Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




คายาฟาส - ชายผู้ที่วางแผนฆ่าพระคริสต์!

CAIAPHAS – THE MAN WHO
PLANNED THE MURDER OF CHRIST!
(Thai)

เขียนบทเทศนาโดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
และเทศน์โดย จอห์น ซามูเอล คาเกน
คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนคร ลอสแอนเจลิส
เช้าวันของพระเป็นเจ้า 9 เมษายน มีนาคม ค.ศ. 2017
A sermon written by Dr. R. L. Hymers, Jr.
and preached by Mr. John Samuel Cagan
at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, April 9, 2017

“แต่คนหนึ่งในพวกเขา ชื่อคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้อะไรเสียเลย และไม่พิจารณาด้วยว่า จะเป็นประโยชน์แก่เราทั้งหลาย ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศเขามิได้กล่าวอย่างนั้นตามใจชอบ แต่เพราะว่าเขาเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น จึงพยากรณ์ว่าพระเยซูจะสิ้นพระชนม์แทนชนชาตินั้น และมิใช่แทนชนชาตินั้นอย่างเดียว แต่เพื่อจะรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่กระจัดกระจายไปนั้น ให้เข้าเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย” (ยอห์น 11:49-53)


เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงท้ายการทำพันธกิจของพระคริสต์ หลังจากที่พระเยซูยกลาซารัสขึ้นมาจากความตายแล้วพระองค์ก็ทรงปลิกตัวหนีออกไปในชนบท พระองค์ไม่ได้กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มจนกว่าจะถึงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถูกตรึงบนกางเขน บางคจะคิดว่าการยกลาซารัสจากความตายน่าจะทำให้ผู้นำศาสนา เกิดความเชื่อในพระองค์ แต่ก็ไม่ พระเยซูตรัสก่อนหน้านี้ว่า

“ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้พยากรณ์ แม้คนหนึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตาย เขาก็จะยังไม่เชื่อ” (ลูกา 16:31)

การอัศจรรย์ยังไม่สามารถทำให้คนกลับใจมาหาพระเจ้าได้ ตอนนี้เมื่อพวกมหาปุโรหิตและพวกฟาริสีเห็นว่าพระเยซูกำลังทำ "อัศจรรย์หลายอย่าง” พวกเขาจึงเรียกประชุมตามที่เรียกกันว่า “สภา” สมาชิกของเซนเฮดริน (ยอห์น 11: 47) และมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นที่สภานี้ คายาฟัสได้พยากรณ์ถูกต้องเพื่อต่อต้านพระคริสต์ หนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์ใหม่ อธิบายถึงเหตุการณ์: คายาฟาสเป็น "นักสู้นักฉวยโอกาสผู้ไม่รู้จักความหมายของความเป็นธรรมหรือความยุติธรรม... เขาไม่สำนึกจากการหลั่งโลหิตที่ไร้เดียงสา [เขาทำในสิ่งที่เขาทำ] ดูราวกับว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับความต้องการของประชาชน คายาฟาสอิจฉาพระเยซู คายาฟาสต้องการให้พระเยซูถูกสังหารเพื่อเป็นไปตามความต้องการของตนเอง เพื่อให้พระเยซูเขาถูกลงโทษ เขาจึงใช้วิธีการที่ชาญฉลาด ... เขาเป็นคนหน้าซื่อใจคดเพราะในการทดลองครั้งสุดท้าย ... เมื่อเขาเต็มไปด้วยความยินดีเพราะเขาได้พบสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นดิน สำหรับการลงโทษของพระเยซูคริสต์เขาฉีกเสื้อคลุมของปุโรหิตของเขาราวกับว่าเอาชนะด้วยความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง! อย่างเช่น คายาฟัส ลองดูที่ Josephus, Antiquities, XVIII, 4:3” (William Hendriksen, Th.D., New Testament Commentary, Baker Book House, 1981 edition, volume I, p. 163; note on John 11:49-50) จงสังเกตดูอีกครั้งว่ามหาปุโรหิตผู้ชั่วร้ายได้พยากรณ์ เช่นเดียวกับบาลาอัมในพระคัมภีร์เก่าคนชั่วนี้ทำจริงคำทำนายที่แท้จริง

