Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ยูดาส อิสคาริโอ
ถูกทำลายโดยซาตานได้อย่างไร

HOW JUDAS ISCARIOT
WAS DESTROYED BY SATAN
(Thai)

โดย ดร. ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนครลอสแอนเจลิส
ในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2016
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, March 13, 2016

“เมื่อยูดาสรับประทานอาหารนั้นแล้ว ซาตานก็เข้าสิงในใจเขา”
(ยอห์น 13:27)


คำว่า "อาหาร" นั่นเป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่รับประทานขนมปังไร้เชื้อระหว่างพระเยซูและเสาวก "เมื่อยูดาสรับประทานอาหารนั้นแล้ว ซาตานก็เข้าสิงในใจเขา" นี่เป็นข้อที่เลวร้ายที่สุดในพระคัมภีร์ เพราะบอกเราว่าซาตานเข้าสิงยูดาส - นั่นคือเขากลายเป็นคนที่ถูกครอบงำโดยซาตาน เป็นข้อพระคำที่น่าสนใจมาก เพราะว่ายูดาสเป็นหนึ่งในสาวกของพระคริสต์ เรื่องราวของยูดาสตักเตือนเราทุกคน - ไม่ว่าคนที่รอดแล้วหรือยังไม่รอด

ยูดาส อิสคาริโอ เป็นบุตรชายของไซมอน ริออท "อิสคาริโอ" คำว่า อิสคาริโอ เป็นชื่อหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ซึ่งอยู่ทางใต้ของแคว้นยูเดีย ดังนั้นยูดาสเป็นเพียงหนึ่งในสาวกสิบสองคนที่ไม่ได้มาจากแคว้นกาลิลีในทางภาคเหนือ ชื่อของเขามักจะจะถูกกล่าวเป็นคนสุดท้ายในบรรดาสาวกสิบสองคน เขาน่าจะเป็นสาวกคนหนึ่งที่สำคัญ เขาทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกให้กับพวกสาวก

เรื่องราวของยูดาส อิสคาริโออยู่ในด้านมืดและน่ากลัว แต่ที่ว่าสำคัญเพราะถูกบันทึกไว้ในพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ด้วยเหตุนี้นักเทศน์ต่างๆก็ควรจะกล่าวถึงเขาเป็นบางครั้งด้วย วันนี้ผมจะบอกคุณว่าทำไมยูดาสถึงถูกมารเข้าสิง นี่คือเรื่องราวของเขา

บทที่สามของมาระโกบอกว่าพระคริสต์เสด็จขึ้นไปบนภูเขา และเรียกสาวกมาหาพระองค์ และบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่จะสร้างคริสตจักรหลังพระคริสต์เสด็จกลับสู่สวรรค์แล้ว ตอนนี้พันธกิจหลักของพระคริสต์คือจะต้องสั่งสอนและฝึกสาวกสิบสองคนนี้ พระเยซูทรงเรียกพวกเขาว่าอัครสาวก – ซึ่งหมายความว่า “ส่ง” ออกไป พระองค์เรียกพวกเขาให้ติดตามพระองค์ เรียนรู้จากตัวอย่างของพระองค์และมีส่วนร่วมในพัธกิจของพระองค์ "ส่ง" พระองค์ประทานอำนาจให้พวกเขาสามารถประกาศ รักษาโรค และขับผีออกในพระนามของพระองค์ หนึ่งในความรับผิดชอบของพวกเขาคือเอาชนะอำนาจของเหล่าวิญญาณชั่ว รายชื่อของพวกเขาถูกบันทึกในมาระโก 3: 16-19 คนแรกคือเปโตร และคนสุดท้ายคือยูดาส อิสคาริโอ

