Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ชีวิตที่ต้องต่อสู้

A LIFE OF CONFLICT
(Thai)

โดย ดร. ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนครลอสแอนเจลิส
ในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2016
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, April 3, 2016

“เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเจ้าผู้ครอบครองอาณาจักร เจ้าผู้มีอำนาจ เจ้าผู้ปกครองความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับบรรดาวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12)


ในเช้าวันนี้เรามีช่วงเวลาที่ดีมากๆ คริสตจักรของเรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่เราต้องจริงจังมากๆ เราจะไม่เห็นชัยชนะถ้าเราไม่ได้มองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนว่าเป็นความสุขที่แท้จริง

ดร. เฮนรี่ เอ็ม มอร์ริส กล่าวว่า "สิ่งที่มองไม่เห็นนี้ถูกเปิดออกให้เห็นเล็กน้อยถึงการต่อสู้ในฝ่ายวิญญาณที่ต่อสู้คนของพระเจ้าทรงสร้าง 'ทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้' (ฮีบรู 12:22) และเห็นได้ชัดว่าอย่างน้อยหนึ่งในสามของวิญญาณที่ถธกสร้างขึ้นนี้ติดตามซาตาน และทำสงครามยาวนานกับพระเจ้าและคนของพระองค์ (วิวรณ์ 12: 4, 7) เหล่านี้ [กองทัพปีศาจ] เจ้าผู้ปกครองความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับบรรดาวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ" (Henry M. Morris, Ph.D., The New Defender’s Study Bible, Word Publishers, 2006; note on Ephesians 6:12)

“เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเจ้าผู้ครอบครองอาณาจักร เจ้าผู้มีอำนาจ เจ้าผู้ปกครองความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับบรรดาวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12)

พระธรรมข้อนี้แสดงให้เราเห็นว่าชีวิตคริสเตียนคือชีวิตนั้นมีการต่อสู้ขัดแย้งอย่างไม่สิ้นสุด แต่คริสเตียนหลายคนลืมสิ่งนี้ไป บางคนในคริสตจักรของเราเองก็เป็นอย่างนี้ ดร. มาร์ติน ลอยด์โจนส์ กล่าวว่า "บ่อยครั้งมั้ยที่มาคิดว่าชีวิตคริสเตียนนั้นต้องสู้รบและทำสงคราม? .... ผมขอแนะนำว่าคริสเตียนมองไม่เห็นความสำคัญของความจริงในพันธสัญญาใหม่นี้ ... ผมกลัว [ พวกเราหลายคน] ไม่คิดว่าชีวิตคริสเตียนนั้นมีการต่อสู้ ... ถ้าเราไม่ต่อสู้ เราจะปราชัย [แพ้] เราจะตกเป็นเหยื่อของศัตรู" (Martyn Lloyd-Jones, The Miracle of Grace and Other Messages, Baker Book House, 1986, pp. 105, 106)

มีแนวโน้มที่เราคิดว่าการกลับใจใหม่คือทุกสิ่งที่เราต้องการ เรานึกว่าชีวิตคริสเตียนหลังจากการกลับใจใหม่ "หยุดหรือช่วงพักผ่อน" - ดร. ลอยด์ โจนส์ เขียนเอาไว้ (อ้างอิง หน้า 105) อาจจะไม่มีอะไรที่อยู่ไกลจากความจริง! พระธรรมของเราบอกเราว่าเราต่อสู้กับซาตานและวิญญาณชั่วย่างต่อเนื่อง!

