Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




จากการทรงสร้างจนถึงที่โลงศพ

(บทเทศนาตอนที่ 75 พระธรรมปฐมกาล)
FROM CREATION TO A COFFIN
(SERMON #75 ON THE BOOK OF GENESIS)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นของวันที่ 17 เดือน มีนาคม ค.ศ. 2013 ณ คริสตจักร
แบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, March 17, 2013

“โยเซฟจึงบอกพวกพี่น้องว่า “เราจวนจะตายแล้ว และพระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่ และจะพาพวกท่านออกไปจากประเทศนี้ให้ถึงแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบโยเซฟก็ให้ลูกหลานของอิสราเอลปฏิญาณตัวว่า พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่แล้วท่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่” (ปฐมกาล 50: 24-25)


พระธรรมปฐมกาลเป็นพระธรรมแห่งการเริ่มต้น คำว่า “ปฐมกาล” หมายถึง “การเกิด” หรือ “การเริ่มแรก” พวกธรรมจารย์ในสมัยโบราณได้ใช้ภาษากรีก ที่เรียกว่า “ปฐมกาล” เพราะว่าพระธรรมเล่มนี้ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ในเริ่มแรกนั้นพระเจ้าทรงฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก” (ปฐมกาล 1:1) พระธรรมปฐมกาลนั้นอธิบานถึงการเริ่มแรกของฟ้าและแผ่นดินโลก พืชพันธุ์ สัตว์ และชิวิตของมนุษย์ ดังพระธรรมปฐมกาลจึงเป็นพระธรรมแห่งชีวิต!

แต่พระธรรมเล่มนี้ยังเป็นพระธรรมแห่งความตายด้วย นั่นคือความแรกเกิดจากที่นั่น บรรยายถึงความตายที่น่ากลัวมาก กล่าวถึงความสำพันธ์ระหว่างบาปกับความตาย บาปแรกถูกบันทึกไว้ในบทที่สี่ นั่นคือการฆาตกรรมอาเบล บทที่ห้านั้นความตายของคนในยุคต่างๆ ในบทที่หกความตายที่เกิดจากน้ำท่วมโลก ยกเว้นครอบครัวขิงโนอาห์ที่รอด เพราะถูกช่วยกู้ สองห้วข้อนี้ ความตายกับชีวิตจึงกล่าวไว้ตลอดในพระธรรมปฐมกาล

เป้าหมายของผมในคำคืนนี้จะกล่าวถึงการตายของโยเซฟ ซึ่งเป็นพระธรรมตอนสั้นๆที่แสดงให้เห็นความตายและชีวิต

“โยเซฟจึงบอกพวกพี่น้องว่า เราจวนจะตายแล้ว และพระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่ และจะพาพวกท่านออกไปจากประเทศนี้ให้ถึงแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ โยเซฟก็ให้ลูกหลานของอิสราเอลปฏิญาณตัวว่า พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่แล้วท่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่ โยเซฟสิ้นชีพเมื่ออายุได้ร้อยสิบปี เขาก็อาบยารักษาศพไว้แล้วบรรจุไว้ในโลงที่อียิปต์” (ปฐมกาล 50:24-26)

พระธรรมปฐมกาลเริ่มต้นพูดถึงการทรงสร้างชีวิตที่สวนเอเดน และก็จบด้วยศพของโยเซฟถูกบรรจุ “ไว้ในโลงศพที่อียีปต์” (ปฐมกาล 50:26) มันอาจจะไม่ค่อยดีนักที่ผมเริ่มเทศน์ด้วยกล่าวถึงเรื่องความตาย แต่ก็จบด้วยการกล่าวถึงกามีชีวิต

I. ปฐมกาลอธิบายถึงกฏของบาปและความตาย

อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “ค่าจ้างของความบาปคือความตาย” (โรม 6:23) กฏของบาปและความตายกล่าวว่า “ดูเถิด ชีวิตทั้งสิ้นเป็นของเรา ชีวิตของบิดาเป็นของเราฉันใด ชีวิตของบุตรชายก็เป็นของเราฉันนั้น ชีวิตใดทำบาปก็จะตาย” (เอเสเคียล 18:4) ตอนนี้คือคำพูดของพระเจ้าที่ตรัสให้กับบรรพบุรุษของเรา พระเจ้าทรงเตือนพวกเขาว่าอย่ากินต้นไม้ต้องห้าม “เพราะว่าเจ้ากินในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น” (ปฐมกาล 2:17) นั่นคือกฏแห่งบาปและความตาย พระเจ้าตรัสว่า “เจ้ากินในวันใด เจ้าจะตายแน่” แต่เขาทั้งสองก็ไม่เชื่อฟังพระเจ้า พวกเขาจึงกิน และก็ตาย!

