Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




การเดินทางของยาโคบไปที่อียิปต์

(บทเศศนาตอนที่ 73 ในพระธรรมปฐมกาล)
JACOB’S PILGRIMAGE TO EGYPT
(SERMON #73 ON THE BOOK OF GENESIS)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นของวันที่ 3 เดือน มีนาคม ค.ศ. 2013 ณ คริสตจักร
แบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, March 3, 2013


บรรดาลูกชายของยาโดยต่างก็เดินทางไปซื้ออาหารที่อียิปต์ เพราะเกิดการกันดารอาหารที่แผ่นดินคนาอัน ในขณะที่พวกเขากำลังอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องตกตะลึงเพราะน้องชายของพวกเขาคือโยเซฟได้เป็นผู้ปกครองทั่งแผ่นดินอียีปต์ เพราะพวกเขาขายโยเซฟเยี่ยงทาส แต่พระเจ้าก็สร้างเขาขึ้นใหม่ให้เป็นคนที่มีมำอำนาจยิ่งใหญ่ ตอนนี้พวกเขากลับไปบอกพ่อของพวกเขาคือยาโคบว่าโยเซฟยังมีชีวิตอยู่ ตอนแรกยาโคบไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่หลังๆท่านก็เชื่อในความจริงนั้น และยาโคบก็พูดว่า

“อิสราเอลจึงว่า เราอิ่มใจแล้ว โยเซฟลูกเรายังมีชีวิตอยู่ เราจะไปเห็นลูกก่อนเราตาย” (ปฐมกาล 45:28)

นั่นคือบทนำในเนื้อหาของเราในเย็นนี้ กรุณายืนขึ้นและเปิดพระคัมภีร์ของท่านไปที่ปฐมกาล 46:1-4

“อิสราเอลเดินทางไปพร้อมกับทรัพย์ทั้งหมด มาถึงเมืองเบเออร์เชบา และถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของอิสอัคบิดาของตน พระเจ้าตรัสแก่อิสราเอลโดยนิมิตในเวลากลางคืนว่า ยาโคบ ยาโคบเอ๋ย ยาโคบทูลว่า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่พระเจ้าข้า”พระองค์จึงตรัสว่า เราคือพระเจ้า คือพระเจ้าของบิดาเจ้า อย่ากลัวที่จะลงไปยังอียิปต์เพราะเราจะให้เจ้าเป็นประชาชาติใหญ่ที่นั่นเราจะลงไปกับเจ้าถึงอียิปต์ และเราจะพาเจ้าขึ้นมาอีกด้วยแน่ และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ้า” (ปฐมกาล 46:1-4)

พวกท่านนั่งลงได้ กรุณาบอกพระคัมภีร์ของพวกท่านเอาไว้ในบทนี้

ตอนที่ผมไปศึกษาที่พระคริสตธรรมเสรีนิยมประมาณสิบสี่ปีที่ผ่านมานั้น พวกเขาบอกว่าพระธรรมตอนนี้สับเปลี่ยนชื่อของยาโคบและอิสราเอลไปมา เพราะพระธรรมเล่มนี้เขียนโดยนักเขียนหลายๆคนด้วยกันหรือที่เรียกกันว่า “บรรณาธิการ” เช่น นักเขียนที่ใช้ชื่ออักษรย่อว่า E มักจะใช้ชื่อ “ยาโคบ” ในขณะที่อีกคนที่ใช้อักษรย่อด้วย R มักจะใช้ชื่อที่ว่า “อิสราเอล” ผมขอถามคนเหล่านั้นว่า “คุณรู้ได้อย่างไร?” พวกเขาคงไม่อาจตอบผมด้วยทฤษฎีของพวกเขา ดร. เฮ็ช ซี ลิวโปลด์ นักแปลพระคัมภีร์คณะลูเทอร์เรนด์ ปฎิเสธทฤษฎีของพวกเสรีนิยมนี้ ท่านกล่าวว่า “การโต้แย้งนี้สามารถหาเหตุผลสนับสนุนพิสูจน์ได้”(H. C. Leupold, D.D., Exposition of Genesis, Baker Book House, 1985 edition, volume II, p. 1106; comment on ปฐมกาล 46:1-4).

