Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




การก่อตัวของพายุ

THE GATHERING STORM
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 6 เดือนตุลาคม ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส

A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, October 6, 2013

“ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” (มัทธิว 24:37-39)


ในหนังสือชื่อ การก่อตัวของยพายุ ของ วินสตัน เชอร์ชิล บอกว่าอังกฤษกำลังหลับอยู่ในขณะที่กองกำลังของความชั่วร้ายของฮิตเลอร์ในประเทศเยอรมนีเตรียมพร้อมที่จะทำสงคราม อังกฤษไม่พร้อมเพราะพวกเขาคิดว่าทุกอย่างมีแต่ความสงบสุข เฉพาะเชอร์ชิลเท่านั้นถึงรู้ว่าพวกเขากำลังตกอยู่ภายใต้การถูกทำลาย ถึงกระนั้นก็ตามไม่มีใครฟังคำเตือนของเขา! และดังนั้นนี่จึงเป็นอีกครั้งในสมัยของเรานี้ พระคัมภีร์กล่าวว่า

“สงบสุขและปลอดภัยแล้ว” เมื่อนั้นแหละความพินาศก็จะมาถึงเขาทันที เหมือนกับความเจ็บปวดมาถึงหญิงที่มีครรภ์ เขาจะหนีก็ไม่พ้น” (1 เธสะโลนิเก 5:3)

นักเขียนชาวชื่อว่า อเล็กเซนด์ โซซี กล่าวว่า "กองกำลังแห่งความชั่วร้ายได้เริ่มเป็นที่น่ารังเกียจของพวกเขาอย่างเด็ดขาด" ในบทที่ใช้ชื่อว่า "ความมืดเข้ามา" ดร. เอ็ดเวิร์ด ฮินด์สัน กล่าวว่า "มันดูเหมือนว่าเราจะขุดลึกลงไปดีพอที่จะโจมตีพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์เป็นครั้งสุดท้าย" (Ed Hindson, Ph.D., Final Signs, Harvest House, 1996, p. 77)

ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นคริสเตียน ชาร์ลส์ โคลสัน เป็นที่ปรึกษาระดับสุงของประธานาธิบดีนิกสัน สื่อฝ่ายเสรีนิยมเรียกเขาว่า "ผู้ชายด้ามขวาน" ของนิกสัน หลังจากการกลับใจของโคลสันของเขาชี้ให้เห็นว่าจักรวรรดิโรมันล่มสลายเพราะไปรบกับคนแถบป่าเถื่อนไร้การศึกษา เขาบอกว่า "คริสตจักรจะต้องยืนอยู่ฝ่ายเดียวต่อสู่กับวัฒนธรรมเถื่อนจากยุคมืด" (เดียวกัน หน้า 78) แต่วันนี้คริสตจักรเองเสื่อมลงและไม่มีความหวังใดให้กับคนสมัยนี้เลย ดร. คาร์ล เฮนรี่ เอฟ เฮช เป็นนักวิชาการและผู้นำทางศาสนากล่าวว่า "การเสื่อมถอยของคริสตจักรสามารถดูได้จากสถิติการเข้าร่วมนมัสการของคริสเตียนที่มีจำนวนตัวเลขที่ลดลง...มีแต่เรื่องไร้ซึ่งความหวัง...ไม่มีกล่าวถึงสิ่งที่เป็นนิรันดร์เลย...ความป่าเถื่อนฝุ่นเสื่อมของอารยธรรมเงามืดบดบังคริสตจักรดูเหมือนว่าพิการไป" (Carl F. H. Henry, Ph.D., Twilight of a Great Civilization, Crossway Books, 1988, p. 17)

ดร. เฮนรี่กล่าวว่า "น้ำพุที่ลึกยิ่งนักนั้นจะแตกขึ้นมาในเวลาของเรา สถาบันการศึกษาที่ต้องทนจมอยู่ใต้น้ำ...คำถามให้กับเราคืออารยธรรมสามารถอยู่รอด" (เดียวกัน หน้า 16) เขาบอกว่า "ความสำเร็จที่ถือว่าป่าเถื่อนทั้งหมดของวิทยาศาสตร์ได้ถูกนำไปใช้โดยป่าเถื่อนโหดร้ายและฉลาดแกมโกง อย่างเช่น ฮิตเลอร์และนาซี [ใช้] ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อผลิตแก๊สมาฆ่าคนนับร้อยนับพันคน รวมถึงสตาลินและทรราชเผด็จการอื่น ๆ ได้เรียนรู้มานานแล้วว่าสื่อมวลชน [มากมาย] จะตกเป็นทาสของผู้นำเหล่านั้น" (เดียวกัน)