บางครั้งผมก็ดีใจที่กลับใจจากโลก ถ้างั้งเด็กๆที่เติบโตขึ้นมาในคริสตจักรก็ง่ายมาก ดูเหมือนทุกอย่างจะอยู่บนถาดเงิน พวกเขาจึงไม่ต่อสู้ใดๆเวลาอยู่ในคริสตจักร ถ้าผมได้รับการเลี้ยงดูในคริสตจักร ผมก็จะไม่รู้ถึงจุดเริ่มต้นที่ผมไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้สิ่งที่น่ากลัว - และผมก็อ่อนแอเกินไปที่จะเผชิญกับความขัดแย้งกับตัวเอง! นั่นคือเหตุผลที่ชีวิตของผมได้กลาย “ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ลิปปี 4:13) กับผมแล้วพระธรรมข้อนี้หมายความว่าผมเป็นคนอ่อนแอเกินไปที่จะสามารถทำสงครามกับซาตานได้ พระคริสต์เท่านั้นที่จะเสริมกำลังให้ผมเพื่อที่จะสามารถต่อสู้สิ่งชั่วร้ายต่างๆ มีคนบอกผมว่าผมมองหาแต่การต่อสู้ แต่นี่ไม่ใช่ความจริง ความจริงคือว่าผมไม่ได้วิ่งหนีไปเหมือนนักเทศน์ส่วนใหญ่ทำกัน หากคุณไม่วิ่งหนีจากการต่อสู้ก็จะต้องเผชิญกับการต่อสู้ ทำไมล่ะ? เพราะมารมีจริง! หลายครั้งผมอ่อนแอและไม่มีความหวังแลพบกับความล้มเหลว ในเวลานั่น "ข้าพเจ้าสามารถเผจิญกับทุกสิ่งโดยพระคริสต์เป็นผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า" คนอ่อนแออย่างผมเม่สนั้นที่ว่าพระสัญญานั้นสำคัญ!

เลสลี่ขอให้ผมเขียนเรื่องราวชีวิตของผม ผมเลยเขียนได้ประมาณ 150 หน้า - แต่แล้วผมก็หยุดและปล่อยไว้อย่างนั้น เพราะผมคิดว่าคงไม่มีใครสนใจที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ - เพราะเป็นเรื่องของความขัดแย้งและสงครามและใกล้พบกับความพ่ายแพ้ – ชีวิตที่ยาวนานของความขัดแย้ง มีเพียงจุดสว่างเพียงไม่กี่จุด! ในที่สุดผมก็บอกพระเจ้าว่าผมไม่สามารถเขียนเสร็จ ยกเว้นแต่คริสตจักรของเราได้รับประสบการณ์แห่งการฟื้นฟูเสียก่อน – ถึงจะจบด้วยดี ดูเหมือนพระเจ้าจะตรัสให้กับผมว่า "ตกลง โรเบิร์ต หยุดเขียนไว้ก่อนและรอการฟื้นฟู -. และหากเราไม่ส่งการฟื้นฟูลงมา เจ้าคุณเขียนไม่จบแน่นอน"

แต่บางครั้งผมก็ดีใจที่ไม่ได้เติบโตในคริสตจักรที่เทศนาเน้นพระกิตติคุณ แต่ผมออกมาจากโลกที่เป็นคนหลงหายไปและเงียบเหงาเตรียมผมเผชิญกับสงครามที่ยาวนาน เพราะผมรู้ตั้งแต่เริ่มต้นว่าการดำเนินชีวิตของคริสเตียนนั้นมันไม่ง่ายเลย ด้วยเหตุนี้ทุกอย่างก้าวของผมนั้นมีพระคริสต์เป็นผู้เสริมกำลัง หากไม่เป็นเช่นนี้ผมเองก็จะหลงหายตลอดไป! นั่นคือเหตุผลที่ผมกลายเป็นศิษยาภิบาล หลังจากที่ผมถูกเปลี่ยนแปลง ผมจึงรู้ว่าตัวเองอยู่ท่ามของการต่อสู้ ถ้าผมไม่ได้อยู่ในภาวะแห่งสงครามอย่างต่อเนื่องผมก็จะหนีห่างจากพระเจ้า ผมรู้ตั้งแต่ที่ได้รับการช่วยกู้ตอนอายุยี่สิบปี คนอื่น ๆ อาจจะมีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ผมอยู่ในภาวะสงครามอย่างต่อเนื่อง – เหมือนพระเยซู เหมือนเปาโล เหมือนวีรบุรุษแห่งความเชื่อในพระธรรมฮีบรูบทที่สิบเอ็ด! ผมรู้ว่าเปาโลหมายถึงอะไรตอนเขาบอกชายหนุ่มทิโมธี

