Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ข้าพระองค์ - สะอาดได้

I WILL – BE THOU CLEAN!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 1 เดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, March 1, 2015

“และมีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงต่อพระองค์ และทูลวิงวอนพระองค์ว่า เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้ พระเยซูทรงสงสารเขาจึงทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องคนนั้น ตรัสแก่เขาว่า เราพอใจแล้ว เจ้าจงสะอาดเถิด พอพระองค์ตรัสแล้ว ในทันใดนั้นโรคเรื้อนก็หาย และคนนั้นก็สะอาด” (มาระโก 1:40-42)


ผมรักที่จะอ่านพระธรรมมาระโก ชื่อภาษาฮิบรูของเขาคือยอห์น มาระโกในภาษาละตินคือ "มาร์คัส" ยอห์น มาร์คเป็นบุตรชฝ่ายจิตวิญญาณของอัครสาวกเปโตร โดยที่เปโตรเรียกเขาว่า "มาร์คัสลูกชายของเรา" ( 1 เปโตร 5:13) หนึ่งในผู้นำคริสตจักรในช่วงยุคต้นคือ ปาเปียส (70-163) ปาเปียสกล่าวว่า มาระโกได้รับพระกิตติคุณของเขาจากเปโตร ปาเปียสกล่าวว่า "มาระโก [เลขานุการ] ของเปโตรเขียนข้อความที่เป็นคำพูดของเปโตรได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนลงไว้ในพระธรรม [เปโตร] และได้อย่างถูกต้อง" จัสติน มาร์เตอร์ (100-165) ก็กล่าวไว้อย่างเดียวกันว่ามาระโกเขียนข้อความที่เป็นคำพูดของเปโตร มีผู้นำในอีกคริสตักรหนึ่งชื่อ อิวสิเบียส (263-339) กล่าวถึงคริสเตียนในยุคต้นว่า "ได้ขอร้องให้มาระโกช่วยเก็บข้อเขียนที่ได้บันทึกคำพูด [จากปีเตอร์] ไว้ให้เขาด้วย"

มาระโกเป็นพระกิตติคุณที่แสดงถึงการทำพันธกิจเพราะเปโตรเป็นบุคคลแห่งพันธกิจ พระกิตติคุณเล่มนี้เขียนขึ้นมาเฉพาะสำหรับชาวโรมัน ซึ่งเป็นพวกที่รู้จักบุคคลแห่งพันธกิจนี้เป็นอย่างดี คำว่า "และ" ปรากฏ 1,331 ครั้งในพระกิตติคุณมาระโก คำว่า "โดยตรง" หรือ "ทันที" ยังปรากฏครั้งแล้วครั้งเล่าในพระธรรมมาระโก คำว่า "และ" ชี้ให้เห็นถึงการกระทำ ขอให้สังเกตห้าคำนี้ ซึ่งจะพาเราเข้าไปสู่ข้อความทั้งหมดของเราที่เริ่มต้นด้วยคำว่า "และ" และสามข้อในข้อความของเราเริ่มต้นด้วยคำว่า "และ"

และมีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์” (ข้อ 40)

และพระเยซูทรงสงสาร” (ข้อ 41)

และพอพระองค์ตรัสแล้ว ในทันใดนั้นโรคเรื้อนก็หาย และคนนั้นก็สะอาด” (ข้อ 42)

ชาวโรมันเชื่อในเรื่องสิทธิอำนาจและการทำพันธกิจ พระธรรมมาระโกมีเพียง 16 บท และเต็มไปด้วยสิทธิอำนาจและการทำพันธกิจของพระเยซูคริสต์ พระคริสต์และผลงานของพระองค์ไม่ได้ถูกอธิบายเป็นแบบยาวๆและไม่ได้อ้างอิงพันธสัญญาเดิม ทั้งหมดนี้มาระโกพยายามแสดงให้เราเห็นถึงฤทธิ์อำนาจและการทรงทำพันธกิจของพระเยซูซึ่งนำไปใช้ให้กับผู้ฟังที่เป็นชาวโรมัน