สื่อกระแสหลักของเสรีนิยมในทุกวันนี้ดูเหมือนจะทำอย่างนั้น – ทุกหน้าที่ตำแหน่งต่างก็ต้องผ่านการเห็นชอบโดย บารัก โอบา สมาชิกสภาคองเกรสอย่าง แรนดี้ ฟอร์บ กล่าวว่า " การกระทำนี้ [ประธานาธิบดี] ได้รับการสาปแช่งมากที่สุดในเรื่องการให้เสรีภาพทางศาสนา...มากกว่าการบริหารงานใด ๆ เท่าที่ผมรู้จักหรืออ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา" (นิตยสาร การตัดสินใจ , ตุลาคม 2013 หน้า 17) บิชอป แฮร์รี่ แจ็คสัน เป็นหนึ่งผู้นำทางศาสนาชาวแอฟริกัน อเมริกัน โดดเด่นที่สุดในประเทศที่ จดสำกัดพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โอบามาได้กลายมาเป็นศัตรูของศาสนาคริสต์ และประเทศก็คือ "นำประเทศเข้าสู่ช่วงวิกฤตที่ใหญ่มาก" (เล่มเดียวกัน ) เขาบอกว่าเราเป็น "อารยธรรมภายภายใต้ของภัยพิบัติ" (เดียวกัน หน้า 19) แม้แต่ บ็อบวู้ดเวิร์ด นักข่าวฝ่ายเสรีนิยมผู้ก่อตั้งนิติยสาร วอเตอร์เกต ก็ยังเป็นห่วง เขาบอกให้นักข่าวของ ฟ็อกซ์ บิลรีลลี่" ว่าโอบามาคือบุคคลที่ครอบครองทำเนียบขาวที่อันตรายมากมี และทำเนียบกลายมาเป็นสถานที่น่าสงสัยมากที่สุดในประวัติศาสตร์" (เล่มเดียวกัน , p 19 ) นิตยสารที่ชื่อว่าการตัดสินใจ ของบิลลี่ เกรแฮม กล่าว ว่าโอบามา ได้นำอเมริกาเข้าสู่ "เส้นทางที่อันตราย" ขณะที่ "ประธานาธิบดี ได้ลบคุณค่าของพระคัมภีร์ และเพราะเรื่องเสรีภาพทางศาสนา " (เดียวกัน ครอบคลุม เรื่อง) ในนิตยสารเล่มเดียวกันนี้ ดอน วิลตัน ศาสนาจารย์คณะแบ๊บติสที่โดดเด่นคนหนึ่ง กล่าวว่า "ซาตาน ต้องการที่จะทำลายชีวิตคนทุกคนและเขาไม่ใช่ทำให้เกิดการสงสัยเท่านั้น และยังใช้มีการการหลอกลวง และอื่น ๆ เป้าหมายของซาตานคือการ เอาชนะ ขโมย แบ่ง และทำลาย " (เดียวกัน หน้า 29)

การเสื่อมสภาพของศาสนาคริสต์ในอเมริกาอีกอย่ามาจากการทำลายของพวกอิสลาม เดือนที่แล้วมี 80 อาคารโบถส์ของคริสเตียนถูกระเบิดจากชาวมุสลิมในประเทศอียิปต์ หนึ่งในบรรดาอาคารของคริสตจักรเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 4! พวกเขาระเบิดแตกออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง! อัตราการโจมตีศาสนาคริสต์โดยไม่อาจที่จะคาดเดากันเกิดขึ้นทั่วไปในโลก และอิหร่านกำลังสร้างระเบิดปรมาณู ผู้นำของพวกเขาได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะทำลายอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา พวกเขากำลังทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านอาวุธนิวเคลียร์

อีกปัญหาใหญ่ในยุคของเรานี้คือวิกฤตการณ์ทางนิเวศวิทยา ยกตัวอย่างเช่นการทำลายฝนและนำป่าทำลายมนุษย์ที่อาศัยที่เมซอน นิตยสารไทม์ เรียกเหตุการณ์นี้ว่า "หนึ่งในโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์"

ลอสแอนเจลิส ไทม์สได้รายงานเกี่ยวกับธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดของโยเซมิตี บทความนี้กล่าวว่า "มวลน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในสวนสาธารณะที่อยู่ในเกลียวตายนักธรณีวิทยากล่าวว่า." เกร็ก สต๊อด นักธรณีวิทยาของสวนสาธารณะนี้กล่าวว่า กล่าวว่า "มันจะอยู่ได้แค่อีก 20 ปีหรืออาจมากกว่า - แล้วมันจะละลายออกไป "บทความนี้กล่าวว่าการหายตัวไปของมวลขนาดใหญ่ของน้ำแข็งเหล่านี้" เกิดขึ้นทั่วโลก แผ่นน้ำแข็งที่ที่ลดน้อยลงกระตุ้นให้หันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปโดยรอบระบบนิเวศ"ในอนาคตภาวะโลกร้อนจะเปลี่ยนวิถีทั้งชีวิตของเรา

ดร. ฮินด์สัน แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่น่ากลัวที่สุดว่า "วันนี้ประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน อิสราเอลและอินเดียต่างก็อาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง...ไม่รู้ว่าเวลาไหนเหตุกาณนี้จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" (เดียวกัน หน้า 87, 88)