ในมัทธิว 10: 1-4 บอกเราว่าพระเยซูทรงส่งสาวกเหล่านี้เพื่อออกไปขับไล่ผี รักษาคนป่วย และสั่งสอน อีกครั้งที่รายชื่อของพวกเขาทั้งสิบสองถูกบันทึกไว้ และอีกครั้งหนึ่ที่ชื่อของเปโตรถูกกล่าวเป็นคนแรก และยูดาส อิสคาริโอเป็นสุดท้าย มัทธิว 10: 1 กล่าวว่าพระเยซูทรงประทาน "อำนาจให้เขาขับผีโสโครกออกได้ และให้รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกอย่างให้หายได้" ให้กับสาวกเหล่านี้ ตลอดจนทำการอัศจรรย์และเทศนาอื่นๆ ยูดาสก็ได้รับ "อำนาจ" นี้ – และตัวเขาเองก็ขับผีออก รักษาคนป่วยหายและเทศนา แต่เขากลายมาเป็นคนทรยศพระเยซูคริสต์ แต่พระเยซูเคยประทานให้ชายคนนี้มีอำนาจและเทศนา (มัทธิว 10: 7) เขายังได้รับอำนาจในการ "รักษาคนเจ็บป่วยให้หาย คนโรคเรื้อนให้หายสะอาด คนตายแล้วให้ฟื้น และจงขับผีให้ออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่า ๆ ก็จงให้เปล่า ๆ" (มัทธิว 10: 8)

นี่เป็นจุดสำคัญสำหรับพวกเราที่น่าจะจดจำเอาไว้ในทุกวันนี้ เพื่อแสดงให้เราเห็นว่า ใช่ว่าทุกคนที่บอกว่าเป็นคริสเตียนจะสามารถเชื่อใจได้ - แม้ว่าพวกเขาจะสามารถรักษาคนป่วย ขับผีออก - และทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ! ตลอดประวัติศาสตร์ของคริสเตียนพ่อมดบางคนสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ เช่นรัสปูติน พระชาวรัสเซียที่ถูกนำเข้ามาอาศัยในปราสาทของรัสเซียเพื่อทำการรักษาพระโอรสของจักรพรรดิซีซาร์ และทุกวันนี้เราควรต้องระมัดระวังบุคคลอย่าง เบนนี่ ฮินน์ และนักประกาศคนอื่น ๆที่ทำการ "รักษาคน" พวกเขาอาจจะเป็นความชั่วร้ายทรยศเหมือนอย่าง ยูดาส อิสคาริโอ ด้วย- ซึ่งต่อมาได้ทรยศพระเยซูคริสต์ในสวนเกทเสมเน แต่ยูดาสไม่ได้ถูกแบบทันทีทันใด มีขั้นตอนที่นำเขาเข้าสู่ทางแห่งการทำลายนี้!

อย่างที่ผมกล่าวมา ยูดาสเป็นเหรัญญิกให้กับพระเยซูและเหล่าสาวก เขาดูแลเงินจำน้อยๆที่พวกมีอยู่ในกระเป๋าหรือ "ถุง" เขามีหน้าให้เงินจากกระเป๋านี้ให้กับสาวกคนอื่น ๆ ในยามที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้มัน พระคัมภีร์กล่าวว่า ยูดาส อิสคาริโอ "เขาเป็นขโมย และได้ถือย่าม และได้ยักยอกเงินที่ใส่ไว้ในย่ามนั้น" (ยอห์น 12: 6)

ยูดาส "เป็นขโมย" นั่นหมายความว่าเขามีใจของการขโมย เขาขโมยเงินบางส่วนในกระเป๋า (หรือกระเป๋าเงิน) ที่เขาถืออยู่ แมทธิว เฮนรี่ ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า "ในใจของเขานั้นรักและเอาแต่เงิน" การมีเงินจากการทำงานอย่างซื่อสัตย์นั้นมันไมผิด แต่อัครทูตเปาโลกล่าวว่า

“ด้วยว่าการรักเงินนั้นเป็นรากเหง้าแห่งความชั่วทั้งสิ้น ขณะที่บางคนโลภสิ่งเหล่านี้จึงได้หลงไปจากความเชื่อนั้น และทิ่มแทงตัวของเขาเองให้ทะลุด้วยความทุกข์ใจเป็นอันมาก” (1 ธิโมธี 6:10)