“แต่คนหนึ่งในพวกเขา ชื่อคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้อะไรเสียเลย และไม่พิจารณาด้วยว่า จะเป็นประโยชน์แก่เราทั้งหลาย ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศเขามิได้กล่าวอย่างนั้นตามใจชอบ แต่เพราะว่าเขาเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น จึงพยากรณ์ว่าพระเยซูจะสิ้นพระชนม์แทนชนชาตินั้น และมิใช่แทนชนชาตินั้นอย่างเดียว แต่เพื่อจะรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่กระจัดกระจายไปนั้น ให้เข้าเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย” (ยอห์น 11:49-53)

พระคัมภีร์กล่าวว่า

“ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย” (ยอห์น 11:53)

หนึ่งสัปดาห์ต่อมาคายาฟาสส่งทหารไปจับกุมพระเยซูขณะที่พระองค์อธิษฐานในสวนเกทเสมนี คนเหล่านั้นพาพระองค์ไปหาคายาฟาสผู้ที่กล่าวแก่พระองค์ว่า "เราสั่งให้ท่านสาบานโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ให้บอกเราว่า ท่านเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าหรือไม่” (มัทธิว 26:63) พระเยซูตรัสตอบว่า"

“ขณะนั้นมหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตน แล้วว่า “เขาได้พูดหมิ่นประมาทแล้ว เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า ดูเถิด บัดนี้ ท่านทั้งหลายก็ได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทแล้ว ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร” คนทั้งปวงก็ตอบว่า “เขามีความผิดถึงตาย แล้วเขาถ่มน้ำลายรดพระพักตร์พระองค์และตีพระองค์ และคนอื่นเอาฝ่ามือตบพระองค์แล้วว่า “เจ้าพระคริสต์ จงพยากรณ์ให้เรารู้ว่าใครตบเจ้า?” (มัทธิว 26:65-68)

มหาปุโรหิตไม่มีอำนาจสั่งการผู้คน เพราะฉะนั้นคายาฟาสจึงลากพระเยซูไปให้ปอนติอุสปิลาตผู้ว่าราชการชาวโรมันและเรียกร้องให้ชาวโรมันตรึงพระองค์

เป็นการยากที่จะจัดเตรียมบทเทศน์เกี่ยวกับชีวประวัติเช่นนี้ แต่เป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่จะสรุปตารมสองข้อจากคำพูดและการกระทำของคนนี้ โจเซฟ คายาฟาสมหาปุโรหิตผู้วางแผนตรึงพระเยซูคริสต์บนกางเขน

I. หนึ่ง คายาฟาสคือผู้เชื่อที่เคร่งครัด และยังพูดความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อคนบาป

คายาฟาสคือลูกเขยของมหาปุโรหิตหลวงอย่างแอนนัส เขาดำรงตำแหนงนี้มานานกว่า 18 ปี และถือว่านานกว่าคนอื่นๆ ด้วย

แต่น่าเสียดายที่เราสามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นผู้คนแบบไหน ยกตัวอย่างเช่นหลายต่อหลายครั้งเมื่อตอนที่ ดร. ไฮเมอร์ส อายุยังน้อย ท่านถูกบอกว่า "คุณไม่สามารถสั่งสอนแบบนั้นได้" หรือ "คุณไม่สามารถเทศนาแบบนั้นได้" ในขณะที่หลายปีผ่านไปแล้วก็เห็นได้ชัดว่าคำแนะนำนี้ ผิด คนที่บอกเขาว่ากังวลเกี่ยวกับตำแหน่งมากกว่าความจริงตามที่ได้รับในพระคัมภีร์ นักเทศน์ไม่สามารถพอใจกับผู้ชายที่มีความห่วงใยเพียงอย่างเดียวกับการรักษางานของพวกเขาและไม่สร้างความรำคาญให้กับทุกคน คายาฟาสเป็นคนแบบนั้น เขารู้ว่าพระเยซูทรงทำ "ปาฏิหาริย์หลายอย่าง" (ยอห์น 11:47) แต่เขาสนใจเท่านั้นที่จะหยุดยั้งพระเยซูให้พ้นจากความได้เปรียบทางการเมือง เขาคิดว่า "ถ้าเราปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเราจะสูญเสียอะไรบางอย่าง"