“จงต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อความเชื่อ จงยึดชีวิตนิรันดร์ไว้ ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านรับ” (1 ทิโมธี 6:12)

อาจารย์เปาโลกล่าวแก่คนหนุ่มว่า

“ฉะนั้นท่านจงทนการยากลำบากดุจทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์” (2 ทิโมธี 2:3)

ผมต้องทนยากลำบาก ผมต้องต่อสู้ด้วยความเชื่อ - เป็นทหารของพระเยซูคริสต์! ไม่มีทางอื่นอีกที่สามารถทำให้ผมเป็นคริสเตียนที่ประสบความสำเร็จได้ มีหลายครั้งที่เราคิดในแง่ของจิตวิทยามากกว่าแบบพระคัมภีร์ ถ้าเราเดินตามพระคัมภีร์ที่เราจะรู้ว่าทำไมคริสเตียนถึงมีการสู้รบ

คืนที่ผ่านมามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งบอกว่า ผมพูดเกี่ยวกับตัวเองมากเกิยไป จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "ผมคิดว่าท่านทำอย่างนั้สเพราะนี่คือคริสตจักรที่เต็มไปด้วยคนหนุ่มสาว" นั่นเป็นการเข้าใจที่ดี ผมมักจะย้อนกลับไปในช่วงชีวิตวัยเด็ก เพื่อค้นหาเรื่องราวสมัยก่อนมาสอนคนหนุ่มสาวในคริสตจักรของเรา ผมจะไม่มายืนอยู่ที่ธรรมาสน์นี้และสอนศาสนศาสตร์ให้พวกคุณ – หรืออธิบายพระคัมภีร์เป็นข้อๆ ผมต้องแสดงให้เห็นว่าพระคัมภีร์มีความสำคัญอย่างไรในชีวิตของตัวเอง - และในชีวิตของคุณเอง ผมจะอ่านข้อนี้

“เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเจ้าผู้ครอบครองอาณาจักร เจ้าผู้มีอำนาจ เจ้าผู้ปกครองความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับบรรดาวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12)

แล้วผมจะบอกคุณว่ามันหมายถึงอะรไร แล้วหลังจากนั้นผมก็จะบอกพวกคุณว่ามีส่วนสำคัญในชีวิตของตัวเองอย่างไร ผมขอบอกคุณ "ชีวิตคริสเตียนจากต้นจนจบคือชีวิตแห่งการต่อสู้ - ชีวิตของการทำสงครามในฝ่ายจิตวิญญาณกับซาตานและสมุนของมัน" ผมหวังว่าคุณจะไม่ได้คิดว่าปัญหาของคุณทุกอย่างจบลงหลังได้กลับใจใหม่แล้ว! แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มของการต่อสู้และการทำสงครามของคุณ!

ดร. เอช แอล วิลล์เลียงตัน แห่งมหาวิทยาลัยไลเบอร์ตีกล่าวว่า

ในช่วงเริ่มต้นแห่งการทำพันธกิจของพระเยซูนั้น มีวิญญาณชั่วมากมายต่อสู้พระองค์ ... และตามอาจารย์เปาโล [1 ทิโมธี 4: 1-3] เราต้องเผชิญการวิญญาณเหล่านี้ [ก่อน] ที่องค์พระเจ้าของเราจะเสด็จมาครั้งที่สอง วิญญาณชั่วมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังสิ่งต่างๆ (H. L. Willmington, D.D., Signs of the Times, Tyndale House Publishers, 1983, p. 45)