เจซี ไรล์ พูดถึง "อันตรายของการรักเงิน ... นั่นเป็นกับดักให้กับคนจนและคนรวย วางใจสิ่งเน่าเปื่อยให้กับวิญญาณ ขอให้เรารู้จักพอใจกับสิ่งเหล่านี้" (J. C. Ryle, Expository Thoughts on Mark, Banner of Truth, 1994 paperback, pp. 210, 211; note on Mark 10:23)

ผมเห็นอนุชนหลายคนเดินหลงทางเพราะพวกเขาแสวงหา "ความมั่นคง" ผมเห็นพวกเขาค่อยๆละความเชื่อไปแสวงหา "ความมั่นคง" โดยแสวงหางานที่มีรายได้วูง ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทเทศนานี้ในคืนที่ผ่านมา ผมก็นึกถึงเพื่อนเก่าที่ถูกล่อลวงโดยโลกนี้และหันไปจากพระเยซู อีกคำศัพท์สำหรับคำว่าความมั่นคงก็คือเงิน มันเป็นอันตรายมากต่อการวางใจในเงินทอง พระเยซูตรัสว่า “ลูกเอ๋ย คนที่วางใจในทรัพย์สมบัติ [เงิน] จะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยากนักหนา” (มัทธิว 10:24)

ดร. คาเกน เพื่อนร่วมทางของผมมีข้อพระคัมภีร์ประจำคือสุภาษิต 14:4 “ความมั่งคั่งไม่อำนวยกำไรในวันทรงพระพิโรธ แต่ความชอบธรรมช่วยให้พ้นความมรณา” (สุภาษิต 14:4) ไม่นานมานี้ ดร. คาเกกนบอกผมว่าท ผู้คนมักจะคิดว่า "ความปรารถนา" หมายถึงเฉพาะบาปทางเพศหรือยาเสพติด ท่านกล่าวว่า "พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าความถนาด้านเงินทองและชื่อเสียงเป็นบาปที่อันตรายเหมินกับตัญหาทางเพศและยาเสพติด - สำหรับพวกอนุชนอาจจะมากไปกว่านั้นอีก" ดร. คาเกน เองก็เคยถูกล่อลวงโดยซาตานทางด้านความปรารถนาและชื่อเสียง ความปรารถนาของท่านที่ยิ่งใหญ่คือได้เงินล้านดอลลาร์ก่อนที่จะมีอายุสามสิบ ท่านละทิ้งความคิดนี้หลังจากที่กลับใจใหม่แล้ว ตอนนี้ท่านเป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาลในคริสตจักรของเรา จงตามตัวอย่างของท่าน!

ยูดาส อิสคาริโอ ถูกทำลายและลงไปนรกเพราะความปราถนาของตัวเองที่อบากได้เงินใน กระเป๋าที่เขาถือ! จำคำอุปมาผู้หว่านพืช!

“ที่ตกกลางหนามนั้นได้แก่คนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วออกไป และความปรารภปรารมย์ ทรัพย์สมบัติ [หรือเงิน] ความสนุกสนานแห่งชีวิตนี้ก็ปกคลุมเขา ผลของเขาจึงไม่เติบโต” (ลูกา 8:14)

คุณอาจจะหลงทางเพราะการแสวงหา "ความมั่งคั่งและความสุขในชีวิตนี้" แล้วคุณจะค่อยๆ "เย็นชา" และกลายเป็นคริสเตียนเพียงในนามเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับผู้นำของเราในอดีตที่สร้างความแตกแยกในคริสตจักรของเราเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จงหลีบหนีจากมัน! หนีจากมัน! หนีจากความต้องความปถนาเหมือนอย่างยูดาส!

“แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่าน” (มัทธิว 6:33)

พวกคุณส่วนใหญ่ได้ยินผมบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับผมเมื่ออยู่ในวิทยาลัย ผมอยู่ในช่วงที่

ลำบาทมากๆ เพราะต้องทำงานตั้งแต่เวลา 8:00 โมงเช้าจนถึง 5:00 เย็น แล้วไปเรียนที่มหาลัยในเวลากลางคืน ผมใช้เวลาแปดปีกว่าจะได้รับปริญญาตรี ในประมาณครึ่งทางทืเรียนอยู่ในวิทยาลัยนั้น ผมเกิดอาการเบื่อไม่อยากเรียนและหมดกำลังใจเหมือนถูกล่อลวงโดยซาตาน ถูกต้องแล้วหนึ่งในอาจารย์ของผมแนะนำให้ผมไปเป็นครูสอนหนังสือ

ท่านเป็นคนที่ผมชื่นชอบ ท่าสสอนวรรณกรรมสมัยใหม่ ท่านบอกผมน่าจะไปประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ผมเคยคิดที่ละทิ้งความคิดเรื่องการรับใช้พระเจ้าแล้วไปเป็นครูแทน ผมเกือบแล้ว แต่ผมไปหาศิษยาภิบาลของคือ ดร. หลินแรก ก่อน ท่านบอกผมว่า ผมจะไมมีความสุดกับอาชีพด้านอื่นน้อยไปกว่าการรับใช้พระเจ้า ผมจึงนึกขึ้นได้ว่าความคิดของการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษนั้นเป็นของการล่อใจจากซาตาน ดร. จอห์น อาไรซ์ ก็ถูกล่อลวงเช่นเดียวกันก่อนที่ท่านจะไปเป็นผู้รับใช้พระเจ้า การเป็นครูนั้นไม่ได้บาปให้กับคนอื่น แต่สำหรับผมนั้นบาป เพราะนั่นไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของผม

หากผมหลงไปกับการล่อลวงนี้ คืนนี้คุณคงไม่มีโอกาสนั่งที่นี่! นายกริฟฟินคงจะไม่ได้รับความรอด ดร. ชานและนายลีและผู้นำคริสตจักรของเรา คงจะไม่ได้รับความรอด พวกคุณเองก็คงจะไม่ได้รับความรอดเช่นกัน ความเป็นจริงหลายคนใพวกท่านจะไม่ได้บังเกิดใหม่! พ่อแม่ของคุณหลายคนมาเจอกันที่นี่ในคริสตจักรของเรา หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ได้พบกันและแต่งงานและคุณเองก็อาจจะไม่ได้เกิด โบสถ์แห่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอยู่ ผมเองก็คงไม่ได้รู้จักกับภรรยาที่ยอดเยี่ยมของผมคนนี้ ลูกชายของผมก็คงจะไม่เกิดและลูกสาวของเขาฮันนาห์เกิดไม่ได้เกิดด้วย

คริสตจักรที่ผมก่อตั้งขึ้นทางภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดจะไม่มี สี่สิบคริสตจักรเหล่านั้นก็จะไม่เกิดขึ้น หลายร้อยคนจะไม่รอด - และต้นฉบับบทเทศนาและวิดีโอในเว็บไซต์ของเราจะไม่ได้รับการตีพิมพ์หรือแพร่ขยายไปทั่วโลก นับพันชีวิตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากความชั่ว หากวันนั้นผมหลงทางกลายเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยบางแห่ง

ต่อมา หลังผมจบการศึกษาจากวิทยาลัยแล้วไปเรียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ เช่นเดียวกันที่นั่น ผมถูกทดลองจนเกือบหนีจากที่นั่นอีก จริงๆแล้วผมเกือบลาออกจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ตอนเรียนๆด้ไม่กี่วัน แต่มีคืนหนึ่งพระเจ้าทรงเรียกผมให้กลับมา ผ่านท่ามความเหงาและความโศกเศร้า - และผมดีใจที่กลับมา คริสตจักรแห่งนี้มีมูลค่าต่อผมมากกว่าเงินทองบนแผ่นดินโลก พันธกิจทั่วโลกบนอินเทอร์เน็ตนี่มีมูลค่ามากกว่าล้านดอลลาร์! มันอาจดูเหมือนเป็นสิ่งเล็ก ๆ ให้กับคุณ แต่กับผมคริสตจักรแห่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในโลก!