ตอนที่ผมยังเด็กอยู่นั้น ทุกตอนบ่ายแม่จะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งชื่อ “โจ๊เกอร์” ตอนที่เตาไฟยังติดไฟอยู่นั้น แม่บอกว่า “โจ็เกอร์ อย่าแหย่นิ้วเข้าไปในนั้นเดียวจะไหม้” แน่นอนเด็กน้อยที่มีชื่ออย่าง โจ๊เกอร์ นั้นอะไรจะเกิดให้กับเขา! เขาได้แหย่นิ้วไปในนั้นและร้องลั่นออกมา แม่บอกว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าอะไรจะเกิดขึ้น” แน่นอน เป็นเพราะเขาไม่ยอมฟัง เขาจึงแหย่นิ้วลงไปในปลิวไฟ และก็ไหม้ ภาพนี้แสดงถึงกฏของบาปและความตาย พระเจ้าตรัสว่า “เจ้ากินในวันใด เจ้าจะตายแน่” แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงกินผลไม้นั้น และก็ตาย นั่นคือกฏของบาปและความตาย! บางคนอาจพูดว่า “นั่นไม่ยุติธรรมเลย” ขอโทษ ความยุติธรรมไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย! ถ้าคุณยื่นมือลงไปในปลิวไฟก็ต้องไหม้ นั่นคือกฏของเหตุและผล ถ้าคุณโยนก้อนหินขึ้นไปบนฟ้ามันก็ต้องตกลงมา นั่นคือกฏของแรงดึงดูดของโลก ถ้าคุณโยนก้อนหินขึ้นไปในอากาศตกลงมาโดนศีรษะของคุณ คุณอย่าพูดว่า “นั่นไม่ยุติธรรมเลย” เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความยุติธรรม! นั่นคือกฏของแรงดึงดูดของโลก ถ้าคุณโยนบางอย่างขึ้นบนท้องฟ้า มันก็ต้องตกลงมา! นั่นคือกฏตายตัว และนั่นก็คือความจริงเกี่ยวกับกฏของบาปและความตายด้วย จิตวิญญาณที่มีบาปต้องตาย เช่นบรรพบุรุษของเรามีบาปจึงตาย นั่นคือกฏตายตัว – คือกฏของบาปและความตาย! จึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความยุติธรรม! อะไรก็ตามที่โยนขึ้นต้องตกลงมา นั่นคือกฏ คนที่มีบาปต้องตาย นั่นคือกฏ คนก็ไม่ชอบเรื่องเช่นนี้ แต่กฏก็คือกฏ – และไม่สามารถฝืนกฏนั้นได้

ตอนที่บรรพบุรุษแรกของเราทำบาปในสวนเอเดน และพวกเขาก็ตายในสวนเอเดนนั้น นั่นคือกฏของบาปและความตาย! สิ่งแรกที่ตายคือจิตวิญญาณ ต่อมาคือการตายในฝ่ายร่างกาย เพราะว่าเมล็ดแห่งความตายได้เข้ามาตอนที่พวกเขาทำบาป

เป็นเรื่องที่น่าเศร้า เพราะบาปของพวกเขาไม่ได้ลงมาเฉพาะพวกเขา แต่ยังไปสู่ลูกหลานของพวกเขาด้วย บางคนอาจพูดว่า “นั่นช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” ผมรู้ว่าพวกเขาต้องพูดอย่างนั่นแน่นอน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของความยุติธรรมเลย แต่คือกฏแห่งบาปและความตาย วันหนึ่งผมไปอ่านเจอทารกคนหนึ่งเกิดมาพร้อมกับติดเชื้อเอ็ดส์ ทารกนั้นไม่ได้ทำบาปเลย แต่แม่ของเขาเป็นคนทำ ดังนั้นทารกนั้นจึงต้องเกิดมาในสภาพเช่นนั้น นี่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมเช่นกัน แต่คือกฏของบาปและความตาย ตอนที่คนๆหนึ่งทำบาปคนทั้งหมดก็บาปไปด้วย และเป็นจริงตามนั้น