พระเยซูทรงตรัสและทำในสิ่งที่พระองค์ทีงตรัสนั้น และทรงทำด้วยความรักและโดยการเชื่อฟังพระเจ้า คายาฟาสกล่าวและทำในสิ่งที่เขาพูดและแต่การกระทำกลับไม่คิดเกี่ยวกับพระเจ้า ในคริสตจักรของเรามีหลายคนเหมือนเช่นเขา เขาเป็นคนเคร่งศาสนามาก เขายังพูดความจริงเกี่ยวกับการชดใช้ของพระคริสต์ เมื่อเขากล่าวว่า"

“ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศ”(ยอห์น 11:50)

ดังนั้น เขาจึงพูดถึงความจริงเกี่ยวกับการทรงพระชนม์ของพระคริสต์แทนคนบาป ตามการทพยากร์ของอิสยาห์

“แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่ท่าน ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี” (อิสยาห์ 53:5)

แต่ระวัง! คุณสามารถรู้คำเหล่านั้นโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย! นั่นเป็นกรณีของคายาฟาส เขารู้คำพูดหล่านั้นเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตของเขาเลย

นี่คือมหาปุโรหิตคนเดียวกันที่ขู่เปโตรตอนเขาประกาศเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์จากความตาย แต่เพราะเขากลัวประชาชนเขาจึงเพียงแค่ขู่เปโตรและปล่อยเขาไป (กิจการ 4:21) อีกประการหนึ่งคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตองค์คนเดียวกันที่จับอัครสาวกเข้าคุก (กิจการ 5: 17-18) แต่พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาเพื่อเปิดประตูคุกและปล่อยพวกเขาออก แล้วคายาฟาสก็ส่งเจ้าหน้าที่นำเปโตรไปที่ศาลสูงสุด "โดยปราศจากความรุนแรง ... เกรงว่าเขาควรจะถูกขว้างด้วยก้อนหิน" (กิจการ 5:26) มีคนจำนวนมากกำลังฟังอัครสาวกทั้งหลายอยุ๋ ดังนั้นคายาฟาสกลัวว่าฝูงชนจะขว้างปาเขาให้ตาย ถ้าเขาทำร้ายพวกสาวก! ชายคนหนึ่งในศาลสูงสุดชื่อกามาลิเอลบอกคายาฟาสกับคนอื่น ๆว่า

“ในกรณีนี้ ข้าพเจ้าจึงว่าแก่ท่านทั้งหลายว่า จงปล่อยคนเหล่านี้ไปตามเรื่อง อย่าทำอะไรแก่เขาเลย เพราะว่าถ้าความคิดหรือกิจการนี้มาจากมนุษย์ก็จะล้มละลายไปเอง แต่ถ้ามาจากพระเจ้า ท่านทั้งหลายจะทำลายเสียก็ไม่ได้ เกลือกว่าท่านกลับ [จะเป็น] ผู้สู้รบกับพระเจ้า” (กิจการ 5:38-39)

คายาฟาสและคนอื่นเห็นด้วยกับกามาลิเอล แต่พวกเขาทำอะไร? พวกเขาเกรงกลัวพระเจ้าหรือไม่? ไม่! พวกเขาตีพวกสาวกและ "สั่งให้พวกเขาไม่ให้กล่าวถึงพระนามของพระเยซูและปล่อยพวกเขาไป" (กิจการ 5:40)

“ที่ในพระวิหารและตามบ้านเรือน เขาได้สั่งสอนและประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ทุก ๆ วันมิได้ขาดt” (กิจการ 5:42)