ชีวิตและความรักของข้าฯมอบแด่พระองค์
   พระเมษโปดกของพระเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อข้าฯ
โอ้ ข้าฯจะจงรักภักดีตลอดไป
   พระผู้ช่วยและพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์
   ข้าพระองค์ช่างพึงพอใจมากๆ
พระผู้ช่วยและพระเจ้าของข้าพระองค์
   ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์
(“I’ll Live For Him” by Ralph E. Hudson, 1843-1901;
      altered by Dr. Hymers)

ไม่เพียงแต่ผมเห็นว่าคริสตจักรแห่งนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่า - ผมยังเห็นใสสิ่งที่คริสตจักรนี้ควรจะเป็นสิ่งที่มันจะเป็นไปนั้นก็โดยพระคุณของพระเจ้า! ในใจของผมแล้วสามารถเห็นทุกมุมของห้องประชุมนี้เต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่มีแต่ความสุข! ผมสามารถมองเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมา ผมสามารถมองเห็นใบหน้าที่ส่องแสงของคนหนุ่มสาวร้องไห้และอธิษฐานและตะโกนด้วยความดีใจ! ผมสามารถเห็นคนหนุ่มสาวถวายชีวิตของพวกเขาเพื่อพันธกิจ - และบางคนก็ออกไปเป็นมิชชันนารีในต่างประเทศ ผมสามารถมองเห็นคริสตจักรยิ่งใหญ่และแพร่ขยายออกไป – ความรักของพระเจ้าไปทั่วทุกสถานที่ ไปยังมุมมืดในประเทศของเราและโลกของเรา! ผมสามารถมองเห็นพระเยซูคริสต์ถูกยกขึ้นและลงเทความรักของพระองค์ลงมาสู่หลายร้อยดวงวิญญาณทั่วโลก! ผมสามารถได้ยินพวกเขาร้องเพลง

ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์
   ข้าพระองค์ช่างพึงพอใจมากๆ
พระผู้ช่วยและพระเจ้าของข้าพระองค์
   ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์

ครั้งหนึ่งยูดาสเคยรู้สึกอย่างนั้น แต่เขากลับมองข้ามพระเยซูไป เขาสองจิตสองใจในสองทางนี้ ส่วนหนึ่งเขาอยากได้พระเยซู แต่ในอีกส่วนหนึ่งเขาก็อยากได้สิ่งในโลกนี้ พระคัมภีร์กล่าวว่า "คนสองใจเป็นคนไม่มั่นคงในบรรดาทางทั้งหลายที่ตนประพฤตินั้น" (ยากอบ 1: 8) ด้วยเหตุนี้คนทรยศอย่างเข่าจึงเอามือหยิบเงินที่อยู่ในถุงที่มีเงินเพียงเล็กน้อย - นั่นคือเงินทั้งหมดทร่ผู้คนนำมาถวายพระเยซู เมื่อพวกเขาได้รับพระพรแห่งจากพระองค์ แต่ยูดาสก็หยิบเงินในนั้นไปใช้ให้กับส่วนตัวเป็นเวลาครั้งแล้วและครั้งเล่า

เช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาก็มีความคิดว่าพระเยซูจะตั้งอาณาจักรของพระองค์ในโลกนี้ทันที แม้หลังจากที่พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย พวกเขากล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ให้แก่อิสราเอลในครั้งนี้หรือ?" (กิจการ 1: 6) พวกเขากำลังวางแผนว่าในบรรดาพวกเขานั้นใครจะเป็นใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาให้เหตุผล "แล้วเหล่าสาวกก็เกิดเถียงกันว่า ในพวกเขาใครจะเป็นใหญ่ที่สุด" (ลูกา 9:46)

"ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่และพวกปุโรหิตใหญ่และพวกธรรมาจารย์ จนต้องถูกประหารเสีย... " (มัทธิว 16:21) ผมเชื่อว่ายูดาสคงเริ่มที่จะคิดว่าพระเยซูคงสิ้นพระชนม์ และไม่ได้งอาณาจักรอีก - ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากติดตามพระเยซูอีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ซาตานก็ขยับเข้ามาและใกล้ชิดกับคนทรยศนี้ในขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

ตอนนี้งานฉลองเทศกาลปัสกากำลังจะมา พวกปุโรหิตใหญ่และธรรมจารย์ก็กำลังมองหาวิธีที่จะฆ่าพระเยซู "ฝ่ายซาตานเข้าดลใจยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอทที่นับเข้าในพวกสาวกสิบสองคน ยูดาสได้ไปปรึกษากับพวกปุโรหิตใหญ่และพวกนายทหารว่า จะทรยศพระองค์ให้เขาได้ด้วยวิธีใด คนเหล่านั้นดีใจ และตกลงกับยูดาสว่าจะให้เงิน" (ลูกา 22: 3-5) “ฝ่ายซาตานเข้าดลใจยูดาส" ตลอดที่ผ่านมานั้นเขาต้องการเงินมาตลอด ตอนนี้มารก็ใช้จุดอ่อนของเขาให้ทำชั่วและยูดาสก็ตกหลุมพราน - "ฝ่ายซาตานเข้าดลใจยูดาส" - และแล้วเขาก็ไปหาพวกปุโรหิตใหญ่เพื่อบกถึงแผนการที่จะทรยศพระผู้ช่วยให้รอด ยูดาส อิสคาริโอทรยศพระเยซูคริสต์เพราะเงิน! ความโลภทำลายจิตวิญญาณของเขา!

ดร. คาเกน ได้เทศนาการฐ์หนึ่งดีมากในเช้าวันนี้ชื่อว่า "ตัณหาของตาและใจที่หยิ่งผยอง" (ยอห์น 2:16) ดร. คาเกนกล่าวว่า "ผมหมายถึงอะไรที่กล่าวว่า 'ตัณหาของตาและใจที่หยิ่งผยอง'? ผมกำลังพูดถึงเงินและสิ่งที่เงินสามารถซื้อได้อย่าง - บ้าน รถยนต์ เสื้อผ้าที่ดี การเดินทางตามใจปราถนาทุกอย่าง ... เมื่อไหร่ก็ตามเงินและสิ่งที่มันซื้อได้เหล่านี้ ดึงดูดสายตาของคุณและกลายเป็นเป้าหมายหลักของคุณไปแล้ว และคุณถลางลึกเข้าไปจนถึงจุดที่คุณกลายเป็นทาสของตัญหาแห่งดวงตา ผม] กล่าวถึงสรรเสริญเยินยอคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า[ด้วย] ผมกำลังพูดถึงการเอาใจและโปรโมเพื่อให้ได้มาซึ้งชื่อเสียงและทุกสิ่งที่อยากให้ผู้คนอื่นพูดเยินยอคุณ ใช่คุณควรจะทำดีในโรงเรียน ใช่คุณควรจะทำงานหนัก เมื่อสิ่งเหล่าถวายเกียรติแด่พระเจ้าแทนที่เอาใจมนุษย์"