นักวิทยาศาสตร์หลายคนมองเห็นถึงความเลวร้ายเกี่ยวกับอนาคต หนึ่งของพวกเขากล่าวว่า "ตอนนี้มันเป็นไปได้ที่จะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ภายในวันเดียว" แต่นักวิทยาศาสตร์แคนาดาตอบโต้เขาและกล่าวว่า "คุณกำลังเข้าใจผิด ตอนนี้มันเป็นไปได้ที่จะทำลายมนุษยชาติทั้งหมดในนาทีเดียว" (Billy Graham, The Challenge: Sermons From Madison Square Garden, Doubleday and Company, 1969, p. 158) พระวัจนะกล่าวว่า

“แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นจะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมาในเวลากลางคืน ในวันนั้นท้องฟ้าจะล่วงเสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยความร้อนอันแรงกล้า แผ่นดินโลกกับการงานทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้นจะต้องไหม้เสียสิ้นด้วย” (2 เปโตร 3:10)

วันนั้นจะมาถึงอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ "วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาเหมือนอย่างขโมยในเวลากลางคืน" คุณไม่คาดได้ว่าขโมยจะมา แต่เขาก็มาอย่างทันทีทันใด - โดยไม่มีการเตือน! และนั่นคือวิธีการมาของวันพิพากษา คนจะไม่เตรียมรับ!คนส่วนใหญ่จะไม่พร้อม! "วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาเหมือนอย่างขโมยในเวลากลางคืน"

อยู่มาวันหนึ่งพระเยซูกับเหล่าสาวกได้ไปบนภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่เพียงนอกกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาถามพระองค์ " “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และวาระสุดท้ายของโลกนี" ( มัทธิว 24:3 ) พระองค์ไม่ใช่ไม่ตำหนิ พวกเขาที่ถามพระองค์ เขาถามพระองค์ด้วยหนึ่งคำถาม แต่พระองค์กลับบอกให้พวกเขารู้ถึงหมายสำคัญหลายอย่างถึง "การสิ้นสุดของโลก" พระองค์ตรัสว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จจำนวนมากและผู้เผยพระวจนะ เท็จมากมาย มันจะเป็นเวลาของการหลอกลวงในฝ่ายจิตวิญญาณ จะมี"พระคริสต์" เท็จ มีลัทธิเทียมเท็จและการเรียนการสอนถึงพระคริสต์อย่างถูกๆผิดๆจากพวกเสรีนิยมที่อยู่ตามสถานพระคริสตธรรมต่างๆ พระคริสต์ยังตรัสว่า จะมีสงครามเกิดขึ้นอย่างไม่มีวันสิ้นสุด และข่าวลือเรื่องสงคราม ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็มีสงครามอื่น ๆอีกมากมาย นักศาสนศาสตร์ฝ่ายเสรีนิยมคิดว่าศาสนาคริสต์จะประสบความสำเร็จ และนำยุคเข้าสู่ความสงบสุขในศตวรรษที่ยี่สิบ แต่ความหวังของพวกเขากลับถูกเหวี่ยงลงเหวเพราะเกิด สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และผลที่ตามมาคืออีกหลายๆอย่าง แฮร์รี่ เมอร์สัน ฟอสดิส์ก ผู้นำฝ่ายเสรีนิยมผู้ริเริ่มความคิดเรื่องเตียนยูโทเปีย เขากล่าวว่า "ถ้าความคิดของคนถูกครอบงำด้วยเหตุการณ์ใหญ่โต ของคนในรุ่นของเรา จะไม่สามมีความหวังเลย" ดังนั้นพวกเสรีนิยมจึงปฏิเสธพระคัมภีร์ โดยหันไปอยู่ในโลกที่ไร้สิ้นหวัง และความสิ้นหวังของพวกเขามีมากคือ ผลคือทุกในวันนี้มีจำนวนตัวเลขการฆ่าตัวตายมากขึ้น สาเหตุของการตายนี้มักเกิดจากพวกนักศึกษาที่เรียนตามวิทยาลัยต่างๆ! ผมอ่านบทความนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเท่านั้น นอกจากนี้พระคริสต์ยังตรัสอีกว่า จะมีการอดอย่างหิวโหย และโรคติดต่อร้ายแรง และแผ่นดินไหว ที่เรากำลังเข้าไปไกล้าทุกที พระองค์ยังตรัสอีกว่า คริสเตียนจะ "ถูกทุกชาติต่างๆเกลียดไปเพราะเห็นแก่นามของเรา" พระองค์ตรัสว่า แม้แต่พวกคริสเตียนกันเองบังต้องทรยศและเกลียดชังซึ่งกันและกัน พระองค์ตรัสวว่า ความวุ่นวายและบาปจะทำให้ความรักของคริสเตียนเยือกเย็นลง แต่พระคริสต์ก็ตรัสว่า พระกิตติคุณจะถูก "ประกาศไปทั่วโลก เพื่อเป็นพยานแก่บรรดาประชาชาติและแล้วปลายจะมาถึง" แล้วพระคริสต์ก็มาตรัสถึงหมายสำคัญที่ใหญ่ไว้ในตอนท้ายว่า

“ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” (มัทธิว 24:37-39)

พวกสาวกได้ขอให้พระคริสต์บอกหมายสำคัญเดียวที่บ่งบอกถึงการเสด็จมาและสิ้นสุดของโลก แต่พระองค์ทรงตอบพวกเขาทำให้พวกเขาด้วยหมายสำคัญหลายอย่าง แล้วพระองค์ทรบอกพวกเขาว่าเวลาสุดท้ายจะมาคล้ายกับเวลาที่โนอาห์อาศัยอยู่ก่อนที่น้ำท่วมใหญ่ พระองค์ตรัสว่า "เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น…เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย"(มัทธิว 24:38, 39) พระองค์ทรงพวกเขาว่ามันเป็นจะเป้นอย่างนั้นเวลาในยุคสุดท้าย ดร. เอ็ม อาร์ วี ดีฮาน อาจารย์สอนพระคัมภีร์ที่ได้รัยการเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง ได้บอกจำนวนหมายสำคัญที่มีลักษณะเฉพาะในยุคของโนอาห์ ที่นี่คือหกหมายสำคัญที่เขากล่าวไว้:

1.      มันเป็นช่วงเวลาที่คนเลิกนับถือศาสนา
2.       มันเป็นช่วงเวลาของการเดินทางทั่วโลก
3.      มันเป็นช่วงเวลาของการสร้างบ้านสร้างเมือง
4.      มันเป็นช่วงเวลาของราคะและการล่วงประเวณี
5.      มันเป็นช่วงเวลาที่โดดเด่นด้วยเพลงป่าเถื่อน
6.      มันเป็นช่วงเวลาของการใช้ความรุนแรงมากเป็นเป็นประวัติการณ์
(M. R. DeHaan, M.D., The Days of Noah, Zondervan Publishing House, 1979 edition, p. 41).

ผมไม่มีเวลาที่จะมากล่าวอธิบายในรายละเอียดได้ทั้งหมด ผมก็จะนำคำสอนจากคำเทศนาให้คุณเกี่ยวกับโนอาห์โดย บิลลี่ เกรเฮ็ม ตอนที่ท่านเทศนาที่ Madison Square ในปี 1969 ผมจำได้ว่าดูการเทศนาทีตอนนี้โดยดูจากจอโทรทัศน์ ท่านกล่าวว่า

พระคัมภีร์สอนว่าในยุคสุดท้ายนั้นจะมีภัยสงคราม การทำลาย การผิดศีลธรรม เพื่อทางที่ดีกว่าพระเจ้าจะต้องเข้าแทรกแซงและหยุดการกระทำนี้... (Billy Graham, “The Day to Come,” ibid., p. 164).

ถ้าพุดถึงยุคของโนอาร์ พระคัมภีร์กล่าวว่า

“และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเค้าความคิดทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไปและพระเยโฮวาห์ตรัสว่า เราจะทำลายมนุษย์ที่เราได้สร้างมาจากพื้นแผ่นดินโลก ทั้งมนุษย์และสัตว์และสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศ เพราะว่าเราเสียใจที่เราได้สร้างพวกเขามา” (ปฐมกาล 6:5, 7)

พระเยซูตรัสว่า "และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย" (มัทธิว 24:39) ผมต้องการให้คุณให้ความสำคัญกับคำพูดของพระคริสต์ "...น้ำท่วมก็มารกวาดเอาพวกเขาทั้งหมดออกไป"

ในยุคสุดท้ายนี้จะไม่มีน้ำท่วมอีก โลกที่เรารู้นี้จะมาถึงจุดสิ้นสุดก็ตอนเมื่อพระเจ้าทรงเทพระพิโรธของพระองค์ลงเป็น “การพิพากษา" ของวิวรณ์ 16:1-21 "ความพิโรธอันดุเดือด [พระเจ้า]" จะเทลงมาเหนือโลกที่ชั่วร้ายนี้ในเวลานั้น (วิวรณ์ 16:19) โลกจะไม่พร้อมสำหรับการพิพากษาที่น่ากลัวนั้น เหมือนพวกที่ไม่ได้เตรียมตัวในสมัยของโนอาห์ เมื่อ "น้ำท่วมก็มากวาดเอาพวกเขาทั้งหมดออกไป" (มัทธิว 24:39) ผมต้องการให้คุณสังเกตสามอย่าง ซึ่งเป็นรวบรวมมาจากบทเทศนาของ สเปอร์เจียน ในหัวข้อ "น้ำท่วมในสมัยโนอาห์"

I. หนึ่ง “น้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น”

การทำลายใหญ่โดยน้ำโลกนั้นได้ท่วมกวาดทุกคนที่ไม่เชื่อออกไป คนทั้งหมดนี้เสียชีวิตจมอยู่ใต้น้ำ ไม่ได้มีคนคนหนึ่งคนใดที่ไม่เชื่อนั้นรอดชีวิต "น้ำก็มาท่วมพวกเขาทั้งหมดออกไป" (มัทธิว 24:39) ไม่ว่าคนที่ร่ำรวยก็ถูกกลืนหายไปกับน้ำแหงพระพิโรธนั้น คนยากจนก็ไม่รอดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการผู้ที่มีความรู้ในวันนั้นไม่รอดและจมน้ำตาย ผมจะบอกคุณว่าไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือสามารถก็ไม่อาจช่วยให้รอดพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า!