การทำงานของเหล่าวิญญาณชั่วดูเหมือนจะรุนแรงและรวดเร็วมากขึ้นทุกปี ตอนผมเรียนอยู่ในวิทยาลัยนั้นก็เลวพอแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นว่าหนุ่มสาวที่เข้าในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ไม่ใช่ของคริสเตียนนั้นจะไม่ถูกล่อลวงไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างที่ ดร.วิลล์เลียงตันเรียกว่า "อิทธิพลของมาร" วัตถุประสงค์ของซาตานคือการดูดคุณเข้าไปในฝ่ายโลกและความบาป " เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังให้ดี กลัวว่าจะล้มลง" (1 โครินธ์ 10:12) ถ้าเราไม่ต่อสู้กับมาร ไม่นานเราจะเริ่มสูญเสียการติดต่อกับพระเจ้า สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนการอธิษฐานของพวกท่าน ถ้าคุณไม่สามารถอธิษฐานเช่นเดียวกับที่คุณเคยทำมาก่อนนั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังหันมาต่อต้านพระเจ้าหรือเข้าสู่ในการทดลองบางอย่าง ลองฟัง ดร. เอดับบลิว โทเซอร์ กล่าวว่า

ในสมัยก่อน ... บรรพบุรุษของเราเชื่อเรื่องบาปและว่ามีมารที่มีอำนาจ และพวกเขาเชื่อในพระเจ้าและความชอบธรรมและสวรรค์เนสิ่งทืตรงกีนข้าม ... กองกำลังเหล่านี้เป็นศัตรูต่อกัน ตลอดไป คน ... ต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง - เขาไม่สามารถเลือดอยู่ตรงกลาง สำหรับเขาจะเลือกระหว่างชีวิตหรือความตาย สวรรค์หรือนรก และถ้าเขาเลือกที่จะ [เป็น] อยู่ด้านของพระเจ้า เขาก็เปิดสงครามกับศัตรูของพระเจ้า การต่อสู้นี้เป็นจริงและร้ายแรงและจะนานเท่าชีวิตยังคงอยู่ที่นี่ [บนโลก] ... เขาต้องไม่ลืมสิ่งที่อยู่ในโลกที่เขาเคยอาศัยอยู่ - มันเป็นสมรภูมิและมีหลายคนได้รับบาดเจ็บและถูกฆ่า ... อำนาจชั่วร้ายจะทำลายเขา ในขณะที่พระคริสต์ทรงช่วยเขาผ่านสิ่งชั่วร้สยด้วยอำนาจแห่งพระกิตติคุณ การที่จะได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจชั่วนี้ เขาจะต้องออกมาอยู่ด้านของพระเจ้าด้วยความเชื่อและการเชื่อฟัง นั่นคือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราคิด ดังนั้นเราควรเชื่อตามที่พระคัมภีร์สอน
         ทุกวันนี้แตกต่างกันอย่างไร ... มนุษย์คิดว่าโลกนี้ไม่ใช่สมรภูมิ แต่เป็นสนามเด็กเล่น เราไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อต่อสู้ แต่เราอยู่ที่นี่เพื่อความสนุกสนาน [มีช่วงเวลาที่ดีและมีชีวิตที่ง่ายๆสบาย] ... นี้คือที่เราเชื่อ เป็น [สิ่ง] คนทันสมัยนี้ [คิด] กัน ... ขณะนี้ยอมรับความคิดที่ว่าโลกเป็นสนามเด็กเล่นแทนที่เป็นสมรภูมิ ... โดยคริสเตียนส่วนใหญ่ (A. W. Tozer, D.D., “This World: Playground or Battleground?”)