พันธกิจที่พบในบทที่หนึ่งนั้นมีประมาณเท่าไหร่

พันธกิจของยอห์นผู้ให้บัพติศมา
การรับบัพติศมาของพระเยซู
การถูกทดลองของพระเยซูในถิ่นทุรกันดาร
การทำพันธกิจที่กาลิลีของพระเยซูในช่วงต้น
การทรงเรียกร้องเปโตรและแอนดรูว์
การขับไล่วิญญาณชั่วในเมืองคาเปอร์นาอุม
การรักษาแม่ยายของซีโมน
การเทศนาของพระเยซูทั่วแคว้นกาลิลี
และการรักษาโรคเรื้อนตามที่ปรากฏในข้อความของเรา

พระเยซูคริสต์ทรงทำพันธกิจด้วยฤทธิ์อำนาจ ดังนั้นฤทธิ์อำนาจและการทำพันธกิจนี้ของพระองค์ทรงสามารถช่วยคุณให้รอดในเช้านี้

พระเยซู! พระนามที่ทรงปลดปล่อยเรา
ปลดประโลมความโศกเศร้าของเรา
เป็นบทเพลงที่คนบาปได้ยิน
ชีวิตนี้ และสุขภาพและสันติสุข
   (“O For a Thousand Tongues” by Charles Wesley, 1707-1788)

มีเก้าเหตุการณ์สำคัญถูกกล่าวเอาไว้ในมาระโกบทแรก! ดร. แมคกี้ กล่าวว่า "มาระโกบทที่หนึ่งมีเนื้อหามากกว่าพระธรรมเล่มอื่น ๆ ยกเว้นปฐมกาลบบทที่ 1" (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, volume IV, Thomas Nelson, 1983, p. 161)

ตอนนี้นำเรากลับไปที่ข้อที่เป็นเนื้อหาของเราและการรักษาชายคนหนึ่งที่เป็นโรคเรื้อน

“และมีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงต่อพระองค์ และทูลวิงวอนพระองค์ว่า เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้ พระเยซูทรงสงสารเขาจึงทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องคนนั้น ตรัสแก่เขาว่า เราพอใจแล้ว เจ้าจงสะอาดเถิด พอพระองค์ตรัสแล้ว ในทันใดนั้นโรคเรื้อนก็หาย และคนนั้นก็สะอาด” (มาระโก 1:40-42)

ให้เรามาเรียนรู้สามข้อเท็จจริงสำคัญจากพระธรรมข้อนี้

I. ประการแรก ชายที่เป็นโรคเรื้อน

บทที่สิบสามและสิบสี่ของเลวีนิติอธิบายถึงโรคที่น่ากลัวนั่นคือโรคเรื้อน อธิบายถึงโรคผิวหนังในหลายชนิดรวมทั้งโรคเรื้อนในสมัยปัจจุบัน (หรือขี้ทูด) มีหนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์เล่มหนึ่งกล่าวว่า ชายคนนี้อาจจะมีโรคเรื้อนจริงๆ หรืออาจไม่มีการรักษาอย่างที่พบในข้อสี่สิบห้าตามในข้อที่สี่สิบห้า มีหนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์อีกเล่มหนึ่งกล่าวว่า "มีข้อสงสัยนิดหนึ่งของคนที่เป็นโรคส่วนใหญ่ในพันธสัญญาใหม่นั้นอธิบายว่านั่นเป็นโรคเรื้อน หรือที่เรียกว่าโรคแฮนเซน" (The New Unger’s Bible Dictionary, Moody Press, 1988, p. 307)

ความรุนแรงของโรคเรื้อนตามที่พบในชายคนนี้คือมีแผลที่เป็นผิวสีขาวและชา และมีอาการบวมเกิดขึ้นทั่วร่างกายของเขา และจากนั้นก็กลายเป็นแผลและมีหนองไหลออกจากบาดแผลนั้น แผลเหล่านั้นจะแพร่ไปที่มือและเท้า และทำให้มีรูปร่างที่บิดเบือนและบวมออกมา โรคนี้อาจจะก่อให้เกิดการเน่าเปื่อยไปตามผิวหนังแท้ แผลนั้นก็จะลานไปบนใบหน้าของเขาพัฒนาการออกเหมือนหน้ากากที่น่ากลัว – มีลักษณะคล้ายคลึงกับผู้ชายที่ถูกเรียกว่า "มนุษยช้าง หรือ Elephant man" เขาอาศัยยอยู่ที่เมืองวิคตอเรียนประเทศประเทศอังกฤษ เขาเกิดมามีหน้าตาบวมเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวจึงต้องสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าของเขาตลอดเวลา โรคเรื้อนเป็นโรคผิวหนังที่มีลักษณะผิวบวมและสีแดง นี่คือลักษณะของโรคเรื้อนจริงๆ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักในชื่อโรคแฮนแซน ซึ่งมันเป็นที่น่ากลัวมาก! (See The New Unger’s Bible Dictionary, ibid.)