เมื่อ โนอาห์ สร้างเรือลำนั้น มันเป็นเรือที่หญ่ที่สุดที่เคยถูกสร้างขึ้นกันมามาในช่วงเวลานั้น มันเป็นเรือขนาดใหญ่ และก็เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในวันของโนอาห์ เรือถูกสร้างมันขึ้นมาบนพื้นดินที่แห้ง อยู่ไกลจากแม่น้ำหรือทะเล คนที่เข้ามาจากทั่วทุกมุมโลกก็จะเห็นมัน เหมือนอย่างทุกวันนี้ที่ผู้คนมาที่ ดิสนีย์แลนด์ ผมสามารถจินตนาการได้เลยว่า คนเหล่านั้นต้องตะโกนด่า โนอาห์ ว่าเป็นคนบ้า หลายคนก็อาจมาจากที่ไกลๆเพื่อมาดูเรือลำนี้ ตอนที่พวกเขาเข้ามาดู โนอาห์ ต้องประกาศให้กับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม ที่จะมาถึง พระคัมภีร์จึงเรียกเขาว่า "ผู้ประกาศแห่งความชอบธรรม" (2 เปโตร 2:5 ) แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านประกาศนั้น พวกเขาไม่เพียงหันหน้าหนีไป แต่พวกเขายังเยาะเย้ย และแล้วน้ำก็ท่วมมาและกวาดพวกเขาออกไปจนหมด แต่ในวันแห่งการพิพากษานั้นมาถึง จะไม่มีการเยาะเย้ยอีกต่อไป เพราะคนเหล่านั้นตกไปอยู่ในบึงไฟนรก ตอนนั้นคุณก็จะคิดได้ว่าจะทำไมถึงไม่เชื่อในพระกิตติคุณและวางใจในพระเยซูคริสต์ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ความไม่เชื่อของคุณจะไม่มีอีกต่อไป แต่แล้วมันจะสายเกินไปสำหรับคุณตลอดไปที่จะรับความรอด เช่นเดียวกันกับคนเหล่านั้น "น้ำท่วมมากวาดเอาพวกเขาทั้งหมดออกไป"

II. สอง ตอนที่น้ำท่วมมานั้นสิ่งเดียวที่พวกเขาเป็นห่วงคือทุกสิ่งที่อยู่ในโลกนี้

พวกเขาหลงไหลกับสิ่งอยู่ในโลกนี้ และพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับชีวิตนิรันดร์ พระคริสต์ตรัสว่า

“เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา” (มัทธิว 24:38)

สิ่งที่พวกเขาคิดคือการกิน การแต่งงาน การดื่มในงานต่างๆ

เราจะจัดงานแต่งงานที่สวยงามที่โบสถ์คืนนี้ เวลา 5:30 เราก็จะมีงานเลี้ยงหลังจากนั้น ไม่มีอะไร ผิดกับเรื่องแต่งงาน แต่สำหรับคนในยุคของโนอาร์นั้นนี่คือสิ่งเดียวที่พวกเขาคิด พวกเขาคิดแต่ชีวิต ณ ตอนนี้เท่านั้น พวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องชีวิตนิรันดร์ และเพื่อความรอดของจิตวิญญาณของพวกเขา และพวกเขาก็เป็นเหมือนพวกคุณบางคน ที่คิดว่าการมาที่คริสตจักรในทุกวันอาทิตย์นั้นมันเป็นการเสียเวลาที่เปล่าประโยชน์ มีนักศึกษาบางคนที่มาเยี่ยมชมคริสตจักรของเรา กล่าวว่าพวกเขาอ่านหนังสือทำการบ้าน ในวันอาทิตย์ เช่นเดียวกันหนุ่มสาวทุกคนในคริสตจักรของเราก็ไปโรงเรียน ไม่ว่ามัธยมหรือวิทยาลัย พวกเขาจะรู้ว่าพวกเขามีวเลามากมายในการศึกษาอ่านหนังสือ หากพวกเขาใช้เวลาของพวกเขาอย่างชาญฉลาด ในแผ่นกระดาษที่พวกให้คุณนั้นแบ่งออกเป็น 12 จุด และสอนถึงวิธีการศึกษา ถ้าคุณทำตามจุดเหล่านั้น คุณจะมีเวลามากพอที่จะอยู่ในคริสตจักรทุกวันอาทิตย์ และยังคงสามารถเรียนได้เกรด A ในชั้นเรียนของคุณด้วย ตัวผมเองก็ผ่านการที่วิทยาลัย ผมไปเรียนในเวลากลางคืน ในขณะกลางวันต้องทำงานสี่สิบชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ผมก็ไม่เคยพลาดต่อการไปนมัสการพระเจ้าที่คริสตจักร และพระเจ้าทรงอวยพรผมต่อการที่ผมยึดพระองค์มาเป็นอันดับแรก ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเข้าร่วมในคริสตจักรนั้น ผมเป็นคนที่ยากจน แต่แล้วก็ตัดสินใจมุ่งมั่นที่จะไปที่คริสตจักรในทุกวันและคืนวันอาทิตย์ หลังจากที่ผมได้ทุ่มเทเวลาให้กับพระ คริสต์ ผมได้เกรดเฉลี่ยที่ A ตอนเรียนที่ คอล สเตท เอล์ เอ แม้ว่าผมจะทำงานเต็มเวลา และเวลา 3 หรือ 4 ให้กับการเรียนทุกๆกลางคืน! พระเยซูตรัสว่า

“แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่าน” (มัทธิว 6:33)

ในชีวิตของผมนั้นสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าพระสัญญาของพระคริสต์นั้นเป็นความจริง ผมยึดพระเจ้ามาเป็นอันดับแรกโดยเข้ามาในคริสตจักรทุกเช้าวันและคืนวันอาทิตย์และพระเจ้าทรงช่วยให้ผมในการเรียนได้เกรดที่ดีในวิทยาลัย ลูกชายของผมที่ชื่อ เลสลี่ ก็เรียนได้เกรดเฉลี่ย A ด้านบัญชีที่ สเตท โนทไรด์ ตอนที่เขาจบการศึกษาครั้งแรกนั้น เขาได้รับเกียรติถูกเลือกให้ไปพูดในวันรับปริญญา เขาก็ไม่เคยพลาดที่จะไปโบสถ์ในเช้าวันอาทิตย์และคืนวันอาทิตย์ ถ้าในชีวิตของเราเอาพระเจ้ามาเป็นที่หนึ่งโดยที่ไม่เคยขาดหายการไปโบสถ์ พระคริสต์ทรงสัญญาว่าพระพรของพระเจ้าจะอยู่ในชีวิตของเรา!

แต่คนในสมัยของโนอาห์และในเวลานี้บอกว่านี่เป็นเรื่องที่ความโง่เขลามาก พวกเขาคิดว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงในการเล่นวิดีโอเกม และดูภาพยนตร์ที่ใช้ความรุนแรง และกระตุ้น ทางเพศ พระเจ้าสำหรับคนพวกนี้อยู่ห่างไกลและยากต่อการที่จะเอาพระองค์มาเป็นอันดับแรกโดยการไปคริสตจักร แต่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ผมได้อ่านบทความหนึ่งกล่าวว่า สื่อลามกเป็นสิ่งเสพติดและเป็นยาที่มีพลังอำนาจ เมื่อคุณได้เสพและติดมันแล้ว แทบเป็นไปไม่ที่คุณจะสามารถหนีออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง! พระคริสต์เท่านั้นทีทรงสามารถช่วยคุณให้เป็นอิสระ – และเพียงคุณยอมจำนนชีวิตทั้งหมดให้กับพระองค์! ส่วนบรรดาผู้ที่ยังคงปฏิเสธพระคริสต์จะจ่ายหนักสำหรับค่าของบาป โลกที่ไร้สาสระ ในวันที่การพิพากษาของพระเจ้าลงมายังโลกนี้อย่างไม่รู้ล่วงหน้า คนในสมัยในของโนอาห์ไม่พร้อม เมื่อ "น้ำท่วมมารับกวาดเอา พวกเขาไปสิ้น" ( มัทธิว 24:39 ) พระคัมภีร์กล่าวว่า " เพราะเราจะต้องกระทำเช่นนี้แก่เจ้า โอ อิสราเอลเอ๋ย จงเตรียมตัวเพื่อจะเผชิญพระเจ้าของเจ้า” ( เอโมส 4:12 ) คุณพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพระเจ้าหรือยัง? หรือ คุณจะถูกส่งไปยังนรกที่ "ไฟไม่มีวันดับ”? (มาระโก 9:44 ) “น้ำท่วมมารับกวาดเอา พวกเขาไปสิ้น"

III. สาม ตอนที่น้ำท่วมนั้นทุกคนที่อยู่ในนาวานั้นต่างก็รอด

สเปอร์เจียน กล่าวว่า "ไม่มีใครหลุดออกมาจาก [นาวา] ไม่มีใครถูกลากออกมา ไม่มีใครเสียชีวิตในนั้นไม่มีใครถูกทิ้งให้ [ตาย] พวกเขาได้รับการดูแลรักษาไว้ในนาวานั้น...เรือนั้นรักษาพวกเขาเอาไว้ และพระเยซูก็จะรักษาทุกคน [ที่] อยู่ในพระองค์ พวกเขาจะปลอดภัยตลอดไปชั่วนิรันดร์ ไม่มีใครจะพินาศในพระหัตถ์ของพระองค์" (C. H. Spurgeon, “Noah’s Flood,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1976 reprint, volume XIV, p. 431).

