Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




บทเรียนจากอับราฮัมและอิสอัค

(บทเทศนา # 85 ในปฐมกาล)
LIFE LESSONS FROM ABRAHAM AND ISAAC
(SERMON #85 ON THE BOOK OF GENESIS)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนครลอสแอนเจลิส
ในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Evening, November 29, 2015

“พระองค์ตรัสแก่สองคนนั้นว่า โอ คนเขลา และมีใจเฉื่อยในการเชื่อบรรดาคำซึ่งพวกผู้พยากรณ์ได้กล่าวไว้นั้น พระองค์จึงทรงเริ่มอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้พยากรณ์” (ลูกา 24:25, 27)


พระคริสทรงตรัสให้เหล่าสาวกว่าโมเสสและบรรดาผู้พยากรณ์ต่างก็พูดถึงพระองค์ พันธสัญญาเดิมให้ภาพต่างๆที่แสดงถึงพระคริสต์ มีคำต่างๆที่ใช้แทนพระเยซูและของพระเจ้า คำเทศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งหมดนั้นปรากฏในหนังสือกิจการ - ก่อนที่จะเขียนพันธสัญญาใหม่ พวกเขาเทศนาถึงอะไร? พวกเขาเทศน์ถึงพระเจ้าและพระเยซูคริสต์จากพันธสัญญาเดิม! บางเทศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาจากพันธสัญญาเดิม ศิษยาภิบาลของผมเป็นเวลานานอย่าง ดร. ทิโมธี หลิน เป็นนักวิชาการด้านพระคัมภีร์เดิม แม้ว่าเวลาจะผ่านมาถึงห้าสิบปีแล้วก็ตาม ผมยังจำคำเทศนาของท่านในเยเรมีย์ 1:10 พระดาเนียล 10:13, 20, 21 ในมาลาคี 4: 6 และในปฐมกาล 3:21 หนึ่งในคำเทศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยได้นั้นคือจาก ดร อาร์ จี ลี ในหัวข้อ "วันแห่งการชดใช้" – นั่นคือการพิพากษาอาหับและความชั่วร้าย – ซึ่งเป็นบทเทศนาที่มาจากพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์ และผมเองก็ไม่มีวันลืมคำเทศนาของ ดร. ม.ร.ว. ดีฮาน ในพระธรรมเอเสเคียล 37-39 ผมเองก็ยังได้ยินฟังส่วนหนึ่งในคำเทศนาของ ดร. ดับบริว เอ คริสเวลล์ ที่มีการบันทึกไว้เป็นเวลาห้าชั่วโมงในหัวข้อ "ด้ายสีแดงผ่านทางพระคัมภีร์" หรือ “The Scarlet Thread Through the Bible” ท่านเทศน์ในวันต้อนรับปีใหม่ปี 1961 ที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เมืองดัลลัส เท็กซัส เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีเวลาว่างห้าชั่วโมง คุณสามารถไปฟังคำเทศนานี้ได้จาก www.wacriswell.org มากกว่าครึ่งหนึ่งของบทเทศนาที่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นการอรรถธิบายพันธสัญญาเดิมทั้งเล่ม! ผมยังได้ยิน ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ เกือบทุกวันเป็นเวลาประมาณสิบปี ท่านสอนพระคัมภีร์เดิมทั้งเล่มผ่านรายการวิทยุ จากบุคคลที่ดีของพระเจ้าเหล่านี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้ถึงการวางใจและรักพันธสัญญาเดิม และผมได้เรียนรู้ว่าเกือบทุกหน้าในพันธสัญญาเดิมนั้นกล่าวถึงพระเยซูคริสต์ บางที่ก็กล่าวถึงพระองค์ในรูปแบบของคำพูดเช่น “หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล” (อิสยาห์ 7:14) ในที่อื่น ๆ ก็มีการกล่าวถึงพระองค์ในรูปแบบของภาพหรือชนิด อย่างที่เราเห็นเช้านี้ เป็นชนิดของบุคคล สถานที่ หรือสิ่งในพันธสัญญาเดิม ที่กล่าวถึงในภาพบุคคล สถานที่ หรือสิ่งในพันธสัญญาใหม่