ดร. วอลเตอร์ เอล์ วิลสัน กล่าวว่าโรคนี้ถือว่าเป็นประเภท (หรือภาพ) ของความบาป มันรักษาไม่หาย โรคเรื้อนในพระคัมภีร์จะต้องได้รับการ "ทำความสะอาด" เพราะโรคเรื้อนเป็นชนิดโรคที่สามารถติดต่อกันได้ ดังนั้นคนที่เป็นโรคนี้จึงต้องถูกแยกให้อยู่คนเดียวหรือแยกจากคนอื่น คนที่เป็นโรคนี้จะต้องสวมผ้าปิดปากของเขาและร้องออกมาว่า "ไม่สะอาด! ไม่สะอาด! "เขาจะต้องอยู่แยกจากค่ายหรือในเมือง

ทั้งหมดนี้เป็นความจริงให้กับคนที่ไม่ยอมกลับใจใหม่ เขาไม่สามารถเป็นสมาชิกให้กับคริสตจักรใดคริสตจักรหนึ่ง เขาไม่สามารถเข้าสู่สวรรค์เพราะโรคบาปของเขา (See Walter L. Wilson, M.D., A Dictionary of Bible Types, Hendrickson Publishers, 1999 reprint, p. 257) เลวีนิติ 13:45, 46 กล่าวว่า

“และคนโรคเรื้อนที่เป็นมลทินนั้น จงฉีกเสื้อผ้าของเขาเสีย และให้ปล่อยผมบนศีรษะของเขา และจงให้เขาป้องริมฝีปากบนของเขาไว้ และร้องว่า มลทิน มลทิน ตลอดวันเวลาที่เขาป่วยเป็นโรค เขาก็จะสกปรก เขาเป็นมลทิน เขาจะต้องอยู่โดยลำพัง ที่อาศัยของเขาจะอยู่ภายนอกค่าย” (เลวีนิติ 13:45, 46)

พระคัมภีร์ฉบับ The Scofield กล่าวถึงเลวีนิติ 13:1 ว่า “โรคเรื้อนเป็นชนิดของบาป (1) ในเลือด (2) มีรูปร่างที่น่าขยะแขยงอย่างชัดเจน (3) ไม่สามารถรักษาหายด้วยวิธีการของมนุษย์” (The Scofield Study Bible, Oxford University Press, 1917, p. 141; note on Leviticus 13:1)

โรคเรื้อนเป็นประเภทหรือเป็นภาพของสิ่งเลวร้ายทั้งหมดของมนุษย์ สิ่งเลวร้ายที่อยู่ในเลือดของเราผ่านลงมาให้เราจากอดัม มันเริ่มต้นจากจุดเล็กๆเพราะการทรยศ และในท้ายที่สุดกลายเป็นที่น่าขยะแขยงและน่ารังเกียจ

“เพราะหาได้อยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัติของพระเจ้าไม่” (โรม 8:7)

พระวจนะกล่าวว่า

“ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้าเขาทุกคนหลงทางไปหมด เขาทั้งปวงเป็นคนไร้ค่าเหมือนกันทั้งสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย” (โรม 3:11-12)

จอห์น เวสลีย์ (1703-1791) ก็ไม่ใช่ผู้ที่ยึดถือตามคาวิล แต่เขากล่าวถึงเนื้อหาตอนนี้ว่า คนที่ไม่ยอมกลับใจใหม่เป็นผู้ที่ "ไร้ความหวัง ไร้อำนาจ ไม่สามารถทำอะไรดีให้กับตัวเองและผู้อื่นเลย... [มนุษย์ทุกคนเป็น] คนที่มีความผิดและอยู่ภายใต้อำนาจของ [บาป] "เขียนเอาไว้ในพระธรรมโรม 3:12, 9 (John Wesley, M.A., Explanatory Notes Upon the New Testament, volume II, Baker Book House, 1983 reprint, pp. 33, 34; notes on Romans 3:12, 9)

ดร. มาร์ติน ลอยด์โจนส์ (1899-1981) กล่าวว่า "คนที่อยู่ในความบาป ... ถูกควบคุมและถูกจัดการโดยบาป" (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Assurance, Romans 5, The Banner of Truth Trust, 1971, p. 306)