ดร. ลิวโปลด์ สอนว่าการใช้สองชื่อนี้ในพระธรรมปฐากาลนั้นมีเหตุผลอยู่ในนั้น – ยาโคบคือใช้กล่าวถึงตัวบุคคล และอิสราเอลใช้กล่าวถึงชนชาติอิสราเอลที่เอวของเขา และนั่นคือความจริง แต่สำหรับผมแล้วสเปอร์เจียนบอกได้ชัดเจนมากถึงเหตุผลที่การใช้สองชื่อนี้สลับกันไปมา เช่นสเปอร์เจียนบอกว่า ชื่อเดิมของท่านที่ชื่อว่า “ยาโคบ” นั่นกล่าวถึงเรื่องราวที่เป็นอดิตของยาโคบ และชื่อใหม่ที่เรียกคือ “อิสราเอล” นั่นใช้ตอนในขณะที่ท่านถูกเปลี่ยนสภาพใหม่ ตามที่เราเห็นในปฐมกาล 45:27 และ 28 “…จิตใจของยาโคบก็ฟื้นแช่มชื่นขึ้น: และอิสราเอลก็กล่าวว่า พอแล้ว โยเซฟบุตรชายของเรายังมีชีวิตอยู่ เราจะไปให้เห็นเขาก่อนที่เราจะตาย” (ปฐมกาล 45:27, 28) ผมเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่น่าเชื่อถือที่กล่าวถึงสองชื่อที่ใช้สลับกันไปมา “ยาโคบ” แปลว่า “หลอกเขา” ส่วนชื่ออิสราเอลนั้น แปลว่า “เจ้าชายของพระเจ้า” ผู้เชื่อทุกคนต่างก็มีอดิตหรือชีวิตเก่า ในขณะเดียวกันก็มีชีวิตใหม่ ตอนที่ชิวิตในอดิตของเขามีบทบาทมากในตัวเขา พระเจ้าเรียกท่านว่า “ยาโคบ” แต่ตอนที่จิตใจของท่านมีความสุขตอนนั้นพระเจ้าเรียกท่าน “อิสราเอล” และนี้คือการแปลที่ถูกต้องตามหลักการแปลพระคัมภีร์ และก็คือความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตจริง – ประสบการณ์ของผู้เชื่อทุกคนก็รับรู้ได้ สเปอร์เจียนกล่าวว่า “’ยาโคย’ คือชื่อที่ใช้เรียกตามที่เขาเกิดในฝ่ายเนื้อหนัง ‘อิสราเอลง’ คือชื่อที่ใช้เรียกตามที่เขาบังเกิดนฝ่ายจิตวิญญาณ’” (C. H. Spurgeon, Metropolitan Tabernacle Pulpit, Number 2,116, p. 1). ชีวิตใหม่ของเขานั้นคือชิวิตที่เชื่อฟังพระเจ้าโดยความเชื่อ และก็ลงไปที่อียิปต์ ไปหาลูกชายของเขาคือโยเซฟ แต่ในฝ่ายเนื้อหนังนั้นเขาก็มีความกลัวอยู่ด้วย ดังนั้นพระเจ้าต้องหนุนใจเขาก่อนที่จะไป ในการเดินทางไปที่อียิปต์ของยาโคบนี้เราจึงเห็นทั้งความกลัวและความเชื่อของเขา ตามคำอธิบายนี้ เราจะเข้าไปที่เนื้อหาเดียวนี้ ที่ๆเราสามารถเรียนรู้ความจริงที่สามารถนำมาใช้กับชีวิตผู้เชื่อ