ภาพของโนอาร์นั้นคือภาพของความรอดในพระคริสต์ ให้เราอ่านฮีบรู 11

“โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้รอด… (ฮีบรู 11:7)

โนอาห์และครอบครัวของเขารอด เพราะพวกเขาเดินเข้าไปในนาวาจึงได้รับความปลอดภัยก่อนที่การพิพากษาโดยการทำให้น้ำท่วมทำลายโลก เพราะครอบครัวของโนอาห์ทำตามจึงเขาเข้าไปอยู่ในนาวาพวกเขาจึงรอด พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้า

“…แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นอีกเจ็ดคนให้รอด เมื่อคราวที่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม” (2 เปโตร 2:5)

หนังอรรถธิบายพระคัมภีร์ของคนสมัยก่อนกล่าวว่านาวาเป็นภาพของคริสตจักร แต่คำอธิบายนี้ได้ถูกปฏิเสธโดยคนในสมัยนี้ แต่ผมคิดว่านักวิชาการสมัยเก่านั้นกล่าวได้ดี ในศตวรรษที่สามนักวิชาการที่ชื่อ “ไซเปรียน (200-258) กล่าวว่า "นอกเหนือจากคริสตจักรแล้วไม่มีความรอดที่ไหนอื่นอีก จอห์น คาลวิน นักปฏิรูปผู้ยิ่งใหญ่กล่าวเช่นเดียวกันว่า ผมคิดว่าพวกเขามีจุดยืนที่ดี ดร. เอ ดับบริว โทเซอร์ (1897-1963) กล่าวว่า "ไม่มีการบริการไหนอีกนอกจากรับใช้พระเจ้าของคนในยุคนี้ จากการเข้าไปข้างในหรือออกจากคริสตจักร...ใครก็ตามที่เยาะเย้ยคริสตจักรท้องถิ่นคนนั้นก็เยาะเย้ยพระกายของพระคริสต์" (A. W. Tozer, D.D., “The Vital Place of the Church,” from God Tells the Man Who Cares, quoted in Warren W. Wiersbe, The Best of A. W. Tozer, Baker Book House, 1978, pp. 64, 65).

ดังนั้นตามความรู้สึกที่ว่านาวานั้นคือภาพของคริสตจักร ผมขอพูดว่า "นั่นคือความรู้สึก" เพราะว่าคุณสามารถเข้าร่วมคริสตจักรได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณรอด มีคริสเตียนหลายคนที่ไปคริสตจักรในขณะที่ยังเป็นคริสเตียนเท็จ

ผมค่อนข้างแน่ใจว่ามีคนเป็นจำนวนมากที่สูญหายนั้นนับเป็นพันๆคนเขามาเพื่อดูนาวานั้น และผมก็รู้สึกอย่างเดียวกันว่า คนส่วนมากที่มาเยี่ยมชมเรือนั้นได้เดินเข้าไปข้างใน พวกเขาเดอนเข้าไปสำรวจอย่างไร้ข้อสงสัยเดินผ่านโครงสร้างเรือ มองดูห้องพักที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็ขึ้นและลงจากที่หนึ่งไปยังชั้นหนึ่งที่อยู่ในนั้น แต่พวกเขาไม่ได้จำนนที่จะอยู่ในนั้นเพื่อความปลอดภัย พวกเขาเข้ามาและจากไป บางครั้งพวกเขาอยู่ที่นั่นและบางครั้งพวกเขาก็ไปที่อื่น พวกเขาจึงไม่อยู่ในนาวาในขณะที่น้ำท่วมมา จึงพบกับความพินาศ” การมาเข้าไปในนาวาและและอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นภาพของคนที่ไม่เชื่อและได้เข้ามาในคริสตจักรเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์ และติดสนิทอยู่กับพระองค์ พระคัมภีร์ฉบับ NIV แปลคำพูดพูดของพระคริสต์ในพระธรรม ยอห์น 15:6 ไว้ดังนี้ "หากเจ้าไม่อยู่ในตัวเรา เจ้าจะเหมือนกิ่งไม้ที่ถูกโยนทิ้งออกไป...เข้าไปในกองไฟและเผา" ดังนั้นเฉพาะผู้ที่มาที่พระคริสต์โดยทั้งหมด และยังคงอยู่ในพระองค์ถึงจะได้รับความรอด