และนั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดในพระธรรมปฐมกาล เริ่มต้นด้วยบาปและการตายของบรรพบุรุษของเรา แต่บาปที่ถูกสาปแช่งนั้นไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น พระวัจนะตรัสว่า

“เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาปเพราะคนๆเดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใด” (โรม 5:19).

เช่นเดียวกับทารกน้อยที่เกิดมาพร้อมกับเชื่อเอดส์ เราทุกคนต่างก็ “เป็นคนบาป” เพราะบาปของพรรพบุรุษของเรา Heidelberg Catechism กล่วว่า บาปธรรมชาติของเรามา “จากการล่วงละเมิดของบรรพบุรุษของเรา นั่นคืออาดามและเอวาในสวนเอเดน การหลงผิดนั้นจึงเป็นเหมือนยาพิษในธรรมชาติของเรา ที่เกิดมาต้องบาป – ความคิดที่หลงพลาด” (The Heidelberg Catechism, question seven) คำสารภาพที่มีอยู่ในหนังสือของแบ๊บติสต์ปี 1689 กล่าวว่า บรรพบุรุษแรกของเรา “…เป็นบาปรวม และถ่ายทอดมาโดยธรรมชาติ สู่ลูกหลานของพวกเขา ทุกยุคทุกชั่วอายุคนต้องมีบาป และก็เป็นลูกแห่งพระพิโรธ เป็นทาสของบาป เป็นคนที่ต้องตาย และยังทนทุกข์ทรมานอื่นๆ จิตวิญญาณ ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือตลอดไป จนกว่าจะได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้าให้มีอิสระจากบาปแห่งธรรมชาตินี้…นั่นก็คือการล่วงละเมิด” (The Baptist Confession of Faith 1689, บทที่ 6:2, 3).

“จนกว่าพระเยซูจะช่วย [เรา] ออกจากลูกแห่งพระพิโรธ ทาสของบาป และคนที่ต้องตาย” พระวัจนะกล่าวว่า

“เหตุฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคนเช่นกัน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป” (โรม 5:12)

ปฐมกาลพิสูจน์ให้เห็นว่าข้อที่กล่าวมานี้มีจริง ลูกชายคนแรกของอาดามคือคาอินกลายเป็นฆาตกร เพราะเกิดจากพ่อแม่ที่บาป ในยุคของโนอาห์นั้นตามพระธรรมปฐมกาลบทที่ห้ากล่าวถึงการตายของคนที่ถูกน้ำท่วม เพราะว่า “บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น

“และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเจตนาทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป” (ปฐมกาล 6:5)

เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

“เหตุฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคนเช่นกัน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป” (โรม 5:12)

ตามที่ปรากฏในพระธรรมปฐมกาลนั้นคนในยุคต่างๆต่างก็รับบาปโดยทางธรรมชาติ และต้องตายเพราะผลบาปของอาดาม ดังนั้นพระธรรมปฐมกาลจึงจบด้วยการไม่มีชัยชนะใดๆของมนุษย์เลย แต่กลับลงเอยด้วยการตายเพราะผลของบาป

“โยเซฟสิ้นชีพเมื่ออายุได้ร้อยสิบปี เขาก็อาบยารักษาศพไว้แล้วบรรจุไว้ในโลงที่อียิปต์” (ปฐมกาล 50:26)

ปฐมกาลเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงพระเจ้าทรงสร้างชีวิต และก็จบด้วยผลแห่งความตาย และศพชองโยเซฟ “ถูกบรรจุไว้ในโลงที่อียิปต์”