I. หนึ่ง เราเรียนรู้ถึงความเชื่อของยาโคบ

ในตอนที่ยาโคบและครอบครัวเริ่มต้นออกเดินทางไปหาโยเซฟ พวกเขาได้ไปพักที่เมืองเบเออร์เชบา และยังอยู่ในดินแดนของคนาอัน พวกเขาหยุดพักและยาโคบได้ถวายการบูชาแด่พระเจ้า กรุณายืนขึ้นและอ่าน ปฐมกาล 46:1 ด้วบเสียงดังๆ

“อิสราเอลเดินทางไปพร้อมกับทรัพย์ทั้งหมด มาถึงเมืองเบเออร์เชบา และถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของอิสอัคบิดาของตน” (ปฐมกาล 46:1)

พวกท่านนั่งลงได้

อาเทอร์ ดับบริว พินก์ กล่าวว่า “ดังนั้น สิ่งแรกที่กล่าวถึงยาโคบหลังจากที่เขาออกเดินทางลงไปที่อียิปต์ คือการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า ประสบการณ์เรียนรู้ที่สะสมมายาวนาน…สอนท่านให้ถือพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง; [ก่อน] ที่เขาจะเดินทางไปหาโยเซฟ เขาต้องนมัสการพระเจ้าแห่งบิดาของเขาคืออิสอัคก่อน”) (Gleanings in Genesis, Moody Press, 1981 edition, หน้า 313

ตอนที่ผมมาเป็นคริสเตียนใหม่ๆนั้น ผมมักจะได้ยินคนบอกว่า “ทรงนำ” โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเรื่องต่างๆ เช่นการย้ายจากคริสตจักรหนึ่งไปอีกที่หนึ่ง แต่ผมก็เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเรื่องเช่นนี้ช่างเป็นอะไรที่เหลวไหลมาก ผมคิดว่าอย่าทำการเปลี่ยนแปลงใดๆอย่างทันทีทันใด และสำหรับผมจะให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในทุกการตัดสินใจ ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม ผมจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรจนกว่าศิษยาภิบาลของผม และผู้หลักผู้ใหญ่ในคริสตจักร ให้คำแนะนำถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น ถึงแม้ว่าการตัดสินในแต่ละครั้งนั้นอาจจะยากต่อผม ผมก็ไม่ทำตามความต้องการและความปราถนาของผมเด็ดขาด แต่ให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง อย่างพระธรรมฮีบรู 13:17

“ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้นที่ปกครองท่าน ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวังดูจิตวิญญาณของท่าน เหมือนกับผู้ที่จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ เพราะที่ทำดังนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านทั้งหลาย” (ฮีบรู 13:17)

และ 1 เธสะโลนิเก 5:12, 13

“พี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนท่านให้ [รู้จักขอบคุณ] คนที่ทำงานอยู่ในพวกท่าน [และปกครองท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า และตักเตือนท่าน] จงเคารพเขาให้มากในความรักเพราะงานที่เขาได้กระทำ และจงอยู่อย่างสงบสุขด้วยกัน” (1 เธสะโลนิเก 5:12, 13)

ผมจะขอคำปรึกษาจากศิษยาภิบาลของผมคือ ดร. ทิโมธี หลิน และ ดร. เมอร์ฟี ลัม เสมอ ในยามที่ผมต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆในชีวิตของผม และตกลงว่าต้องทำตามคำแนะนำของคนเหล่านั้น แม้ว่าคำปรึกษาจากคนเหล่านั้นไม่ได้เป็นไปตามความคิดของผมก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องดีกันทั้งนั้น พระวัจนะตรัสว่า

“จงวางใจในพระเยโฮวาห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความเข้าใจของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น อย่าทำตัวฉลาดตามสายตาของตนเอง จงยำเกรงพระเยโฮวาห์ และออกไปเสียจากความชั่วร้าย การกระทำเช่นนี้จะเป็นสุขภาพแก่สะดือของเจ้า และเป็นไขในกระดูกของตน” (สุภาษิต 3:5-8, 11-13)