จากนั้น ดร. คาเกน พูดถึงคนที่มารทดลอง ดร. คาเกน กล่าวว่า "มารจะใช้คนที่คุณชอบและให้ความเคารพ มันจะใช้คน ... ที่คุณเรียนจากคนนั้น - อย่างเรียกว่า 'พี่เลี้ยง' ในโลกธุรกิจ มัยจะใช้คนในวิทยาลัยของคุณที่คุณชื่นชมและให้ความเคารพ - อาจารย์ของคุณและ 'พี่เลี้ยง' คนอื่น ๆ ในชีวิตของคุณ คุณจะฟังและทำตามคำแนะนำของเขา คุณอาจจะไม่เคยคิดถึงเรื่องเช่นนี้ แต่พวกเขาจะกลายเป็นศิษยาภิบาลที่แท้จริงของคุณ – เป็นคนเลี้ยงแกะของคุณ แนะนำของคุณ ... คุณจะไม่เคยเลยว่านั่นมันเป็นสิ่งล่อใจ มันดูดีให้กับคุณ แต่มันจะดึงความรักของคุณออกไปจากพระคริสต์ ... ตอนที่คุณเป็นนังเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว พระคริสต์และคริสตจักรดูเหมือนสำคัญให้คุณมาก แต่มาตอนนี้คุณเริ่มนำไปเก็บไว้บนหิ้งและเป็นส่วนหนึ่งที่มีค่าขนาดน้อยมากชีวิตของคุณ ... และเมื่อเวลาผ่านไป - และนานไป - จนกระทั่งคุณกลาบเป็นเชลย - เหมือนแซมซั่นที่ต้องตาตาบอดเพราะความลุ่มหลงทางโลก " (Christopher L. Cagan, Ph.D., “The Church World or the Wide World?”, Lord’s Day Morning, March 13, 2016)

ตอนผมอ่านบทเทศนาที่ดีของ ดร. คาเกน ผมคิดว่า "โอ้พระเจ้า! ข้าพระองค์ควรจะเทศนาอย่างนี้มานานแล้ว!" บทเทศนานี้ประยุกต์ใช้ให้กับอนุชนแค่สองสามคนเท่านั้นหรือ? ผมเคยคิดอย่างนี้ แล้วผมก็เขียนรายชื่อของหนุ่มสาวสิบสองคนในคริสตจักรของเรา ที่ถูกล่อลวงโดยซาตานและทำให้ตาบอดคล้ายกับบทเทศนาของ ดร คาเกน ทำให้ผมปวดใจมากที่บทเทศนาของผทตกหล่นหัวข้อนี้ไปเหมือนหนุ่มสาวสิบสองคนในคริสตจักรของเราที่ถูกล่อลวงโดยซาตานและทำให้ตาบอดเหมือนกับยูดาส อิสคาริโอ ขั้นตอนโดยขั้นตอนจนถึงขั้นทรยศพระผู้ช่วยให้รอด!

ยูดาสไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะจบลงด้วยวิธีนี้ ในขณะที่เขาถูกทดลองเริ่มจากสิ่งเล็กน้อยและเรื่อยๆจนในที่สุดฝ่ายซาตานเข้าเขาและทำให้เขาทรยศพระเยซู คุณรู้ไหมว่าเขาได้เงินมาเท่าไหร่จากการทรยศพระคริสต์ครั้งนี้ เขาได้มาเพียง 30 เดนารีอัน หนังสือพจนานุกรมพระคัมภีร์ของเดวิด หรือ The Davis Dictionary of the Bible บอกว่ามันมีค่า "ประมาณ 19.50 ดอลลาร์สหรัฐ นี่คือราคาสำหรับจ้างทาสคนหนึ่ง" มารจ้างคนทำงานราคาถูก! แต่มันกลับได้ค่าตอบแทนขนาดใหญ่! น่าแปลกมาก ผมสามารถหนุ่มสาว12 คนในคริสตจักรของเราทาหลงผิดทางของมารนี้แล้วใจของผมกลับไปประมาณสามสิบปีที่ผ่านมา ผมสามารถเขียนรายชื่ออนุชน 12 คนนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานและรับเงินเดือนในคริสตจักรของเรา – นั่นก็เป็นวิธีเดียวกันที่ซาตานใช้! โอ้พระเจ้าของฉผม ข้าพระองค์จะต้องเทศนาอย่างนี้อีก! ใช่พระเจ้า ข้าพระองค์สัญญาว่าเทศนาอย่างนี้อีกนับตั้งแต่คืนนี้ไป!