ดังนั้น เราจึงออกจากคายาฟาส - อ่อนแอไม่สามารถหยุดเที่จะทศนาพระกิตติคุณและแพร่กระจายความเชื่อของเรา เขาไม่เคยมีพระเจ้าและกลับใจจากบาปของเขา เขามุ่งมั่นแต่เรื่องการเมือง -ที่เกี่ยวข้องดดยตรงกับพระเจ้า แต่กลับไม่เกรงกลัวพระเจ้า – จนกว่าเขาถูกไล่ออกจากตำแหน่งฐานะปุโรหิตโดยปีลาต วาทิวลา สองสามปีต่อมาในปี ค. ศ. 36 ตามโจเซฟัส (Antiquities, XVIII:4, 2) ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แต่ต่อมาได้มีการค้นหีบหินปูน (กระดูก) ที่มีกระดูกของคนตายถูกค้นพบในกรุงเยรูซาเล็มในปี ค. ศ. 1991 ซึ่งเชื่อกันว่านี่กระดูกของคายาฟาส – ต่อมานักโบราณคดีเชื่อว่านี่เป็นโลงศพที่แท้จริงของเขา (Archaeological Study Bible, Zondervan, 2005, p. 1609; note on Matthew 26:3) ผู้คนจดจำเขาในนาม “ผู้รับผู้ชอบการฆาตกรรม [พระเยซู] ผู่ไม่มีความผิด” (John D. Davis, D.D., Davis Dictionary of the Bible, Baker Book House,1978 edition, p. 114)

II. สอง คายาฟาสเหมือนคาอิน - และไม่เคยรับการช่วยกู้

คายาฟาสและคาอินเป็นคู่ขนานระหว่างกัน คาอินรู้ดีถึงการนำเครื่องบูชาไถ่บาปด้วยเลือดไ เหมือนอาเบล แต่คาอินไม่ได้กลับใจที่จะทำ

“คาอินได้ลุกขึ้นต่อสู้อาแบลน้องชายของเขาและฆ่าเขา” (ปฐมกาล 4:8)

พระคัมภีร์ใหม่เชื่อมระหว่าง คาอินและชายอย่างคายาฟาส ยอห์นกล่าวว่า

“อย่าเป็นเหมือนคาอินที่มาจากมารร้ายนั้น และได้ฆ่าน้องชายของตนเอง และเหตุใดเขาจึงฆ่าน้องชาย ก็เพราะการกระทำของเขาชั่ว และการกระทำของน้องชายนั้นชอบธรรม พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าประหลาดใจถ้าโลกนี้เกลียดชังท่าน” (1 ยอห์น 3:12-13)

คายาฟาสเป็นเหมือนช่นคาอินได้รับอิทธิพลจากซาตาน "คนชั่วคนหนึ่ง" คาอินและคายาฟาสก็เป็น "ชาวโลก" เขาไม่เคยหยุดฟังซาตาน เขาไม่เคยทิ้ง "โลก" ไว้เพื่อรับใช้พระเจ้า Essenes ของชุมชน Qumran ที่เป็นชาวยิวและเป็นค้นพบ Dead Sea Scrolls เรียกคายาฟาสว่า "ปุโรหิตที่ชั่วร้าย" (Archaeological Study Bible, ibid.)

คาอินฟาสและคาอินคือบุคคลที่เตือนสติคริสเตียนที่ยังคงหลงหาย ทั้งคาอินและคายาฟาสรู้เรื่องการบูชาด้วยเลือด ทั้งคาอินและคายาฟาสพูดโดยตรงกับพระเจ้า พระเจ้าพระบุตรได้ตรัสกับคายาฟาสอย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงตรัสต่อคาอิน (ปฐมกาล 4: 6-7) ทั้งคาอินและคายาฟาสยักเสียงพระเจ้าพูดกับมโนธรรมของตนและพุ่งไปสู่ชีวิตที่มุ่งตน ทั้งคาอินและคายาฟาสจะยืนอยู่ต่อหน้าพระคริสต์ในการพิพากษาครั้งสุดท้ายและพระองค์จะตรัสกับพวกเขาว่า"

“เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา” (มัทธิว 7:23)

จากนั้นพวกเจา“แต่บรรดาลูกของอาณาจักรจะต้องถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืดภายนอก ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” (มัทธิว 8:12)

เช้านี้ผมขอเตือนคุณ! – ให้มั่นใจว่าคุณคิดเกี่ยวกับพระเจ้า! ให้มั่นใจว่าคิดถึงบาปของคุณ! และให้มั่นใจว่าไม่ใช่เพียวแค่ใช่ “คำพูดที่ถูกต้อง” ให้มั่นใจว่าคุณสำนึกในบาป!