ปฐมกาลบทที่ 22 มีเนื้อหาถึงพระเจ้าในรูปแบบพระพระบิดาและพระเยซูคริสต์พระบุตร ผมอยากให้คุณเปิดพระคัมภีร์ของคุณไปที่หน้า 32 และ 33 ของพระคัมภีร์ฉับบ the Scofield โปรดเปิดพระคัมภีร์ของคุณตลอดนั้นนี้ตลอดการเทศนาของผม

ปฐมกาล 22 เป็นหนึ่งในพระธรรมที่กล่าวถึงพระคริสต์ในพันธสัญญาเดิม ในสดุดี 22 และอิสยาห์ 53 เราอ่านแล้วจะพบถึงคำทำนายถึงพระคริสต์ถึงการทุกข์ทรมานของพระองค์เพื่อเรา นอกจากนี้ในปฐมกาล 22 เรายังได้เรียนรู้อย่างชัดเจนอีกว่าพระเยซูคริสต์ทรงสละตัวเองสิ้นพระชนม์แทนเรา และเรายังได้เห็นภาพของพระเจ้าพระบิดาและมนุษย์ฐานะคนบาป ผมได้อ่านบทนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และผมคิดว่าเราควรอ่านแบบนี้ก็ได้

ภาพของอับราฮัมคือชนิดของคริสเตียนที่แท้จริง
ภาพของอับราฮัมคือชนิดพระเจ้าพระบิดา

นั่นคือ

ภาพของบุตรชายของเขา อิสอัคคือชนิดของพระคริสต์
และภาพของอิสอัคคือชนิดของคนบาปด้วย

นี่คือภาพประเภทต่างๆนั้น

I. ประการแรก พระธรรมตอนนี้คือภาพของการทดสอบพวกคริสเตียน

ดูปฐมกาล 22:1, 2

“และต่อมาภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ พระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม และตรัสกับท่านว่า อับราฮัม และท่านทูลว่า ดูเถิด ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ และพระองค์ตรัสว่า จงพาบุตรชายของเจ้า บุตรชายคนเดียวของเจ้า คืออิสอัค ผู้ที่เจ้ารัก และไปยังแผ่นดินโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า” (ปฐมกาล 22:1, 2)

คำว่า “ลดทอง” เป็นคำที่รุนแรง สามารถแปลได้อีกว่า “ทดสอบ” ในฉบับ NASV ดร. ไรรีย์ กล่าวว่า “พระเจ้าไม่ได้นำความชั่วมาทดลองใคร (ยากอบ 1:13) แต...พระองค์ทดสอบ หรือพิสูจน์ เหมือนอย่างกรณีของอับราฮัม” (Ryrie Study Bible; อ้างจากปฐมกาล 22:1) ผมจำได้ว่าหลายปีก่อนเคยถูกปฎิเสธที่ไปเชื่อตามคำแปลในฉบับ NASV และตามคำแปลของ ดร. ไรรีย์ แต่ตอนนั้นผมเชื่อถูก และตอนนั้นมาจนถึงในค่ำคืนนี้ผ่านมาถึงห้าสิบปี ผมเองก็ถูกต้อง พระธรรมยากอบ 1:13 บอกเราว่าพระเจ้าไท่ได้ทดสอบเราให้บาป ในปฐมกาล 22:1 แสดงว่าพระเจ้าทรงทดสอบเราในชีวิตของการเป็นคริสเตียน อับราฮัมในที่นี่คือภาพของคริสเตียนที่ถูกทดสอบ เราทุกคนก็เป็นอย่างนั้นด้วย

พระคัมภีร์ฉบับ The Scofield กล่าวถูกต้องว่า “ประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณของอับราฮัมเป็นอะไรที่ยากมากๆ แต่ละขั้นตอนนั้นต้องยอมจำนน” นั่นคือ

1. อับราฮัมต้องละทิ้งประเทศ ญาติพี่น้อง (ปฐมกาล 12:1) ผมเองเชื่อว่าอับราฮัมต้องไม่ได้รับความรอดหากไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า ณ ตอนนั้น คนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะอนุชน) ไม่เคยมีประสบการณ์ในความรอด เพราะว่ายังใช้ชีวิตกับเพื่อนที่ไม่เชื่อพระเจ้า – ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่รอด

2. อับราฮัมต้องละทิ้งหลานของเขาที่ชื่อโลท เพราะเขาคือทายาทคนเดียวที่ใกล้ชิดที่สุดในเวลานี้ ปฐมกาล 13:1-8.