ดร. ไอแซค วัต เขียนเอาไว้ในบทเพลงของเขาดังนี้ว่า

พระเจ้า ข้าฯเลวทรามอยู่ในบาปและเกิดมาไม่บริสุทธิ์ไม่สะอาด
มาจากคนๆหนึ่งที่หลงทำบาปและมีความผิด

ดูเถิดเราล้มลงต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ ข้าฯหลบภัยในพระองค์
ไม่มีวิธีการใดที่ทำให้ข้าฯสะอาดจากโรคเรื้อนที่อยู่ลึกภายใน
   (Psalm 51, by Isaac Watts, D.D., 1674-1748)

บาปปกปิดใจให้อยู่ในความมืด มันทำให้คุณคิดว่า "ฉันต้องสูญเสียสิ่งที่ฉันมีมากเกินไป ถ้าฉันจะต้องกลายมาเป็นคริสเตียนอย่างจริงจัง ฉันต้องสูญเสียสิ่งที่ฉันมีมากเกินไป" ดังนั้นแสดงว่าคุณเป็นทาสของบาป คุณต้องพบกับความหายนะและอยู่อย่างสิ้นหวังไปตลอดเวลาและชั่วนิรันดร์ นอกจกานี้บาปยังทำให้คุณคิดว่า "ฉันมาโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ก็พอแล้ว" ดังนั้นคุณจึงอยู่ในสภาพบาปโรคเรื้อนที่ไม่มีความหวังใด ๆ หรือบาปทำให้คุณคิดว่า "ฉันจะต้องมีความรู้สึกอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าฉันรอดแล้ว" แต่พระคัมภีร์ไม่เคยบอกเราว่า เราจะต้องรู้สึกอะไรบางอย่างถึงจะรอดได้ เรารอดโดยการวางใจในพระเยซูคริสต์ บางคนเป็นอย่างนั้นเป็นเดือนและบางคนเป็นปี เพื่อมองหาความรู้สึกแทนที่จะวางใจในพระเยซู นั่นคือใจที่ถูกควบคุมโดยโรคเรื้อนแห่งบาป! ออกัสตัส โทปราดี้ กล่าวไว้ในบทเพลงหนึ่งของเขาว่า

ความประหลาดและความทุกข์
ฉันเปิดตาภายในของฉัน
ใจของฉันถูกกดขี่ด้วยบาป
ที่นั่งของบาปทุกบาป

ความคิดชั่วร้ายอย่างนั้น
สิ่งที่เลวทรามความรักที่นั่น!
ไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อ มารยาเก่ง
ความภาคภูมิใจอิจฉาและเลวทราม
   (“The Heart” by Augustus Toplady, 1740-1778).

ดร. วัตต์ กล่าวว่า

“ภายนออกไม่มีอะไรที่จะทำให้ข้าฯขาวสะอาด
จากโรคเรื้อนที่อยู่ภายใน”

มันไม่เป็นการดีเลยเพียงแค่คุณคิดที่จะพูดตามบทอธิษฐานที่เรียกว่า "คำอธิษฐานของคนบาป" มีชายหนุ่มคนหนึ่งบอกเราว่า "ผมแค่ท่องตามบทอธิษฐานของคนบาปเท่านั้น เพื่อที่ผมจะมีเวลาออกไปเล่น!" ทำเพียงแค่นี้มันไม่เพียงพอที่จะช่วยคนบาปให้รอดได้! การที่คนๆหนึ่งออกมา "ข้างหน้า" ในตอนท้ายของการนมัสการ "เพื่อถวายตัว" ตัวเอง นั่นก็ไม่เป็นการดีด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องและเป็นฝ่ายเนื้อหนังที่อยู่ใน "รูปแบบของการออกไปข้างหน้า" เท่านั้น

“ภายนออกไม่มีอะไรที่จะทำให้ข้าฯขาวสะอาด
จากโรคเรื้อนที่อยู่ภายใน”

ในกรณีของคนที่เป็นโรคเรื้อนตามที่ปรากฏในพระวจนะของเราในตอนนี้ เขาเป็นโรคเรื้อน และเขารู้ว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถทำได้หรือพูดตามเพื่อที่จะทำให้เขาสะอาดได้