ความเชื่อของยาโคบทำให้เขาต้องหยุดเดินทางเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าที่เมืองเบเออร์เชบาก่อน อย่างที่ท่านกล่าวเอาไว้ ขอพระเจ้าทรงเปิดเผยน้ำพระทัยของพระองค์ให้เขาเห็นชัดเจน เพราะตอนแรกนั้นยาโคบไม่กล้าวางใจในพระองค์

ช่างเป็นเรื่องที่แปลกมาก ตอนที่ผมเตรียมคำเทศนานี้ ผมเผลอไปหยีบเอาหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะทำงานของผม ซึ่งเป็นช่วงที่ผมไม่รู้ว่าจะเทศนาเรื่องอะไร ผมก็เปิดไปที่หน้า 17 และไปอ่านคำแนะนำของศิษยาภิบาลของแบ๊บติสต์ใต้คนหนึ่ง ท่านเขียนมาหลายไปแล้ว – ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ดร. ดับบริว เฮอร์เชล์ ฟอร์ด กล่าวว่า

      พระธรรมสุภาษิต 3:6 กล่าวถึงการนำทางอย่างนี้ “จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” ตัวผมเองสามารถรับรู้ว่าทุกครั้งที่ทำตามการทรงนำของพระองค์แล้วก็จะพบแต่สันติสุขและชัยชนะ แต่ในยามที่ผมปฏิเสธที่จะทำตามนั้นก็พบแต่เรื่องน่าเศร้าและความพ่ายแพ้

      การตัดสินใจในทุกวันนี้ก็มีอยู่มากมาย สมมุติว่าคุณได้รับการตอบรับเข้าทำงานในต่างเมืองและสามารถให้เงินเดือนคุณมากกว่าเดิม คุณจะตอบรับงานนั้นทันทีทันใด้อย่างไม่รีรอหรือจะรอคอยพระเจ้าก่อน? การตัดสินใจเหล่านั้นอาจรวมถึงการศึกษาของคุณหรือของลูกๆ โรงเรียนไหนจะดีที่สุดให้คุณหรือลูก? และการตัดสินใจที่เกี่ยวกับลูกๆ เช่นคุณให้อิสระให้กับพวกเขามากน้อยแค่ไหน และคุณควบคุณพวกเขามากแค่ๆไหน? การตัดสินใจเกี่ยวกับบ้านใหม่หรือรถใหม่ ทางที่ดีที่สุดคือรอดูก่อน…หรือจะเดินหน้าไปก่อนพระเจ้า เราทำตามความต้องการของเรา ไปตามทางของเรา แต่ในไม่ช้าเราก็จะพบกับความล้มเหลว (W. Herschel Ford, D.D., Simple Sermons on Life and Living, Zondervan Publishing House, 1971 edition, pp. 17, 18).

ผมบอกแล้วว่าช่างเป็นเรื่องที่ “แปลก” ตอนที่ผมหยิบหนังสือเล่มนั้นและก็เปิดไปที่หน้านั้น ตอนที่ผมเขียนบทเทศนานี้ ผมไม่ใช่คริสเตียนอย่างนั้น แต่ผมก็เชื่อว่าพระเจ้าทรงนำผมไปที่นั่นเพื่อรับคำแนะนำจาก ดร. ฟอร์ด จุดสำคัญที่ท่านกล่าวไว้คือให้รอก่อน อย่าด่วนตัดสินใจถึงเรื่องราวของชีวิต ท่านกล่าวว่า “สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือให้รอก่อน” และผมอยากจะกล่าวเสริมไปว่าให้แสวงหาคำแนะจากศิษภิบาลของคุณ และผู้นำในคริสตจักรก่อน ผมเองจะไม่ไปขอคำแนะนำจากบุคคลภายนอกคริสตจักรของเรา เช่นนักเทศน์จากคริสตจักรอื่น เพราะพวกเขากำลังยุยงและทำให้คุณไขว้เขวย้ายมาที่คริสตจักรของพวกเขาเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้จรรยาบรรณมากๆ แต่ตรงกันข้ามถ้าเป็นผู้นำในคริสตจักรของคุณ พวกเขารู้ดีว่าตุณต้องการอะไร ยาโคบหยุดที่เมืองเบเออร์เชบา ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า และรอการทรงนำจากพระเจ้า นั่นคือความเชื่อของยาโคบ