เรื่องนี้จะมีผลกระทบอย่างไรต่อชีวิตของคุณ ไม่ว่าตอนนี้หรืออนาคต? อะไรที่เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตคุณ? จริงๆแล้ว โลกนี้ไม่เคยที่จะห่วงคุณเลย! อันดับแรกสุดคือร่างกายของคุณต้องตายเพราะผลของบาป ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมรู้ว่าตัวเองต้องตาย ตอนนั้นผมมีอายุราวแปดปี สุนัจที่ผมเลี้ยงวิ่งไปที่ถนนแล้วถูกรถชน ผมอุ้มมันขึ้นมาและรู้ว่ากระดูดของมันแตกหมด ตอนนั้นคือครั้งแรกที่ผมรู้ว่าวันหนึ่งผมก็ต้องตาย

ตอนรับรู้ถึงเรื่องนี้รู้สึกกลัวมาก ผมมั่นใจพวกเราส่วนมาก ไม่ว่าคุณจะคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่ ครั้งแรกที่คุณคิดถึงเรื่องความตายก็ต้องกลัวจนตัวสั่น ความตายไม่ใช่เรื่องที่จะมีโอกาสเป็นครั้งที่สอง นักจิตวิทยากล่าวว่ามนุษย์เราจะคิดถึงเรื่องความตายมากกว่าสิ่งอื่นใด นั่นคือความจริง เราก็คิดถึงการตายมากกว่าสิ่งอื่นใดจริงๆ เพราะความตายตามล่าพวกเราอยู่ เราพยายามปฏิเสธมัน หรือวางมันไว้ข้างๆ แต่ใจของเราจะคิดถึงมันตลอดเวลา เราไม่สามารถดึงมันออกจากใจของเรา ไม่ว่าจะด้วยประการใดก็ตาม แม้แต่เวลานอนหลับก็ยังคิดถึงมันอยู่ เราไม่อาจหลีกหนีมันไปได้!

ตอนนี้คุณเห็นแล้ว ถ้าความคิดเรื่องของความตายเป็นเพียงเพราะผลของบาป มันจะยิ่งใหญ่มากในชีวิตของเรา แต่ ไม่ได้ มีเพียงแค่นั้นยังมีอื่นๆอีกที่ทำลายชีวิตเรา หนึ่งในนั้นคือพลังอำนาจแห่งความมืดและความคิดชั่วที่ออกมาจากใจที่เต็มด้วยบาป พระเยซูตรัสว่า “เพราะว่าจากภายในมนุษย์คือจากใจมนุษย์ มีความคิดชั่วร้าย สารพัดการชั่วนี้เกิดมาจากภายใน และทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” (มาระโก 7:21, 23) ผมไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้คุณ ใช่มั้ย? คุณรู้ดีมากกว่าคนอื่นๆเพราะว่าความคิดชั่วนี้วนเวียนในอยู่ในใจคุณ ที่คุณไม่อาจบังคับมัน คุณไม่อาจหยุดมัน ไม่ว่าด้วยประการใดก็ตาม นั่นเป็นเพราะผลของบาปดั้งเดิม คือบาปที่ถ่ายทอดโดยทางธรรมชาติจากพรรพบุรูษของเรา

และอีกอย่างก็คือไม่อยากจะอธิษฐาน แน่นอน! คุณก็พบว่าการอธิฐานช่างยากเย็นเหลือเกิน ใช่มั้ย? คุณรู้ว่าคริสเตียนที่ดีนั้นชอบการอธิษฐาน และคุณก็ไม่ชอบอย่างนั้น ความจริงคือคุณ เกลียด การอธิษฐานที่ใช้เวลานานๆ – ใช่หรือเปล่า?

ไม่ว่าจะตอนนี้หรือต่อไปมันมีภาพที่น่ารังเกียจมากและมืดมนด้วยความคิดภายในของคุณ ใช่หรือไม่ คุณคิดถึงการตาย คุณคิดถึงสิ่งที่น่าอับอาย คุณไม่ชอบการอธิษฐาน ในความเป็นจริงถ้าคุณอยู่กับใครสักคนที่อธิฐานยาวมาก คุณก็จะ เกลียด การอธิษฐานนั้น ชีวิตภายในของคุณนั้นไม่ได้มีแต่ภาพสวยๆ ใช่หรือไม่? ในความเป็นจริงถ้าคุณอนุญาตตัวเองให้คิดถึงมันมากๆคุณอาจจะพูดเหมือนกับอาจารย์เปาโลว่า

