... เพราะบาปพระเจ้าจึงทรงบังเกิดมาและสิ้นพระชนม์เหมือนมนุษย์ โอ! ตอนที่เรานึกว่าพระคริสต์ทรงเป็นพระผู้สร้างโลก และทุกอย่างในจักรวาล อย่าให้เราสงสัยเลยว่าพระโลหิตของพระองค์ไม่สามารถล้างบาปเราได้ ... เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงสามารถ “พระองค์จึงทรงสามารถช่วยกู้คนบาปที่หาพระเจ้าได้” พระโลหิตของพระองค์คือโลหิตที่ลบล้างและช่วยให้เรารอดพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า (C. H. Spurgeon, “The Blood,” The New Park Street Pulpit, Pilgrim Publications, 1981 reprint, volume V, pp. 27-28)

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

เลือดบนเสาประตูเป็นภาพแสดงถึงพระโลหิตของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเยซูคริสต์

“เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นปัสกาของเรา” (I โครินธ์ 5:7)

นั่นคือความหมายของเลือด!

II. สอง ฤทธิ์เดชของเลือด

"เมื่อเราเห็นเลือด เราจะผ่านพวกเจ้าไป" (อพยพ 12:13)

“เราจะผ่านพวกเจ้าไป" ไม่มีการพิพากษาให้กับพวกคุณ ไม่มีคำสาปแช่งตกให้กับคุณ - หากคุณมีเลือดทาที่ประตู

“เพราะพระเยโฮวาห์จะเสด็จผ่านไปเพื่อจะได้ประหารคนอียิปต์ และเมื่อพระองค์ทรงเห็นเลือดที่ไม้ประตูข้างบนและที่วงกบประตูทั้งสองข้าง พระเยโฮวาห์จะทรงผ่านเว้นประตูนั้น และจะไม่ทรงยอมให้ผู้สังหารเข้าไปในบ้านของพวกท่าน เพื่อจะประหารพวกท่าน” (อพยพ 12:23)

พระเจ้าจะไม่พิพากษาคนที่มีเลือดพรมที่ประตู

“และท่านทั้งหลายจงเอากิ่งหุสบกำหนึ่งและจุ่มลงในเลือดที่อยู่ในอ่าง และป้ายเลือดนั้นไว้ที่ไม้ข้างบน และวงกบประตูทั้งสองข้างด้วยเลือดที่อยู่ในอ่าง…” (อพยพ 12:22)

เลือดบนเสาประตู - ทาไว้ด้านบน เลือดที่ทาทั้งสองข้างบนเสาด้านข้าง คือเลือดที่อยู่ในอ่างนืที่นำมาทาด้านล่าง และด้านบน และทั้งสองข้าง นั่นชี้ไปที่กางเขนของพระเยซูคริสต์!

ดูพระหัตถ์ พระเศียร และพระบาทของพระองค์
   ความเศร้าโศกและความรักไหลล้นลงมา
ความรักและความเศร้าโศกไหลมารวมกัน
   หรือมงกุฎที่เต็มไปหนามนั้น?
(“When I Survey the Wondrous Cross,” Isaac Watts, 1674-1748).

“ท่านรู้ว่า พระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลายออกจากการประพฤติอันหาสาระมิได้ ซึ่งท่านได้รับเป็นประเพณีต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิได้ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตอันมีราคามากของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่างพร้อย” (1 เปโตร 1:18-19)

มาร์ติน ลูเทอร์ ถามว่า

แล้วตอนนี้ล่ะ อะไรที่เป็นค่าไถ่และมีค่ามาก? มันไม่ใช่ทอง และเงินแต่เป็นพระโลหิตอันมีค่าของพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ทรัพย์สมบัติชิ้นนี้มีราคาแพง ที่ไม่สามารถที่จะจับด้วยมือของมนุษย์ พระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลาย ออกจากการประพฤติอันหาสาระมิได้ ซึ่งท่านได้รับเป็นประเพณีต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิได้ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตอันมีราคามากของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่างพร้อย (Luther, Exposition of I Peter 1:18-19)