II. สอง เราเรียนรู้ถึงความกลัวของยาโคบ

ตอนนี้เราก็พบสาเหตุที่แท้จริงที่ยาโคบต้องหยุดการเดินทางไปที่อียิปต์ ท่านทำสองจิตสองใจที่เมืองเบเออร์เชบาเพราะว่ากลัว ถ้าเราอ่านในข้อที่สามพระเจ้าตรัสให้กับยาโคบว่า “อย่ากลัวที่จะลงไปยังอียิปต์” (ปฐมกาล 46:3) ท่านจึงหยุดที่นั่นเพื่อถวายบูชาแด่พระเจ้าที่เมืองเบเออร์เชบา เพราะท่านกลัวที่จะไปที่อียีปต์ และท่านต้องการพระเจ้าสำแดงน้ำพระทัยของพระองค์ให้กับท่านให้ชัดเจนก่อน

สเปอร์เจียนกล่าวว่า ยาโคบหยุดเดินทางและถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เพื่อความแน่ใจว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ให้เขาลงไปที่อียิปต์จริงๆ ผมรู้ว่าคนที่หัวดื้อมักจะมองคนอื่นในทำนองนี้ว่าทำการผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง นั่นคือสิ่งที่ผู้นำคริสเตียนหลายคนต้องหลงทางไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมาได้ อย่าทำตามคนเช่นนี้เด็ดขาด สเปอร์เจียนกล่าวว่า “พระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะเห็นลูกของพระองค์กังวลอย่างถูกต้อง เพราะความกังวลนั้นคือทางนำพาพวกเขา…เราต้องระมัดระวัง เราต้องช่วยเหลือเรื่องต่างๆในคริสตจักร ทำให้ดี การตัดสินทำอะไรต้องทำอย่างรอบคอบ เราเลือกทางที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ให้มากที่สุด” (Metropolitan Tabernacle Pulpit, volume 35, sermon number 2,116, p. 639).

โดยทางธรรมชาติแล้วสาเหตุที่ทำให้ยาโคบกลัวเพราะท่านชรามากแล้ว คนแก่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่แสดงว่าคนแก่ไม่ค่อยผิดพลาดมากเท่ากับคนหนุ่มสาวทั้งหลาย และนั่นก็คือเหตุผลที่สำคัญที่คนหนุ่มควรแสวงหาคำปรึกษาจากผู้ใหญ่เหล่านั้นในคริสตจักร ถ้าคุณทำตามคำแนะนำของพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นการผิดพลาดจะมีน้อยมาก

ยาโคบก็เช่นเดียวกัน กลัวที่จะลงไปที่อียิปต์เพราะท่านจำคำพูดของพระเจ้าที่พระเจ้าตรัสไว้ให้กับอับราฮัมบรรพบุรุษของท่าน ท่านจึงลังเลใจว่าและคิดว่าอียิปต์คือดินแดนที่ทำให้อับราฮัมต้องรับประสบการณ์ “ความหวาดกลัวความหดหู่ใจอย่างยิ่งก็ทับถมท่าน” (ปฐมกาล 15:12) ท่านกลัวที่จะไปที่อียิปต์เพราะท่านกลัวว่าลูกหลานของท่านจะไปทุกข์ทรมาณที่นั่นเป็นเวลาถึงสี่ร้อยปี