“โอ ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจจริง ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้ได้” (โรม 7:24)

คุณจะเห็นว่ากฏของบาปและความตายที่คุณเผชิญนั้น อย่างที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป” (เอเฟซัส 2:1) เป็นจริงตามนั้นหรือเปล่า – ฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย ภายในของคุณตายเหมือนกับศพของโยเซฟ “ที่ถูกบรรจุไว้ในโลงศพ” (ปฐมกาล 50:26) แต่ขอบคุณพะเจ้า เราได้ออกจากที่นั่น! และตอนนี้นำเราไปดูในข้อที่สอง

II. สอง ปฐมกาลอธิบายว่ามนุษย์มีเพียงความหวังเดียว

เรามาฟังสองข้อแรกอีกครั้งหนึ่ง

“โยเซฟจึงบอกพวกพี่น้องว่า “เราจวนจะตายแล้ว และพระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่ และจะพาพวกท่านออกไปจากประเทศนี้ให้ถึงแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบโยเซฟก็ให้ลูกหลานของอิสราเอลปฏิญาณตัวว่า พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่แล้วท่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่” (ปฐมกาล 50: 24-25)

มีหลายเหตุผลที่เราสามารถเรียนรู้จากพระธรรมข้อนี้ แต่เราจะนำเพียงแค่หนึ่งในนั้น เป็นข้อที่ง่ายต่อการเข้าใจ: โยเซฟรู้ว่าเรามีความหวังเดียวเท่านั้นคือพระเจ้า ท่านกล่าวว่า และพระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่ และจะพาพวกท่านออกไปจากประเทศนี้ให้ถึงแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบโยเซฟก็ให้ลูกหลานของอิสราเอลปฏิญาณตัวว่า พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่แล้วท่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่” “พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่” โยเซฟมีความเชื่อในพระเจ้าว่าจะนำท่านออกจากอียีปต์ ไปที่คานาอัน อียิปต์คือสัญญาลักษ์แห่งความตาย คานาอันคือสัญญาลักษ์แห่งชีวิตหรือความรอด โยเซฟมีความเชื่อว่า พระเจ้าจะนำพวกเขาออกจากดินแดนแห่งความตาย ไปอยู่ที่ดินแดนแห่งความหวังหรือชีวิต ฮีบรู 11:22 กล่าวว่า

“โดยความเชื่อ โยเซฟเมื่อกำลังจะตายได้กล่าวถึงการที่ชนชาติอิสราเอลจะออกไป และได้มีคำสั่งไว้เรื่องกระดูกของท่าน” (ฮีบรู 11:22)

ไม่มีทางอื่นอีกที่ผมจะสามารถคิดและบอกพวกคุณว่าพระเจ้าคือความหวังเดียวของคุณ ถ้าพระเจ้าไม่ช่วยกู้เรา เราก็ต้องตายอยู่ในกฏของบาปและความตาย และพระเจ้าก็ทำทุกอย่างเพื่อช่วยกู้คุณ โยเซฟบอกว่า “พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่ และจะพาพวกท่านออกไปจากประเทศนี้ให้ถึงแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม” (ปฐมกาล 50:24) “พระเจ้าจะ…นำคุณออก”จากดินแดนแห่งความตายไปที่ดินแดนแห่งชีวิต!

ถ้าคุณไปอ่านพระธรรมเล่มต่อไป คือพระธรรมอพยพ คุณจะพบว่าพระเจ้าทรงกระทำอย่างนั้นจริงๆ พวกเขาทรยศ ทำบาป ไม่ช่วยตัวเองเลยแม้แต่น้อย พระเจ้าทรงทำทุกอย่างเพื่อช่วยกู้พวกเขา พระเจ้านำพวกเขาออกจากดินแดนแห่งการเป็นทาส พระองค์ทรงนำพวกเขาไปที่ดินแดนแห่งพันธสัญญา ตอนที่เหล่าสาวกถามพระเยซู