“จงเป็นทุกข์โศกเศร้าและคร่ำครวญ จงให้การหัวเราะของตนกลับกลายเป็นการคร่ำครวญ และความปีติยินดีของตนกลับกลายเป็นความเศร้าสลด” (ยากอบ 4:9)

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ซึ่งจริงๆแล้วคุณได้เผชิญหน้ากับพระเยซูคริสต์เลยแม้แต่น้อย และได้รับการชำระล้างจากความผิดบาปของคุณด้วยเลือดของตัวเอง (วิวรณ์ 1: 5) อย่ารอ! อย่าปฏิเสธที่จะมาหาพระเยซู! อย่ารอจนกว่าพระเจ้ายอมปล่อยคุณทิ้งและใจที่ถูกเนรเทศ!

ฉันเพิกเฉยต่อพระผู้ช่วยให้รอดนานเกินไป
   ตราบเท่าที่ฉันก้มหัวให้กับความบาปของฉัน
นานเกินไปที่ฉันขอโทษต่อการปฏิเสธของฉัน
   และตอนนี้ฉันก็หลงหายไปโดยปราศจากพระองค์
สายเกินไป! โอ้ สายเกินไป ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังเคาะที่ประตู
   และพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเดชานุภาพผู้ยิ่งใหญ่กำลังเรียก
(“Too Long I Neglected,” Dr. John R. Rice, 1895-1980)

ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาออกมาและอธิษฐานปิดการนมัสการ

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคท กรี่ฟฟี่:
“Too Long I Neglected” (Dr. John R. Rice, 1895-1980).


โครงร่างของ

คายาฟาส - ชายผู้ที่วางแผนฆ่าพระคริสต์!

CAIAPHAS – THE MAN WHO
PLANNED THE MURDER OF CHRIST!

เขียนบทเทศนาโดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
และเทศน์โดย จอห์น ซามูเอล คาเกน
คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนคร ลอสแอนเจลิส
เช้าวันของพระเป็นเจ้า 9 เมษายน มีนาคม ค.ศ. 2017
A sermon written by Dr. R. L. Hymers, Jr.
and preached by Mr. John Samuel Cagan

“แต่คนหนึ่งในพวกเขา ชื่อคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้อะไรเสียเลย และไม่พิจารณาด้วยว่า จะเป็นประโยชน์แก่เราทั้งหลาย ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศเขามิได้กล่าวอย่างนั้นตามใจชอบ แต่เพราะว่าเขาเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น จึงพยากรณ์ว่าพระเยซูจะสิ้นพระชนม์แทนชนชาตินั้น และมิใช่แทนชนชาตินั้นอย่างเดียว แต่เพื่อจะรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่กระจัดกระจายไปนั้น ให้เข้าเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย ” (ยอห์น 11:49-53)

(ลูกา 16:31 เอเฟซัส 2: 1 ยอห์น 11: 47-48, 49-52, 53;
มัทธิว 26:63, 65-68)

I. หนึ่ง คายาฟัสคือผู้เชื่อที่เคร่งครัด และยังพูดความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อคน บาป, ยอห์น 11:47, 50; อิสยาห์ 53: 5; กิจการ 4:21; 5: 17-18, 26, 38-39, 40, 42.

II. สอง คายาฟัส เหมือนคาอิน - และไม่เคยรับความรอด
ปฐมกาล 4: 8; ยอห์น 3: 12-13; ปฐมกาล 4: 6-7; มัทธิว 7:23; 8:12; ยากอบ 4: 9; วิวรณ์ 1: 5.