ท่านกลัวที่จะไปที่อียิปต์เพราะท่านคิดว่าอาจมีการทดลองมากมายที่นั่น เช่นเดียวกันเวลาที่คนๆหนึ่งต้องพาลูกๆจากบ้านนอกเข้าไปอาศัยในตัวเมืองใหญ่ก็เกิดความกลัวเช่นนี้ เพราะเมืองใหญ่ๆต่างก็มีการทดลองอยู่มากมาย ผมจำคำพูดของ มิชชั่นนารีท่านหนึ่งชื่อ ซี ที สตูดด์ ที่ว่า “ที่เดียวที่ปลอดภัยคือ ที่ๆอยู่กับพระเจ้า” ตอนที่พระเจ้าตรัสกับยาโคบ “อย่ากลัวที่จะลงไปยังอียิปต์” ท่านไปที่นั่นด้วยความเชื่อ และอียิปต์ก็คือแหล่งเดียวที่ปลอดภัย เพราะพระเจ้ามีน้ำพระทัยให้ครอบครัวของท่านไปอาศัยที่นั่น

ผมจำได้ตอนที่ต้องย้ายจากคริสตจักรที่นครลอสแอเจลิสไปอยู่ที่เมืองซานฟราซิสโก เพื่อไปเรียนที่พระคริสตธรรมที่นั่น ผมไปที่นั่นด้วยความกลัวอย่างมาก เพราะผมรู้มาก่อนหน้านั้นว่าที่นี่คือสายเสรีนิยมและความไม่มีพระเจ้านั่นคือพระคริสตธรรมที่ชื่อว่า Golden Gate Baptist Theological Seminary ในเวลานั้น แต่ผมก็ไม่มีทุกการศึกษาเพียงพอที่จะไปเรียนในโรงเรียนของสายอนุรักษ์นิยม ศิษยาภิบาลของผมแนะนำให้ผมไปที่นั่น ท่านเพียงแต่บอกผมว่ามันไม่ทำให้คุณเจ็บหรอก ที่ท่านกล่าวอย่างนั้นถูกต้องทีเดียว ที่นั่นทำลายผมมาก แต่ไม่ได้ทำให้ผม “เจ็บ” แต่อย่างใด! ผมไม่อาจเป็นนักทเทศน์ได้อย่างทุกวันนี้ ถ้าผมไม่ไปที่นั่น ผมคงไม่มีประสบการรณ์ที่ว่า เด็ก หนุ่มคนหนึ่ง เคยไปเรียนที่พระคริสตธรรมสายเสรีนิยม ที่ ผม ไปเรียนที่นั่นก็ถูกต้องแล้ว

“พระเจ้าตรัสกับยาโคบ เราจะลงไปกับเจ้าถึงอียิปต์ และเราจะพาเจ้าขึ้นมาอีกด้วยแน่ และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ้า” (ปฐมกาล 46:4) นั่นแหละคือวิธีเดียวกันที่พระเจ้าใช้ให้กับผม พระองค์เสด็จไปที่พระคริสตธรรมเสรีนิยมนั้นพร้อมกับผม แม้อาจเป็นคริสตจักรทีดูเหมือนไม่มีพระเจ้าเลยก็ตาม แต่แล้วพระองค์ก็ทรงนำผมออกจากที่นั้นเช่นเดียวกัน! พระคริสตธรรมแห่งนั้นเปรียบเหมือนอียีปต์และสวนเกทเสมเนให้กับผม แต่พระเจ้าก็นำผมให้ผ่านพ้นไปได้ และที่นั่นเป็นประสบการณที่แปลกประหลาดมากให้กับผม บทเพลงเก่าๆเพลงหนึ่งพูดได้ดีมาก!

“จิตวิญญาณจงเข้ามาพักที่พระคริสต์
   ฉันจะไม่ ฉันจะไม่ กลัวข้าศึกของเขา
จิตวิญญาณไม่สะท้าน แม้ว่านรกพยายามที่จะเขย่า
   ฉันจะไม่ ฉันจะไม่ ไม่มีวันลืม!