II. ประการที่สอง ชายคนนั้นมาหาพระเยซู

“และมีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงต่อพระองค์ และทูลวิงวอนพระองค์ว่า “เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้” (มาระโก 1:40)

คนโรคเรื้อนที่น่าสงสารนี้ไม่เคยสงสัยในสิ่งที่เขาได้ยินถึงพระเยซู จอห์น เวสลีย์ กล่าวว่าบางที่เขาอาจจะได้ยินพระเยซูเทศนามาก่อนนั่นแล้วก็ได้ เวสลีย์ กล่าวว่า "บางทีคนโรคเรื้อนนี้คิดว่าเขาไม่ [อาจ] อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงอยู่ฟังพระเยซูในระยะทางที่ห่างๆ" (อ้างแล้ว) ท่านเวสลีย์ รู้จักเรื่องอย่างนี้ดีเพราะเคยมีคนจำนวนมากมาฟังท่านเทศนาในระยะไกลๆ – และแล้วก็ได้รับความรอดด้วย! นี่คือส่วนหนึ่งในจดหมายที่เขียนให้กับเวสลีย์ในปี 1745

ตั้งแต่ที่ผมได้ยินพี่ชายของท่าน [ชาร์ลส์] และคุณ ผมไม่รู้จักตัวเองอีกเลย แล้วผมก็มาค้นพบว่าผมเป็นคนที่ไม่เชื่อ ไม่มีใครสามารถช่วยผมได้ เว้นแต่พระคริสต์ ผมร้องทูลพระองค์และพระองค์ทรงได้ยินผมและทรงตรัสคำเหล่านั้นไว้ในใจของผมด้วยฤทธิ์อำนาจ "ไปอย่างมีสันติสุข บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว" ( (John Wesley, M.A., The Works of John Wesley, volume I, Baker Book House, 1979 reprint, page 527)

และนั่นคือสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำให้กับคนที่เป็นโรคเรื้อนนี้ เช่นกันพระองค์ก็จะทำให้กับคุณด้วย ในตอนที่คุณอ่อนน้อมถ่อมตนและวางใจในพระองค์เหมือนอย่างคนโรคเรื้อนนี้ได้ทำกัน

III. ประการที่สาม ชายคนนี้ได้รับการรักษาให้สะอาด

ผมอยากจะพูดในที่นี้สักนิดหนึ่งเกี่ยวกับ ”ผู้ฟัง” ที่เป็นเพนเทคอสและคาลิสเมติ พวกนี้จะเน้นการรักษาในฝ่ายร่างกายมากเกินไป จนทำให้ฤทธิ์เดชแห่งพระกิตติคุณถูกบดบังและทิ้งออกไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เราไม่ควรมุ่งเน้นการรักษาในฝ่ายร่างกายของมนุษย์มากจนเกินไป พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราให้พ้นจากโรคเรื้อนแห่งบาป ซึ่งไม่ใช่รักษาเราให้พ้นจากอาการของโรคผิวหนังหรือต่อมทอนซิลอักเสบ! ดร. เอ ดับบลิว โทเซอร์ (1897-1963) กล่าวถึง “ผู้ฟัง” อย่างนี้ว่า

ผลของการกระทำนั้น แสดงออกถึงความไร้ยางอายที่ชอบขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคน แทนที่จะขึ้นอยู่กับองค์พระเยซูคริสต์ และมักจะมีปัญหา ในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างการงานฝ่ายเนื้อหนังและการงานของพระวิญญาณ (A. W. Tozer, D.D., Keys to the Deeper Life, Zondervan Publishing House, n.d., pp. 41, 42)

ใช่ผมเองก็เชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถรักษาร่างกายของเรา ผมเชื่อว่าพระองค์ทรงสามารถทำอย่างนั้นได้อย่างไร้ข้อสงสัย! แต่ถ้าเราจะต้องเลือกระหว่างการรักษาในฝ่ายร่างกายและการรักษาในฝ่ายวิญญาณที่มีบาปเปื้อน เราต้องเลือกฝ่ายไหน? มันง่ายมากและไม่ต้องคิด เพราะร่างกายของเราจะต้องร่วงโรยไปในเร็วๆนี้ แต่จิตวิญญาณของเราจะอยู่ไปชั่วนิรันดร์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันจึงเป็นอะไรที่ง่ายต่อการที่จะมองเห็นว่าฝ่ายไหนสำคัญมากที่สุด!