โดยทั่วไปผู้คนมักจะมาถึงคริสตจักร ก่อนที่พวกเขาใช้รับเอาพระกิตติคุณอย่างจริงจังหลังจากนั้น จึงรับเอาความรอด นั่นเป็นวิธีที่คลาสสิกที่คนมารับความรอด อย่างน้อยก็มาก่อนที่พวกคริสเตียนจะทำให้คนเหล่านี้หลงหายไป มีหลายคนเข้ามาที่คริสตจักรแต่ยังไม่วางใจในพระเยซู ผมอยากจะพูดให้กับคุณเท่าที่พูดได้ – การมาคริสตจักรเพียงอย่างเดียวจะช่วยคุณเอะไรไม่ได้ในวันแห่งการพิพากษาถึง พระเยซู ตรัสถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาในคริสตจักรที่มองเห็นด้วยตา แต่ไม่สวมเสื้อผ้าที่เข้ากับงานแต่งงาน กษัตริย์จึงตรัสให้กับผู้ชายคนนี้ว่า "สหายเอ๋ย เหตุไฉนท่านจึงมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานสมรส? คนนั้นพูดไม่ออกเหมือนเป็นใบ้ แล้วกษัตริย์ตรัสว่า "จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ที่นั่นจะมีการร้องไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’" ( มัทธิว 22:12 , 13) คุณสามารถได้รับ "เสื้อผ้างานแต่งงาน" โดยการเชื่อใน พระเยซูเท่านั้น ถ้าคุณปฏิเสธที่จะมาหาพระองค์ อย่าคาดหวังว่าคุณจะรอดพ้นการพิพากษาที่กำลังจะมา ยังในโลกนี้ ถ้าคุณปฏิเสธที่จะมาที่พระเยซู คุณไม่มีวันหลุดพ้นจากไฟนิรันดร์ในนรก

ผมมั่นใจว่าต้องมีช่างไม้ คนงานและวิศวกรในสมัยก่อนเข้ามาร่วมทำงานร่วมกับโนอาห์เพื่อต่อนาวานี้แต่พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกเอาไว้ แต่พวกเขาไม่ไว้ใจนาวาลำนี้ พวกเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน แต่พวกเขาไม่ได้มอบความไว้วางใจของตัวเองให้กับนาวามัน พวกเขาเป็นเหมือนพวกคุณบางคนที่เข้ามาคริสตจักร แต่ไม่ได้มาที่พระเยซู ผมเตือนคุณถ้าคุณมาที่คริสตจักร แต่ปฏิเสธที่จะไวางใจในพระเยซู วันหนึ่งคุณจะต้องตกใจเป็นอย่างมาก ตอนที่พระองค์ส่งคุณเข้าไปในเปลวไฟที่นรก พระเยซูกล่าวว่า

“เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้พยากรณ์ในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ เมื่อนั้นเราจะแจ้งแก่เขาว่า เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา” (มัทธิว 7:22, 23)

พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้ความบาปของคุณ แต่ถ้าคุณปฏิเสธที่จะไว้วางใจเขาคุณจะอยู่นอกนาวาแห่งความรอดเมื่อการพิพากษามา พระเยซูหลั่งโลหิตของพระองค์เพื่อชำระคุณให้สะอาดจากบาปทั้งหมด แต่ถ้าคุณไม่ไว้ใจในพระองค์ คุณจะอยู่นอกนาวาแห่งความรอดเมื่อการพิพากษามา พระเยซูทรงฟื้นจากความตายเพื่อให้คุณได้บังเกิดใหม่และมีชีวิตนิรันดร์ แต่ถ้าคุณไม่วางใจในพระองค์คุณจะอยู่ในกองไฟนิรันดร์ที่ไม่มีวันดับ ผมขอร้องคุณเช้านี้ว่า – จงมาหาพระเยซูพระบุตรของพระเจ้าก่อนที่ มันจะสายเกินไปสำหรับคุณ! เหมือนบทเพลงที่คุณ กริฟฟิท์ ร้องไปก่อนหน้านั้น "ในเวลาเช่นนี้ คุณต้องการพระผู้ช่วยให้รอด"

เราพร้อมที่จะคุยกับคุณถึงเรื่องการทรงช่วยโดยพระเยซู ถ้าคุณอยากจะคุยกับเรา กรุณาลุกออกจากที่นั่งของคุณเดินออกไปข้างหลังของห้องนมัสการในเวลานี้ ดร. คาเกน จะพาพวกคุณไปยังห้องอธิษฐานเพื่อพูดคุย ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ตอบสนองรับเอาพระเยซูในค่ำคืนนี้ด้วย อาเมน!

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย อาเบล พลูโฮมมี: มัทธิว 24:32-42
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“In Times Like These” (โดย Ruth Caye Jones, 1902-1972).


โครงร่างของ

การก่อตัวของพายุ

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” (มัทธิว 24:37-39)

(I เธสะโลนิเก 5:3; II เปโตร 3:10; มัทธิว 24:3;
ปฐมกาล 6:5, 7; วิวรณ์ 16:19)

I.    หนึ่ง “น้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น” มัทธิว 24:39; 2 เปโตร 2:5.

II.  สอง ตอนที่น้ำท่วมมานั้นสิ่งเดียวที่พวกเขาเป็นห่วงคือทุกสิ่งที่อยู่ในโลกนี้ มัทธิว 24:38; 6:33; 24:39; อาโมส 4:12; มาระโก 9:44.

III. สาม ตอนที่น้ำท่วมนั้นทุกคนที่อยู่ในนาวานั้นต่างก็รอด ฮิบรู 11:7; 2 เปโตร 2:5; ยอห์น 15:6; มัทธิว 22:12, 13; มัทธิว 7:22, 23

.