คืนแห่งแห่งความน่ากลัว ยูดาสนำศัตรูของพระคริสต์เข้าไปในสวนเกทเสมเน และที่นั่นพวกเขาได้ลากพระเยซูไปเฆี่ยนและตรึงที่กางเขน และยูดาสก็ได้ 30 เหรียญสมใจอยาก - มูลค่าประมาณ $ 19.50

ตอนสายในคืนนั้น "ยูดาสผู้ซึ่งทรยศพระองค์เมื่อเห็นว่าเขาถูกประณาม [รู้สึกสำนึกผิด] และได้นำสามสิบเหรียญเดนาริอันกลับไปให้พวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่พร้อมกับพูดว่า

‘ข้าพเจ้าได้ทำบาปที่ได้ทรยศโลหิตอันบริสุทธิ์’

และเขาโยนเหรียญนั้นในพระวิหารและวิ่งออกไปและแขวนคอตัวเอง" (มัทธิว 27: 3-5) เขาเอาเชือกมาแขวนคอตัวเอง! นั่นเป็นข้อพระคัมภีร์ข้อแรกที่ผมท่องได้ " ‘ข้าพเจ้าได้ทำบาปที่ได้ทรยศโลหิตอันบริสุทธิ์" (มัทธิว 27: 4) ผมท่องข้อนี้ในเวลาที่เล่นละครแสดงเป็น ยูดาส อิสคาริโอที่คริสตจักรแบ๊บติสที่หนึ่งในเมืองฮันติงตัน พาร์ก รัฐเคลิฟอเนีย ตอนนั้นผมอายุสิบแปดปี ข้อนี้หลอกหลอนผมจนกระทั่งผมกลับใจใหม่ในอีกสองปีต่อมา"

คืนนี้ผมขอถามพวกคุณว่าในชีวิตของคุณจะทรยศพระเยซูหรือไม่? หรือคุณจะเอาพระคริสต์และคริสตจักรเป็นที่หนึ่งในใจและชีวิตของคุณ? คุณจะวางใจในพระองค์และมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์และสำหรับพระองค์ผู้เดียวหรือไม่? สามสิบปีต่อจากนี้ไป คุณจะยังคงสามารถที่จะร้องเพลงนั้นออกมาจากใจของคุณอีกหรือไม่

ชีวิตและความรักของข้าฯมอบแด่พระองค์
   พระเมษโปดกของพระเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อข้าฯ
โอ้ ข้าฯจะจงรักภักดีตลอดไป
   พระผู้ช่วยและพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์
   ข้าพระองค์ช่างพึงพอใจมากๆ
พระผู้ช่วยและพระเจ้าของข้าพระองค์
   ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์

โอ้คนหนุ่มสาว เอาหัวใจและชีวิตของคุณมอบให้กับพระเยซูคริสต์ – และไม่หันไปจากพระองค์ เพื่อการล่อลวงของโลกนี้! ร้องเพลงนี้กับผม อยู่ในหน้าทีทสามในหนังสือเพลงของคุณ

ชีวิตและความรักของข้าฯมอบแด่พระองค์
   พระเมษโปดกของพระเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อข้าฯ
โอ้ ข้าฯจะจงรักภักดีตลอดไป
   พระผู้ช่วยและพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์
   ข้าพระองค์ช่างพึงพอใจมากๆ
พระผู้ช่วยและพระเจ้าของข้าพระองค์
   ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระองค์

อาเมน

หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล บรูดโฮมมี: ยอห์น 13:21-30.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคด กรีฟีท:
“Yield Not to Temptation” (by Horatio R. Palmer, 1834-1907).