จากเรื่องราวของโรคเรื้อนคนนี้ เขาไม่ได้รับการรักษาในฝ่ายร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฝ่ายจิตวิญญาณด้วย แน่นอนเราสามารถแปลความหมายการสอนของพระเยซูคริสต์ที่ว่า

“เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก [รวมถึงฝ่ายร่างกาย] แต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร?” (มาระโก 8:36)

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ชายคนนี้รู้ว่าในชีวิตของเขานั้นมีอะไรที่ลึกไปกว่าโรคเรื้อนเสียอีก เขาไม่ได้ขอพระเยซูให้ทรงรักษาเขา เขากล่าวว่า "เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้" เขาไม่ได้แสวงหา "เนื้อหนังที่จะพินาศ" เพียงอย่างเดียว "โรคเรื้อนที่อยู่ลึกภายในเขา" นั่นคือเหตุผลที่พระเยซูทรงช่วยกู้เขาในทันใดนั้น

"เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้" (มาระโก 1:40)

“พระเยซูทรงสงสารเขาจึงทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องคนนั้น ตรัสแก่เขาว่า “เราพอใจแล้ว เจ้าจงสะอาดเถิด”” (มาระโก 1:41)

และในทันใดนั้น “เขาก็สะอาด” (มาระโก1:42)

นั่นแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจของพระกิตติคุณ พระเยซูได้หลั่งโลหิตลงบนไม้กางเขนเพื่อชำระคุณให้พ้นจากบาปทั้งหมด พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์จากความตายเพื่อให้คุณมีชีวิตใหม่ เมื่อคุณมาที่พระเยซูโดยทางความเชื่อง่ายๆแบบชายคนนี้แล้ว พระเยซูจะทรงช่วยคุณให้รอดใน "ทันที" ทันใด! สำหรับผมแล้วถือว่านี่เป็นเนื้อหาที่สำคัญที่สุดในพระคัมภีร์! "เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้" "ข้าพระองค์จะสะอาด" - แล้วเขาก็สะอาด! นั่นคือพระเยซู! นั่นคือข่าวดีแห่งความรอด! นั่นคือความหวังเดียวของคุณ! "พระเยซู เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้" "ข้าพระองค์จะสะอาด" จงมาที่พระเยซู และวางใจในพระองค์ นั่นเป็นความจริงที่ง่ายๆต่อการที่จะไว้วางใจในพระเยซู พระองค์จะทรงทำให้คุณสะอาดในช่วงเวลานั้น! - เช่นเดียวกันกับที่พระองค์ทรงทำให้กับผู้ชายคนนี้! ไม่จำเป็นที่จะต้องรออีกต่อไป! จงวางใจพระเยซูแล้วจะสะอาด! พระบิดาเจ้าข้า ในเช้าวันนี้ ข้าพระองค์อธิษฐานขอให้มีคนวางใจในพระเยซู และรับการชำระให้ความสะอาดโดยพระโลหิตของพระองค์! อาเมน

และฉันรู้ ใช่ ฉันรู้
   พระโลหิตของพระเยซูสามารถทำให้คนบาปขาวสะอาด
และฉันรู้ ใช่ ฉันรู้
   พระโลหิตของพระเยซูสามารถทำให้คนบาปขาวสะอาด
(“Yes, I Know!” by Anna W. Waterman, 1920)

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: มาระโก 1:40-42.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“Yes, I Know!” (by Anna W. Waterman, 1920).


โครงร่างของ

I WILL – BE THOU CLEAN!

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“และมีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงต่อพระองค์ และทูลวิงวอนพระองค์ว่า เพียงแต่พระองค์จะโปรด พระองค์ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์สะอาดได้ พระเยซูทรงสงสารเขาจึงทรงยื่นพระหัตถ์ถูกต้องคนนั้น ตรัสแก่เขาว่า เราพอใจแล้ว เจ้าจงสะอาดเถิด พอพระองค์ตรัสแล้ว ในทันใดนั้นโรคเรื้อนก็หาย และคนนั้นก็สะอาด” (มาระโก 1:40-42)

(1 เปโตร 5:13)

I.       ประการแรก ชายที่เป็นโรคเรื้อนเลวีนิติ 13:45, 46;
โรม 8:7; 3:11-12.

II.      ประการที่สอง ชายคนนั้นมาหาพระเยซู
มาระโก 1:40.