3. อับราฮัมต้องยอมละทิ้งลูกชายอีกคนหนึ่ง คืออิชมาเอล ปฐมกาล 17:17, 18

4. อับราฮัมต้องยอมสละบุตรชายคนเดียวที่เขารักมากที่สุด ปฐมกาล 22:1, 2

“และพระองค์ตรัสว่า จงพาบุตรชายของเจ้า บุตรชายคนเดียวของเจ้า คืออิสอัค ผู้ที่เจ้ารัก และไปยังแผ่นดินโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า” (ปฐมกาล 22:2)

ยอมทิ้งอิสอัค! ยอมทิ้งอิสอัค! ยอมทิ้งอิสอัค! ทำไม อับราฮัมรอคอยบุตรมาทั้งชีวิต! ตอนนี้พระเจ้าบอกให้นำเขามาฆ่าเป็นเครื่องบูชา! นั่นคือการทดสอบ! พระเจ้าถามคุณว่า “เจ้าจะยอมเพื่อเราหรือไม่?”

ผมอยากจะเป็นมิชั่นนารีในต่างประเทศ และแล้วพระเจ้าก็ทำให้ฝันนี้สลาย ผมก่อตั้งตริสตจักรที่มีสมาชิกมากถึง 1,000 แต่พระเจ้าก็เอาไปจากผม

ผ่านทางที่ดูเหมือนว่าลำบากและแคบ
   ทุกสิ่งที่ฉันมีหายไปทั้งหมด
ความทะเยอทะยานความต้องการของฉัน
   ถูกวางลงไปที่เท้า
(“I Will Praise Him,” Mrs. Margaret J. Harris, 1865-1919)

คุณยอมละทุกสิ่งไว้ที่แท่นบูชาหรือไม่?
พระวิญญาณควบคุมใจของคุณหรือไม่?
ทางเดียวที่คุณจะได้รับพรสันติสุขและพักผ่อน
คุณต้องยอมจำนนหมดทั้งใจและวิญญาณ
(“Is Your All on the Altar?”, Elisha A. Hoffman, 1839-1929)

คริสเตียนที่ยิ่งใหญ่ในอดิตต่างก็ยอมละทิ้งแผนการและความหวังของตัวเอง พวกเขาทั้งหมดต้องเดินผ่านการเสียสละเพื่อพระเจ้า

จอห์นคริสออสตัมถูกเนรเทศโดยยูโดซัย
   มาร์ตินลูเธอร์ถูกปองร้ายโดยคริสตจักรคาทอลิก
      ริชาร์ดแบ็กซ์เตอร์ถูกขังอยู่ในหอคอยแห่งลอนดอน
         จอห์นบันยันถูกจำจองในคุกสิบสองปี
            จอห์นเวสลีย์ถูกขับออกจากจากโบสถ์โดยชาวอังกฤษ
               จอร์จไวท์ฟิลด์ถูกขับออกจากทุกคริสตจักรในกรุงลอนดอน
                  โจนาธานเอ็ดเวิร์ดส์ถูกไล่ออกจากคริสตจักรของเขาเอง
                     สเปอร์เจียนถูกติเตียนโดยแบ๊บติสยูเนี่ยน
                        เจ เกรสเฮ็ม แมเชนขับออกจากคริสตจักรเพรสไบทีเรียน
                           จอห์นอาไรซ์ถูกตัดขาดออกจากแบ็บติสต์ใต้
                              จิมเอลเลียตถูกฆ่าตายโดยชาวอินเดียอิวคา
                                 ริชาร์ด วูลร์เบรม ถูกขังอยู่ในคุกเป็นเวลา 14 ปี
                                    อัครสาวกเปาโลละทิ้งชีวิตและถูกขว้างด้วยก้อนหินถูกขังถูกตัด