ตอนนี้โปรดอย่าคิดว่านี่หมายความว่าเราไม่จะมีความสุขใด ๆเลย ! แน่นอนเรามี! แน่นอนเรามี! แน่นอนเรามีการสามัคคีธรรมกัน! แน่นอนเรามาทานอาหารร่วมกันอย่างสนุกสนาน! แน่นอนว่าเราสามารถเล่นกีฬาตามสวนสาธารณะได้ แต่สิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจะสิ้นสุดในตัวมันเอง เบื้องหลังทุกช่วงเวลาของความสนุกสนานและมิตรภาพนั้น ในขณะเดียวกันเราต้องจำไว้เสมอว่ามีสงครามเกิดขึ้นด้วย - และชีวิตของคริสเตียนคือชีวิตของความขัดแย้งและการทำสงคราม! เราสามารถใช้เวลาพักจะมีความสนุกสนานบ้าง แต่แล้วเราก็จะกลับไปสู่การสู้รบต่อไป

นั่นคือเหตุผลที่อนุชนในคริสตจักรของเราใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงอธิษฐานในทุกสัปดาห์ อธิษฐานเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง หากไม่เช่นนั่นจะพ่ายแพ้ซาตาน!

นั่นคือเหตุผลที่เราออกไปนำคนมาฟังพระวจนะที่คริสตจักร การประกาศเป็นสิ่งจำเป็นอย่าง หากไม่เช่นนั่นจะพ่ายแพ้ซาตาน!

นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องเทศนาอย่างแรงๆ คำเทศนาที่รุนแรงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หากไม่เช่นนั่นจะพ่ายแพ้ซาตาน!

และยังเหลืออีกสิ่งหนึ่ง ทุกวันนี้ผมเริ่มรู้ว่าการเทศนาของผมนั้นค่อนข้างไม่ดีมากนัก ผมต้องขอโทษพวกคุณไม่เห็นมาก่อนหน้านั้น! อย่างที่ผมกล่าวมาว่าสงครามชีวิตคริสเตียนไม่ได้จบเมื่อคุณจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่! ไม่เลย! การกลับใจฝหม่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงคราม! พระเยซูตรัสว่า "จงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง" (มาระโก 14:38) คุณสามารถเข้ามาในคริสตจักรและอยู่อย่างคนที่กลับใจใหม่ แต่ถ้าคุณไม่เฝ้าดูระวังและอธิษฐาน คุณจะถูกทดลองและติดบ่วงแร้ว คุณจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกและสูญเสียความสุขแห่งความรอด

พวกคุณบางคนไม่ยอมมาร่วมคืนประชุมอธิษฐานในคืนวันพฤหัสบดีอีก จงระวัง! คุณได้มาก้าวไปสู่โลกแล้ว! ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตของความขัดแย้งกับโลกเนื้อและซาตาน หากคุณลืมอย่างนี้ ไม่ช้าก็เร็ว ก็จะตกอยู่ในบ่วงของซาตานและถูกกวาดออกไป - ในความมืดของโลกชั่วร้ายนี้ มีคนกล่าวว่า "อย่าบอกอย่างนั้น! อย่าพูดอย่างนั้น! จะทำให้คนกลัวและหนีออกไป! "ผมคิดว่าพวกเขานั่นแหละที่กลัว! "ด้วยผู้ที่ได้รับเชิญก็มาก แต่ผู้ที่ทรงเลือกก็น้อย” (มัทธิว 22:14) หากผมไม่ได้ทำให้คนอื่นตกใจ อาจมีบางอย่างทำ! แต่คนที่ถูกเลือกจะได้รับความรอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!

มีหลายคนถูกพัดพาไปในเวลาที่คริสตจักรของเราเจอกับมรสุม อย่าให้ถูกหลอกเช่นเดียวที่พวกเขาถูกหลอก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้! “พญามารได้ลงมาหาเจ้าด้วยความโกรธยิ่งนัก เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย” (วิวรณ์ 12:12) เมื่อท่านให้ตัวเองให้กับโลก มารจะครอบงำจิตสำนึกของคุณ แล้วอะไรที่เราพูดกับคุณไม่อาจโน้มน้าวคุณให้กลับมาหาเรา! เราไม่เคยใครที่หันกลับมาเลย! ครั้งเดียงก็ไม่มี! “ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อท่านจะไม่ต้องถูกการทดลอง” (มาระโก 14:38)