ตอนที่อยู่ในที่น้ำลึก เราจะเรียกเจ้าและเดินไปด้วยกัน
   แม่น้ำแห่งความโศกเศร้าจะไม่มีวันท่วม
เราจะอยู่กับเจ้า อวยพรในทางที่เจ้าเดินไป
   และล้างบาปที่อยู่ในส่วนลึกแห่งจิตใจที่ชอกช้ำ

เมื่อเดินไปในทางที่มีปลิวไฟและยามที่ต้องล้มลง
   พระคุณของเรามีพร้อมเพียงพอกับความต้องการของเจ้า
ปลิวไฟนั้นไม่สามารถทำอะไรเจ้า เราบัญชามัน
   ขี้แร่ของเจ้าที่จะบริโภคและทองคำของเจ้าปรับแต่งใหม่”
(“How Firm a Foundation,” “K” in Rippon’s Selection of Hymns, 1787).

ยังเหลืออีกสิ่งหนึ่งจากพระธรรมตอนนี้ที่ผมอยากให้พวกคุณนำไปใช้ บางคนในพวกคุณอาจกลัวที่จะเข้ามาหาพระคริสต์ คุณกลัวที่จะไว้วางใจในพระผู้ช่วยให้รอด ผมอยากจะพูดกับคุณด้วยคำพูดนี้ – ความกลัวเช่นนั้นมาจากมาร! ไม่ใช่จากพระเจ้า! นั่นคือความขี้ขลาดตามแบบวิญญาณชั่ว ที่ถูกส่งมาโดยซาตานเพื่อหยุดคุณ ให้ตกเป็นทาสของมัน! พระเจ้าตรัสให้กับยาโคบว่า อย่ากลัวที่จะลงไปที่อียิปต์….(ปฐมกาล 46:3) อย่ากลัวที่ต้องเชื่อเรื่องของความบาป ให้ใจของคุณลงลึกลงไปเพื่อจะได้เห็นว่าบาปที่อยู่ในใจของคุณนั้นช่างเป็นเหมือนอย่างอียิปต์ที่มีแต่เรื่องเลวร้าย

อย่ากลัวที่จะเข้ามาหาพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอด โปรดอย่าลืมว่าโยเซฟคือต้นแบบของพระเยซู! พระเจ้าจะลงไปกับคุณเพื่อไปเชื่อถึงเรื่องนั้น พระเจ้าจะเสด็จพร้อมกับคุณไปที่พระคริสต์ ผู้เป็นโยเซฟของเรา และพระเจ้าจะนำคุณออกมาจากความบาป! กรุณายืนขึ้นและอ่านข้อที่สามและสี่ด้วยเสียงดังๆ

“พระองค์จึงตรัสว่า เราคือพระเจ้า คือพระเจ้าของบิดาเจ้า อย่ากลัวที่จะลงไปยังอียิปต์เพราะเราจะให้เจ้าเป็นประชาชาติใหญ่ที่นั่น เราจะลงไปกับเจ้าถึงอียิปต์ และเราจะพาเจ้าขึ้นมาอีกด้วยแน่ และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ้า” (ปฐมกาล 46:3, 4).

นั่งลงได้ “เราจะลงไปกับเจ้าถึงอียิปต์ และเราจะพาเจ้าขึ้นมาอีกด้วยแน่ และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ้า”! โยเซฟอาจต้องวางมือลงบนศีรษะของยาโคบเพื่อปิดตาในยามที่เขาเสียชีวิต แต่พระเยซู โยเซฟของเรา วางมือลงบนตาของคุณแล้วคุณก็จะเห็นโดยความเชื่อ “อย่ากลัว” – เพราะพระเยซูจะช่วยคุณให้รอดจากความบาป! พระเจ้ากำลังตรัสกับคุณในค่ำคืนนี้ว่า

“จิตวิญญาณจงเข้ามาพักที่พระคริสต์
   ฉันจะไม่ ฉันจะไม่ กลัวข้าศึกของเขา
จิตวิญญาณไม่สะท้าน แม้ว่านรกพยายามที่จะเขย่า
   ฉันจะไม่ ฉันจะไม่ ไม่มีวันลืม!