อัครสาวกทุกคนต่างก็ถูกประหารชีวิตยกเว้นแต่ยอห์น พวกเขายอมตายมากกว่าที่จะปฏิเสธพระคริสต์ คริสเตียนในยุคต้นถูกโยนลงไปในโคลีเซียม ที่นั่นพวกเขาถูกสิงโตและหมีฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ต่อหน้าฝูงชนที่ส่งเสียงร้องด้วยความสะใจ พวกนาซีแขวน คอทริช โบนฮอเฟอร์ คอด้วยลวดเปียโนเพียงไม่กี่วันก่อนพันธมิตรปลดปล่อยเยอรมนี ดร. มาร์ติน ลอยด์ โจนส์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเหตุไม่สนับสนุนพวก "ตัดสินใจนิยม หรือ decisionism" ของงานฟื้นฟูของ บิวบี่ แกรเฮ็ม ดร. ฮา โรลด์ ลินเซลล์ ถูกทำร้ายเพราะเขียนหนังสือเรื่อง "การต่อสู้เพื่อพระคัมภีร์" เพื่อเปิดเผยความชั่วของพวกเสรีนิยมใน สถาบันพระคริสตธรรม ดร. บิล พาวเวลถูกเนรเทศและเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เพราะโจมตีการสอนพระคัมภีร์ในสถาบันพระคริสต์ธรรมแบ๊บติสต์ใต้ คริสเตียนปัจจุบันนี้ถูกฆ่าตัดคอโดยพวกมุสลิม

อับราฮัมรอ 100 ปีก่อนที่พระเจ้าจะประทานลูกชายอย่างอิสอัคให้เขา พระเจ้าทดสอบเขาด้วยทรงบอกให้เขาพาลูกชายที่เขารักไปฆ่าเป็นเครื่องเผาบูชาบนภูเขาโมริยาห์ คริสเตียนที่ดีทุกคนต่างก็สูญเสียในสิ่งที่พวกเขารัก ถึงกระนั้นก็ยังมีบางคนที่ไม่ผ่านการทดสอบโดยพระเจ้า คริสเตียนที่ที่ต่างก็ดีรู้สิ่งที่นางแฮร์ริสเขียนตามนี้

ผ่านทางที่ดูเหมือนว่าลำบากและแคบ
   ทุกสิ่งที่ฉันมีหายไปทั้งหมด
ความทะเยอทะยานความต้องการของฉัน
   ถูกวางลงไปที่เท้า

พวกเขาทราบดีถึงคำพูดของ ท่าน ฮอฟแมน ว่าหมายถึงอะไรตอนที่เขาถามคำถามที่ลึกซึ้งนั้น

คุณยอมละทุกสิ่งไว้ที่แท่นบูชาหรือไม่?
   พระวิญญาณควบคุมใจของคุณหรือไม่?
ทางเดียวที่คุณจะได้รับพรสันติสุขและพักผ่อน
   คุณต้องยอมจำนนหมดทั้งใจและวิญญาณ

II. ประการที่สอง อับราฮัมคือภาพของพระเจ้าพระบิดา

อับราฮัมคือภาพของพระเจ้าพระบิดาที่ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เสด็จลงมา และจะต้องทนทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แน่นอนปฐมกาล 22: 2 ทำให้เรามีภาพของหัวใจของพระเจ้าพระบิดา พระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ทรงรักไปที่ภูเขาโกรธา ซึ่งเป็นสถานแห่งเดียวกับภูเขาโมริยาห์ และถวายพระองค์เป็นเครื่องบูชาชดใช้ความผิดบาปของมนุษย์

ดูที่ปฐมกาล 22: 9 ในช่วงครึ่งหลังอับราฮัม "มัดอิสอัคบุตรชายของท่าน และวางเขาไว้บนแท่นบูชาบนฟืน" ฉบับ the Scofield ได้อธิบายเอาไว้ด้านล่างว่า "อับราฮัมเป็นประเภทของพระบิดาที่ 'ไม่สงวนลูกชายของตัวเอง แต่ส่งเขาเพื่อพวกเราทุกคน [โรม 8:32]" เราได้ฟัง ยอห์น 3:16 แล้ว แต่มีบ่อยครั้งที่เราไม่อยากคิดละเอียดอย่างถี่ถ้วนถึงพระคำข้อนี้?

“จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา...” (ยอห์น 3:16)

ลองนึกถึง ยอห์น 3:16 และนึกถึงพระธรรมปฐมกาล อีกครั้งหนึ่ง 22:2

“จงพาบุตรชายของเจ้า บุตรชายคนเดียวของเจ้า... และถวายเขาที่นั่น” (ปฐมกาล 22:2).

ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่า "ในช่วงสามชั่วโมงสุดท้าย กางเขนนั้นได้กลายเป็นแท่นบูชาที่พระเมษโปดกของพระเจ้าผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกได้เป็นเครื่องเผาบูชา การทำธุรกรรมระหว่างพระบิดาและพระบุตรบนไม้กางเขน ... ภาพนั้นเหมือนกันที่นี่ เป็นภาพของอับราฮัมและอิสอัคคน" (Thru the Bible, vol. 1, p. 91)

ดร. ม.ร.ว. ดีฮาน กล่าวว่า “เราไม่อาจที่จะสามารถเข้าใจได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง [พระเจ้า] พระบิดาและพระบุตร พระเยซูคริสต์ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการทนทุกข์ทรมาน นั่นเป็นการทำธุรกรรมระหว่างพ่อและลูก ไม่มีตาของมนุษย์คนไหนที่จะสามารถมองเห็นฉากนั้นได้ [เพราะความมืดปกคลุมทั่วแผ่นดิน] ... เมื่อวิกฤตครั้งสุดท้ายมา และการบูชาครั้งสุดท้ายดำเนินเสร็จสิ้นลง พระเจ้า [ส่งความมืด] ... จนกระทั่งถึงจุดทนทุกข์ทรมานได้มีการร้องไห้ [โดยพระเยซูจากกางเขน] ‘พระเจ้า พระเจ้าไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย’?” (M. R. DeHaan, M.D., Portraits of Christ in Genesis, Zondervan Publishing House, 1966, p. 137)

แน่นอนของอับราฮัมถูกทำให้แตกสลายหากอิสอัคต้องเสียชีวิต และเช่นเดียวกับที่ใจของพระเจ้าถูกทำลายเมื่อพระองค์ต้องทรงเขาหันพระพักต์ออกไปและทอดทิ้งพระบุตร พระเยซูให้ร้องไห้ในที่มืดเพราะ "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก พระองค์จึงได้ประทานพระบุตรองค์องค์เดียว" - เพื่อช่วยกู้คุณและผมออก จากบาปและนรก แน่นอนพระเจ้าทรงสดับเสียงของพระบุตรของพระองค์ที่ร้องไห้หาพระองค์บนไม้กางเขนว่า "พระเจ้า พระเจ้าไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?" แน่นอนน้ำตาของพระเจ้า พระบิดาต้องหลั่งออกมา ตอนที่พระองค์ทรงหันพระพักต์หนีไปจากพระเยซู ผู้แบกบาปของเราคนเดียวบนไม้กางเขน!

III. ประการที่สาม อิสอัคคือภาพของพระเยซู

พระคัมภีร์ฉบับ The Scofield พูดว่า “อิสอัสคือภาพของพระเยซู ‘เชื่อฟังจนถึงตาย (ฟิลิปปี 2:5-8)”

“และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลง ยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน” (ฟิลิปปี 2:8)

ไปดูที่ข้อ 6

“และอับราฮัมเอาฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชาใส่บ่าอิสอัคบุตรชายของตน และท่านถือไฟในมือของท่านและมีดเล่มหนึ่ง และพ่อลูกทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน” (ปฐมกาล 22:6)

นี่คือภาพของพระเยซูที่กำลังแบกกางเขนของพระองค์

“และพระองค์ [พระเยซู] ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า สถานที่กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา ณ ที่นั้น เขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับคนอีกสองคน คนละข้างและพระเยซูทรงอยู่กลาง” (ยอห์น 19:17, 18)

ไปดูที่ข้อ 7 และ 8

“และอิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาของตนและพูดว่า คุณพ่อขอรับ และท่านพูดว่า ลูกของพ่อเอ๋ย พ่ออยู่นี่ และลูกพูดว่า ดูเถิด มีไฟและฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ที่ไหน และอับราฮัมพูดว่า ลูกของพ่อเอ๋ย พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมลูกแกะสำหรับพระองค์เองไว้ให้เป็นเครื่องเผาบูชา ดังนั้นพ่อลูกทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน” (ปฐมกาล 22:7, 8)

อิสอัสถามว่า “มีไฟและฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ที่ไหน?” อับราฮัมกล่าวว่า “พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมลูกแกะสำหรับพระองค์เองไว้ให้เป็นเครื่องเผาบูชา” ตอนนี้ดูที่ข้อ 9

“และเขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกท่านไว้ และอับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น และเรียงฟืนเป็นระเบียบ และมัดอิสอัคบุตรชายของท่าน และวางเขาไว้บนแท่นบูชาบนฟืน” (ปฐมกาล 22:9)

ภาพนี้ อิสยาห์บอกเราว่าคือพระเยซู

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)

ดร. แมคกี้ ชี้ให้เห็นว่าตอนนี้อิสอัคมีอายุประมาณ 33 ปี เหากเราศึกษาพระธรรมปฐมกาลทั้งหมด อิสอัสคือบุคคลที่เชื่อฟังบิดาของเขา โดยยอมให้บิดามัดเขา และวางเขาไว้บนแท่นไม้บูชา ตอนนี้ดูที่ข้อ 10

“และอับราฮัมก็ยื่นมือ และจับมีดเพื่อฆ่าบุตรชายของท่าน” (ปฐมกาล 22:10)

แม้ว่าอับราฮัมไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร แต่เขาได้เรียนรู้มานานแล้วถึงการเชื่อฟังพระเจ้าทรงตรัสให้เขาทำ และการทำเช่นนี้ เขาจึงผ่านการทดสอบ ดูไปที่ข้อ 12

“และพระองค์ตรัสว่า อย่าแตะต้องเด็กหนุ่มนั้นหรือกระทำอะไรแก่เขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า ด้วยเห็นว่าเจ้าไม่ได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้าจากเรา” (ปฐมกาล 22:12)

ดร. แมคกี้ กล่าวว่า “พระเจ้าทรงทดสอบอับราฮัม ผมเชื่อทุกคนที่พระเจ้าทรงเรียก...ทุกคนที่พระเจ้าทรงใช้นั้นจะต้องเข้าสู่การทดสอบ...เพื่อสร้างเราให้แข็งแกร่งในความเชื่อ สร้างเราให้รับใช้พระองค์” (เล่มเดียวกัน อ้างจากปฐมกาล 22:12) ฟังเพลงของนาง แฮร์ริส อีกครั้งหนึ่ง

ผ่านทางที่ดูเหมือนว่าลำบากและแคบ
   ทุกสิ่งที่ฉันมีหายไปทั้งหมด
ความทะเยอทะยานความต้องการของฉัน
   ถูกวางลงไปที่เท้า

เธอกล่าวต่อไปว่า

แล้วไฟของพระเจ้าก็ตกลงมาที่แท่นบูชา
   โอ้ใจของฉันถูกเผาด้วยไฟ
ฉันจะไม่มีวันหยุดที่จะสรรเสริญพระองค์
   สง่าราศี สง่าราศีแด่พระนามของพระองค์
ข้าฯจะสรรเสริญพระองค์ข้าฯจะสรรเสริญพระองค์
   สรรเสริญลูกแกะสิ้นพระชนม์แทนคนบาป
ทุกคนจงสรรเสริญแด่พระองค์
   ความบาปทุกอย่างถูกชำระล้างจนหมด

ผมคิดว่านั่นเป็นคำพยานของเธอ ทั้งหมดที่เธอพูดนั่นต่างสูญสิ้นไปหมด ความทะเยอทะยาน และความปรารถนา แผนการณ์ของเธอต่างสูญสิ้น "จากนั้น" – โอ้ นี่เป็นสิ่งที่ดี! "จากนั้นไฟของพระเจ้าบนลงมาบนแท่นบูชานั่นคือใจของผม ไม่มีอะไรที่จะหยุดผมเพื่อไม่ให้สรรเสริญพระองค์! พระบารมี พระเกียรติจงมีแด่พระนามของพระองค์!" อย่างที่นาย ฮอฟแมน เขียนเอาไว้วาง "คุณสามารถรับพระพร มีสันติสุขและพักผ่อน ก็โดยการยอมจำนนทั้กายและใจของคุณ"