พระโลหิตของพระคริสต์ตกสู่พื้นในสวนเกทเสมนี พระโลหิตของพระองค์ไหลลงมาตอนที่ถูกเฆี่ยนตีในห้องโถงของปีลาต มงกุฎเต็มไปด้วยหนามหน้าแทงศีรษะของพระองค์และโลหิตไหลลงมงเต็มพระเนตรของพระองค์ ตะปูเจาะมือและเท้าของพระองค์และโลหิตไหลออกมาตามไม้กางเขน จากนั้นทหารได้เจาะสีข้างของพระองค์

“แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที” (ยอห์น 19:34)

"[พระเจ้า]ทรงอนุญาตให้พระคริสต์ พระบุตรของพระองค์หลั่งโลหิตทั้งหมดให้แก่เราและทรงประทานสมบัติทั้งหมดอันมีค่านี้ให้แก่เรา (Luther, ibid.)

และ

“และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น” (1 ยอห์น 1:7)

ความผิดบาปทั้งหมดได้รับการชำระโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์! บาปทั้งสิ้น! ไม่มีบาปใด ๆ ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พระโลหิตของพระองค์จะไม่สามารถทำความสะอาดได้! ไม่มีบาปใด ๆ ที่โลหิตนี้ไม่อาจล้างออกได้ สามารถขับผีเจ็ดตนออกจากมารี แม็กดาลีน โลหิตนี้สามารถปลดปล่อยอำนาจของวิญญาณชั่ว สามารถรักษาแผลที่เป็นโรคเรื้อน ไม่มีโรคทางจิตที่ไม่สามารถรักษาได้ ไม่มีกรณีใดที่ยากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่ารังเกียจหรือเลวทรามก็ตามเพราะเป็นพระโลหิตของพระเยซูคริสต์

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

และนั่นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเลือด!

III. สาม เลือดต้องนำไปประยุกต์ใช้

ถ้าแกะนั้นถูกรัดคอหรือถูกวางยาพิษ ผู้ที่ถูกฆ่านั้นบุตรชายคนโตในครอบครัวจะต้องรับการลงโทษ ถ้าเนื้อแกะถูกฆ่าและเนื้อของมันผูกติดกับประตูบ้าน ผู้ที่ฆ่าก็จะต้องถูกพิพากษา ขอให้บรรดาผู้ที่กล่าวว่าไม่มีเลือดจงจดเอาไว้ ไม่ใช่การตายของลูกแกะเพียงลำพัง แต่เป็นเลือดของลูกแกะที่สร้างความแตกต่าง จริงแกะต้องตาย แต่พระเจ้าตรัสว่า

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

แต่เลือดที่เหลืออยู่ในอ่าง ไม่สามารถป้องกันการพิพากษาได้ ต้องประยกุต์ใช้ ต้องใช้หลายอย่างเข้าด้วยกัน

“และท่านทั้งหลายจงเอากิ่งหุสบกำหนึ่งและจุ่มลงในเลือด … และป้ายเลือดนั้นไว้ที่ไม้ข้างบน และวงกบประตูทั้งสองข้างด้วยเลือดที่อยู่ในอ่าง” (อพยพ 12:22)

เลือดต้องนำไปประยุกต์ใช หรืองั้งก็แบบไม่มีประโยชน์ใดๆเลย โอ้คนบาปจงรับพระโลหิตของพระเยซูคริสต์! บาปถูกล้างออกในพระโลหิตของพระเยซู!

“พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นบาปแล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญา โดยความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์ เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระองค์ในการที่พระเจ้าได้ทรงอดกลั้นพระทัย เพราะทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น” (โรม 3:24-25)

เป็นเรื่องแปลกที่ฉบับ NASV แปลข้อนี้ผิด ตามที่เรียกว่าตามตัวอักษร! "ผ่านทางความเชื่อในโลหิตของพระองค์" ผมไม่ชอบสลับไปมา นั่นเป็นเหตุผลที่ผมจะยึดแต่ฉบับ KJV เพราะเป็นฉบับแปลดั้งเดิมและเชื่อถือได้

“ความเชื่อผ่านในโลหิต”

เป้าหมายของความเชื่อคือพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ นั่นคือวิธีที่คุณต้องเชื่อมต่อ นั่นคือวิธีที่เลือดถูกนำมาใช้กับคุณ - "ความเชื่อผ่านในโลหิตของพระองค์"