จงมาที่พระคริสต์โดยทางความเชื่อ ไม่มีอะไรเลยที่จะต้องกลัว – ไม่ต้องกลัวอะไร!

“คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด”
       (1 ทิโมธี 1:15)

เราจะอธิฐานเพื่อคุณจะได้วางใจในพระคริสต์ในค่ำคืนนี้เลย!

“เราจะลงไปกับเจ้าถึงอียิปต์ และเราจะพาเจ้าขึ้นมาอีกด้วยแน่ และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ้า” (ปฐมกาล 46:4)

ถ้าพวกคุณอยากคุยกับพวกเราถึงความรอดของคุณ กรุณาลุกออกจากที่นั่งและเดินออกไปจากห้องนี้ ดร. คาเกน จะนำพวกท่านไปอีกห้องหนึ่งที่เงียบๆเพื่อสอนเพิ่มเติมและบอกคุณถึงเรื่องการวางใจในพระคริสต์เหมือนอย่างบทเพลงทีท่านกริฟฟ ได้ร้องไปชื่อว่า “หลักพื้นฐานที่สำคัญ”

“จิตวิญญาณจงเข้ามาพักที่พระคริสต์
   ฉันจะไม่ ฉันจะไม่ กลัวข้าศึกของเขา
จิตวิญญาณไม่สะท้าน แม้ว่านรกพยายามที่จะเขย่า
   ฉันจะไม่ ฉันจะไม่ ไม่มีวันลืม!

ตอนที่อยู่ในที่น้ำลึก เราจะเรียกเจ้าและเดินไปด้วยกัน
   แม่น้ำแห่งความโศกเศร้าจะไม่มีวันท่วม
เราจะอยู่กับเจ้า อวยพรในทางที่เจ้าเดินไป
   และล้างบาปที่อยู่ในส่วนลึกแห่งจิตใจที่ชอกช้ำ

เมื่อเดินไปในทางที่มีปลิวไฟและยามที่ต้องล้มลง
   พระคุณของเรามีพร้อมเพียงพอกับความต้องการของเจ้า
ปลิวไฟนั้นไม่สามารถทำอะไรเจ้า เราบัญชามัน
   ขี้แร่ของเจ้าที่จะบริโภคและทองคำของเจ้าปรับแต่งใหม่”

ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ตอบสนองการทรงเรียกนั้น

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล พลูโฮมมี: ปฐมกาล 45:25-46:4
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“How Firm a Foundation” (“K” in Rippon’s Selection of Hymns, 1787).


โครงร่างของ

การเดินทางของยาโคบไปที่อียิปต์

(บทเศศนาตอนที่ 73 ในพระธรรมปฐมกาล)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“อิสราเอลเดินทางไปพร้อมกับทรัพย์ทั้งหมด มาถึงเมืองเบเออร์เชบา และถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของอิสอัคบิดาของตน พระเจ้าตรัสแก่อิสราเอลโดยนิมิตในเวลากลางคืนว่า ยาโคบ ยาโคบเอ๋ย ยาโคบทูลว่า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่พระเจ้าข้า”พระองค์จึงตรัสว่า เราคือพระเจ้า คือพระเจ้าของบิดาเจ้า อย่ากลัวที่จะลงไปยังอียิปต์เพราะเราจะให้เจ้าเป็นประชาชาติใหญ่ที่นั่นเราจะลงไปกับเจ้าถึงอียิปต์ และเราจะพาเจ้าขึ้นมาอีกด้วยแน่ และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ้า” (ปฐมกาล 46:1-4)

(ปฐมกาล 45:27, 28)

I.   หนึ่ง เราเรียนรู้ถึงความเชื่อของยาโคบ ปฐมกาล 46:1; ฮีบรู 13:17;
1 เทสะโลนิเก 5:12, 13; สุภาษิต 3:5-8, 11-13.

II.  สอง เราเรียนรู้ถึงความกลัวของยาโคบ ปฐมกาล 46:3; 15:12; 46:4; 1 ทิโมธี 1:15.