ตอนนี้ลองมานึกถึงคนที่ซื่อสัตย์ที่กู้คริสตจักรของเราให้รอดพ้นจากทางการเงิน ทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบของพระเจ้าที่ส่งมายังพวกเขา ส่วนคนอื่น ๆ วิ่งหนีออกไปในระหว่างที่คริสตจักรมีการแตกแยก แต่คนที่ซื่อสัตย์ยังคงอยู่ที่นั่น ถึงแม้ว่าจะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายอีกมากมายจนกระทั่งผ่านการทดสอบนี้ ผมจำได้ว่า นางซัลลาซาร์ ต้องจ่ายไปเท่าไหร่ ผมจำได้ว่า นาย โพรมโฮมมี ต้องจ่ายไปเท่าไหร่ ผมรู้ว่าภรรยาของผมต้องจ่ายไปเท่าไหร่ ดร. ชาน ดร. คาเกน นาง คาเกน นาง บีบาวต์ และคนอื่น ๆ ทั้งหมด พวกเขาอาจจะพูดว่า "ทั้งหมดที่ฉันมีต่างก็สูญเสียไปทั้งหมด ความทะเยอทะยาน แผนการณ์ของฉันและความประสงค์ของฉันสูญหายหมด" นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบิดาอับราฮัม ตอนที่เขายกมีดของเขาที่จะฆ่าลูกชายที่เขารักมากกว่าชีวิตของตัวเอง! ความทะเยอทะยาน แผนการณ์ของฉันและความประสงค์ของฉันสูญหายหมด! และนั่นคือวิธีการที่เขาและคนอื่น ๆ ผ่านการทดสอบ คุณสงสัยหรือมั้ยว่าทำไมนางซาลาซาร์ถึงเป็นเช่นนักบุญ? ความทะเยอทะยาน แผนการณ์ของฉันและความประสงค์ของฉันสูญหายหมด!

คุณไม่อาจเป็นคริสเตียนที่ดีได้โดยเพียงแค่ศึกษาพระคัมภีร์ แต่คุณกลายเป็นคริสเตียนที่ดีได้โดยยอมสูญเสียสละความทะเยอทะยาน และคุณแผนการณ์ของคุณและทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า! คุณสามารถกลายเป็นคริสเตียนที่ดีแบบเดียวกันกับอับราฮัมได้! ไม่มีทางอื่นอีก! โปรดยืนขึ้นและร้องเพลงในบทที่ 4 “Jesus, I My Cross Have Taken,”

พระเยซูข้าฯแบกกางเขนของฉัน และติอตามพระองค์
   ทุกอย่างที่ข้าพระองค์มีคือยากจนดูหมิ่นทอดทิ้ง
สิ่งเหล่านั้นไม่ว่าความรู้และความหวังต่างก็สูญหายไป
   ฉันเป็นคนที่ร่ำรวย เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นคนข้าพระองค์!

ข้าพระองค์หนีออกจากโลกนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของข้าฯก็เป็นอย่างนั้น
   ใจของมนุษย์ต่างหลอดลวงฉัน แต่พระองค์ไม่เป็นอย่างนั้น
และข้าพระองค์ชื่นชมยินดีเพราะสติปัญญาความรักของพระองค์
   คนในโลกนี้อาจเกลียดฉันแต่พระเจ้าทรงรักข้าพระองค์

คนสร้างปํญหาความยุ่งยากให้ฉัน แต่พระองค์ทรงอวยพรข้าพระองค์
   หนทางแห่งชีวิตอาจมีปัญหา แต่ฉันจะไปพักในแผ่นดินสวรรค์
ที่นั่นไม่มีอะไรทำลายฉัน มีแต่ความรักของพระองค์
   ที่นั่นไม่มีอะไรทำลายฉัน มีสันติสุขกับพระองค์ตลอดไป

สันติสุขและสง่าราศีปกป้องความเชื่อและจากการอธิษฐาน
   อยู่กับพระองค์ในสวรรค์ตลอดไป พระหัตถของพระองค์ค้ำจุนข้าฯ
พันธกิจในโลกนี้กำลังสิ้นสุดลง การเดินทางก็จะผ่านพ้นไป
   ความหวังเปลี่ยนแปลง ความเชื่อการอธิษฐานและสรรเสริญ
(“Jesus, I My Cross Have Taken,” Henry F. Lyte, 1793-1847)

พวกคุณนั่งลงได้

โอ้ ผมไม่ได้วางแผนที่เทศนาตามนี้! ผมเขียนโครงร่างที่สวยงามมาก ก่อนที่ผมจะเริ่มเขียนบทเทศนา ผมใช้เวลาตลอดทั้งวันศุกร์ ในท้ายที่สุด “โคงร่างบทเทศนาของผมก็ไม่ได้นำมาใช้!” ให้เป็นไปตามนั้น! นั่นคือผมเชื่อว่าให้เป็นไปตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับอับราฮัมและอิสอัค อาจจะดีกว่าเป็นไปตามโครงร่างบทเทศนาของผม!