"โอ้ไม่" มีคริสเตียนอีดเวนเจลิคอลบอกว่า "คุณไม่ได้รับการช่วยกู้โดยความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์!" ผมอยากจะรู้ว่าคุณจะรอดได้โดยปราศจากโลหิตนั้นได้อย่างไร! "ถ้าชายคนหนึ่งพึ่งพาโลหิต เขาอาจพินาศ" ไม่เคย! มันไม่สามารถเป็นอย่างนั้นได้! พระเจ้าจะไม่เป็นจริงให้ตัวของพระองค์เอง ถ้าพระองค์ยอมให้ท่านพินาศด้วยการพึ่งพาพระโลหิตของพระคริสต์

“ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ... ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก” (มัทธิว 26:28)

มีหลายคนที่ไม่รู้สึกว่าเลือดนี้จำเป็นต้องนำไปประยุกต์ใช้ แต่นั่นไม่สำคัญหรอกเพราะข้อความของเราไม่ได้บอกว่า คุณเป็นคนที่ต้องการเห็นเลือด ไม่นะ! บอกว่า

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

พระเจ้าคือผู้ที่ต้องการที่จะเห็นเลือดเท่านั้น พระเจ้าทรงเป็นผู้เดียวที่ต้องการเห็นหรือรู้สึกถึงเลือดที่ชำระล้างคุณจากความบาปทั้งหมด ไม่ได้กล่าวว่า "เมื่อคุณเห็นเลือด" ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับการชำระทำความสะอาดโดยใช้โลหิตของพระคริสต์ พระคัมภีร์บอกว่า "เมื่อเราเห็นมัน" ความเชื่อของคุณอาจไม่ดีมาก แต่ถ้าคุณมาหาพระเยซูและวางใจในพระโลหิตของพระองค์ พระเจ้าจะทรงเห็น พระองค์เท่านั้นที่เห็น และ

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

คนฮีบรูไม่สามารถมองเห็นเลือดได้ พวกเขาอยู่ในบ้านของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่บนไม้กางเขนและด้านข้างโพสต์นอกประตู แต่พระเจ้าสามารถมองเห็นเลือดได้ที่นั่น นั่นเป็นเงื่อนไขเดียวที่ความรอดของคนบาปขึ้นอยู่กับการที่พระเจ้าเห็นเลือดนำมาใช้กับคุณไม่ใช่เรื่องที่คุณเห็น จากนั้นมาหาพระเจ้าในการอธิษฐานและพูดว่า "ข้า แต่พระเจ้าขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดเพราะเห็นแก่พระโลหิตของพระคริสต์ ฉันไม่สามารถเห็นได้เช่นเดียวกับฉันควร แต่พระเจ้าคุณเห็นมันและคุณได้กล่าวว่า "

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป” (อพยพ 12:13)

“พระเจ้า พระองค์ทรงเห็นเลือด พระองค์ทรงเห็นว่าข้าพระองค์วางใจในฤทธิ์แห่งการช่วยกู้ ขอทรงโปรดอภัยและข้าพระองค์ให้ขาวสะอาด เพื่อให้เห็นพระโลหิตของพระคริสต์เพียงอย่างเดียว" จงอธิษฐานอย่างนั้นและมีความปรารถนาอย่างจริงใจ แล้วคุณจะได้รับการชำระล้างให้สะอาดในพระโลหิตของพระเยซูในเร็ว ๆ นี้!

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนา: มาระโก 14:12-25
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคท กรี่ฟฟี่:
“When I See the Blood” (John Foote, 19th century).


โครงร่างของ

เมื่อพระเจ้าเห็นเลือด

WHEN GOD SEES THE BLOOD

เทศนาโดยดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“และเมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป”
(อพยพ 12:13)

(อพยพ 11:1, 4-5; 12:12, 7)

I.   หนึ่ง ความหมายของเลือด มาระโก 14:12, 23-24; ยอห์น 1:29; กิจการ 20:28; 1 โคริน์ 5:7

II.  สอง ฤทธิ์เดชของเลือด, อพยพ 12:23, 22;
1 เปโตร 1:18-19; ยอห์น 19:34; 1 ยอห์น 1:7

III. สาม เลือดต้องนำไปประยุกต์ใช้ โรม 3:24-25;
มัทธิว 26:28