นอกจากนี้ คุณจะเจริญเติบโตในพระคุณหรือถอยหลังกลับไป! ไม่สามารถอยู่ตรงกลางได้! ขณะที่ ดร โทเซอร์ กล่าวว่าโลกคือ "สมรภูมิและมีหลายคนได้รับบาดเจ็บและถูกฆ่า" (อ้างอิง)

“เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเจ้าผู้ครอบครองอาณาจักร เจ้าผู้มีอำนาจ เจ้าผู้ปกครองความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับบรรดาวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12)

ใช่มารนั้นมีจริง ถ้าคุณยังไม่ได้รับความรอด มันจะเข้ามในใจของคุณ มันจะบอกพวกคุณว่าที่ "นี้" หรือ "ที่นั่น" เพื่อทำลายการไว้วางใจในพระเยซูของคุณ บางครั้งมารก็ยังทำให้คนกลัวที่จะไว้วางใจในพระเยซู มันอาจจะดูว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่พวกเขาเชื่อมาร - และปฏิเสธพระเยซู ในเวลานี้ หากคุณอยากต่อต้านซาตานและก็จงมาที่พระเยซู พระเยซูเพียงผู้เดียวที่ทรงสามารถชำระคุณให้ปราศจากจากบาปโดยโลหิตประเสริฐของพระองค์ พระเยซูผู้เดียวที่ทรงสามารถช่วยให้คุณรอดจากความชั่วร้ายในประเทศของเราและในโลกของเรา โปรดยืนและร้องเพลงนมัสการบทที่เจ็ด

คริสเตียนเจ้าเห็นพวกเขาบนพื้นดินนั้น
   ทำไมอำนาจของความมืดอยู่รอบตัวเจ้า?
คริสเตียนจงลุกขึ้นและทำลายอย่าได้กลัวเลย
   ด้วยฤทธิ์อำนาจจากไม้กางเขน
ทหารของคริสเตียนเริ่มเดินไปทำสงคราม
   โดยมีไม้กางเขนของพระเยซูทรงนำหน้าไปก่อน

คริสเตียนรู้สึกหรือเปล่าว่าพวกเขาทำงานอยู่ภายใน
   มุ่งมั่นที่จะดึงล่อ ยั่วยุให้ไปอยู่ในความบาป?
คริสเตียนไม่เคยหวั่นไหว ไม่เคยจะเศร้าใจ
   คาดเอวเจ้าสำหรับการต่อสู้อละเฝ้าระวังอธิษฐาน
ทหารของคริสเตียนเริ่มเดินไปทำสงคราม
   โดยมีไม้กางเขนของพระเยซูทรงนำหน้าไปก่อน

คริสเตียนเจ้าได้ยินพวกเขาที่ร้องหาความยุติธรรม
   "อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอและจงเฝ้าระวัง
คริสเตียนตอบอย่างกล้าหาญ "ในขณะหายใจข้าฯอธิษฐาน."
   สันติภาพจะติดตามการสู้รบกลางคืนจะสิ้นสุดไป
ทหารของคริสเตียนเริ่มเดินไปทำสงคราม
   โดยมีไม้กางเขนของพระเยซูทรงนำหน้าไปก่อน

"เราทราบถึงปัญหาเจ้า ผู้รับใช้ของเราที่แท้จริง
   เจ้าเหนื่อยล้ามาก เราก็เบื่อเกินไป
แต่ความเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้นจะจางหายไป
   และจุดสิ้นสุดของความเศร้าโศกอยู่ใกล้บัลลังก์ของเรา"
ทหารของคริสเตียนเริ่มเดินไปทำสงคราม
   โดยมีไม้กางเขนของพระเยซูทรงนำหน้าไปก่อน
(“Christian, Dost Thou See Them?” translated by John M. Neale, 1818-1866;
       to the tune of and with the chorus from “Onward, Christian Soldiers.”)

หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล บรูดโฮมมี: เอเฟซัส 6:10-18.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคด กรีฟีท:
“Soldiers of Christ, Arise” (by Charles Wesley, 1707-1788;
to the tune of “Crown Him With Many Crowns”).