ดร. ดีฮาน กล่าวว่า "นี่คือศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงจำแนกประเภทและเรามีสองตัวอย่าง อิสอัสเป็นประเภทของพระคริสต์เท่านั้นและไม่ไกลไปกว่านั้น เพราะตัวของอิสอัคเอง [คือคนบาปซึ่ง] ต้องการคนมาถูกฆ่าแทนที่ของเขา และการเปลี่ยนภาพจากอิสอัคเป็นภาพของพระเยซูคริสต์ เหมือนลูกแกะมาแทนที่อิสอัส "(เล่มเดียวกัน หน้า 141) ตอนนี้ดูที่ข้อ 13

“และอับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู และ ดูเถิด ข้างหลังท่านมีแกะตัวผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ และ อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวผู้ตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชายของท่าน” (ปฐมกาล 22:13)

โปรดสังเกตุข้อความนี้ “มาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชายของท่าน” นั่นคือภาพของพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์แทนที่ของคนบาป ลูกแกะถูกฆ่าเผาบูชาแทนที่อิสอัสเป็นภาพที่สมบูรณ์มากถึงการที่พระคริสต์ถูกฆ่าเป็นเครื่องบูชาแทนที่ของคุณ เพื่อไถ่บาปของคุณบนไม้กางเขน พระเยซู “พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้น [กางเขน] เพื่อว่าเราทั้งหลายซึ่งตายจากบาปแล้ว” 1 เปโตร 2:24

ผมกำลังขอร้องคุณให้วางใจพระเยซู ขณะที่คุณวางใจในพระองค์ ผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปของคุณ และพระโลหิตของพระองค์ทรงหลั่งบนไม้กางเขนจะชำระคุณจากบาป - ช่วงเวลาที่คุณวางใจพระองค์หมดทั้งหัวใจของคุณ วางใจในพระองค์เท่านั้น วางใจในพระองค์เท่านั้น วางใจพระองค์ในขณะนี้เท่านั้น พระองค์จะทรงช่วยคุณรอด พระองค์จะทรงช่วยคุณรอด พระองค์จะทรงช่วยคุณรอด

หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล บรูดโฮมมี: ปฐมกาล 22:1-14.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย ท่าน เบนจามิน คินเคด กรีฟฟี่:
“Is Your All on the Altar?” (Elisha A. Hoffman, 1839-1929).


โครงร่างของ

บทเรียนจากอับราฮัมและอิสอัค

(บทเทศนา # 85 ในปฐมกาล)
LIFE LESSONS FROM ABRAHAM AND ISAAC
(SERMON #85 ON THE BOOK OF GENESIS)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“พระองค์ตรัสแก่สองคนนั้นว่า โอ คนเขลา และมีใจเฉื่อยในการเชื่อบรรดาคำซึ่งพวกผู้พยากรณ์ได้กล่าวไว้นั้น พระองค์จึงทรงเริ่มอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้พยากรณ์” (ลูกา 24:25, 27).

(อิสยาห์ 7:14)

I.      ประการแรก พระธรรมตอนนี้คือภาพของการทดสอบพวกคริสเตียน ปฐมกาล 22:1, 2; ยากอบ 1:13; ปฐมกาล 12:1; 13:1-8; 17:17, 18; 22:1, 2.

II.    ประการที่สอง อับราฮัมคือภาพของพระเจ้าพระบิดา ปฐมกาล 22:9; โรม 8:32; ยอห์น 3:16; ปฐมกาล 22:2.

III.  ประการที่สาม อิสอัคคือภาพของพระเยซู ฟิลิปปี 2:8; ปฐมกาล 22:6; ยอห์น 19:17, 18; ปฐมกาล 22:7, 8, 9; อิสยาห์ 53:7; ปฐมกาล 22:10, 12, 13; 1 เปโตร 2:24.