“เหล่าสาวกก็ประหลาดใจยิ่งนักจึงพูดกันว่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้ พระเยซูทอดพระเนตรเหล่าสาวกแล้วตรัสว่า ฝ่ายมนุษย์ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่เป็นแบบนั้นกับพระเจ้า…” (มาระโก 10:26, 27)

ต่อไป คุณ ต้องทำอย่างไร? บางคนอาจพูดว่า “ผมไม่จำเป็นต้องทำอะไร นั่งอยู่แต่ในโบถส์เหมือนฝูงที่รอคอยการช่วยกู้จากพระเจ้า” ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลยแน่นอนคุณต้องตกนรก มีสิ่ง หนึ่ง ที่คุณต้องทำ พระวัจนะตรัสว่า

“จงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย” (กิจการ 16:31)

จงเชื่อในพระคริสต์! วางใจในพระองค์! – แล้วการช่วยกู้นั้นคือหน้าที่ของพระองค์! พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของคุณ พระองค์ก็เป็นขึ้นมาจากความตาย และช่วยคุณให้มีอิสระจากกฏของบาปและความตาย!

ในเย็นนี้ผมอยากบอกคุณว่า – จงเชื่อในพระเยซูคริสต์! จงเข้ามาหาพระองค์! วางใจในพระองค์! จงทำเดียวนี้! คุณรอนานเกินไปแล้ว! วางใจในพระองค์! พระองค์จะช่วยคุณ! พระองค์ทรงรักคุณ! พระองค์จะอภัยบาปให้คุณ! พระองค์จะช่วยคุณให้รอดพ้นจากการพิพากษา! ความรักของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ ท่านกรีฟฟีท์ จะมาร้องเพลงนี้อีกครั้งหนึ่ง!

พระองค์ทรงเห็นว่าฉันหลงผิดไป
   พระองค์ยังรักฉันยังไม่มีวันหาย
พระองค์ช่วยฉันจากหลุมแห่งความตาย
   ความรักความเมตตาของพระองค์ นั้นยิ่งใหญ่!
ความรักความเมตตาของพระองค์ รักและเมตตา
   ความรักความเมตตาของพระองค์ นั้นยิ่งใหญ่!
(“His Loving-Kindness” โดย Samuel Medley, 1738-1799).

ถ้าคุณพร้อมที่จะวางในพระคริสต์ กรุณาเดินออกไปข้างหลังห้องนมัการนี้ เราจะนำพวกคุณไปยังห้องเงียบๆเพื่อพูดคุยและอธิษฐานเผื่อ ออกไปตอนนี้ในขณะที่ท่านกรีฟฟีท์กำลังร้องเพลงท่อนรับอยู่ ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ตอบสนองนี้ด้วย

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล พลูโฮมมี: ปฐมกาล 50:22-26.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“His Loving-Kindness” (โดย Samuel Medley, 1738-1799).


โครงร่างของ

จากการทรงสร้างจนถึงที่โลงศพ

(บทเทศนาตอนที่ 75 พระธรรมปฐมกาล)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“โยเซฟจึงบอกพวกพี่น้องว่า “เราจวนจะตายแล้ว และพระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่ และจะพาพวกท่านออกไปจากประเทศนี้ให้ถึงแผ่นดินที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบโยเซฟก็ให้ลูกหลานของอิสราเอลปฏิญาณตัวว่า พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่แล้วท่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่ โยเซฟสิ้นชีพเมื่ออายุได้ร้อยสิบปี เขาก็อาบยารักษาศพไว้แล้วบรรจุไว้ในโลงที่อียิปต์” (ปฐมกาล 50:24-26)

(ปฐมกาล 1:1)

I.   ปฐมกาลอธิบายถึงกฏของบาปและความตาย , โรม 8:2; โรม 6:23; เอเสเคียล 18:4; ปฐมกาล
2:17; โรม 5:19, 12; ปฐมกาล 6:5; มาระโก 7:21, 23; โรม 7:24; เอเฟซัส 2:1

II.  สอง ปฐมกาลอธิบายว่ามนุษย์มีเพียงความหวังเดียว ปฐมกาล 50:24-25;
ฮีบรู 11:22; ปฐมกาล 50:24; มาระโก 10:26, 27; กิจการ 16:31